Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
การเน่าเปื่อย
ส่วนหนึ่งของรายการเรื่อง |
นิติเวชศาสตร์ |
---|
การผ่าและพิสูจน์ศพ
|
การตรวจสอบระยะเวลาตาย
|
หน่วยงานในสังกัด
|
การเน่าเปื่อย (อังกฤษ: Decomposition) เป็นการเปลี่ยนแปลงหลังการตายตามธรรมชาติอย่างหนึ่งของร่างกายสิ่งมีชีวิต เมื่อเกิดการตายและหัวใจหยุดเต้น ร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังการตายตามลำดับก่อนหลัง โดยเกิดรอยเขียวช้ำหลังตาย สภาพแข็งทื่อหลังตาย การลดลงของอุณหภูมิร่างกายหลังตายและเกิดการเน่าเปื่อยในลำดับสุดท้าย ซึ่งการเน่าเปื่อยของร่างกาย จะเกิดจากการสลายตัวของเนื้อเยื่อภายในร่างกายโดยมีหลักการเน่าเปื่อยสองประการคือ การสลายตัวเองและการเน่าสลาย
รูปแบบการเน่าเปื่อย
การสลายตัวเอง
การสลายตัวเอง (อังกฤษ: Autolysis) เป็นการเกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีที่มีน้ำย่อยเซลล์ออกมาจากตัวเอง ทำให้เนื่อเยื่อเกิดการสลายตัว และเนื่องจากการสลายตัวของเซลล์เองเป็นปฏิกิริยาทางเคมี จึงขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและสภาพของสิ่งแวดล้อมประกอบด้วย ถ้าอุณหภูมิสูงจะเกิดปฏิกิริยาการเน่าสลายตัวอย่างรวดเร็วเช่น ศพในบริเวณทะเลทราย ความร้อนระอุของทรายจะเป็นตัวช่วยเร่งให้ศพเกิดการเน่าสลายตัวเร็วยิ่งขึ้น ในทางตรงกันข้ามถ้าอุณหภูมิต่ำจะเกิดปฏิกิริยาการเน่าสลายตัวอย่างช้าเช่น ศพในบริเวณขั้วโลกเหนือ ความเย็นของหิมะ ธารน้ำแข็งจะเป็นตัวช่วยรักษาสภาพของศพให้เกิดการเน่าสลายตัวอย่างช้า ๆ อวัยวะภายในร่างกายส่วนใดที่มีน้ำย่อยเซลล์จำนวนมาก อวัยวะในส่วนนั้นจะเกิดการเน่าสลายตัวอย่างรวดเร็ว เช่นเมื่อตายร่างกายจะเกิดการย่อยสลายที่บริเวณตับอ่อน ซึ่งจะเกิดการเน่าสลายตัวก่อนหัวใจเป็นต้น
การสลายตัวในร่างกาย เกิดจากแบคทีเรียทำปฏิกิริยาเคมีในเนื้อเยื่อของร่างกาย เนื่องจากแบคทีเรียส่วนใหญ่มีอยู่ในลำไส้ใหญ่อยู่แล้ว หลังตายแบคทีเรียเหล่านี้จะเริ่มพัฒนาการและเจริญเติบโตมากขึ้น รวมทั้งเริ่มปรากฏให้เห็นเป็นสิ่งแรกในร่างกายคือการเริ่มมีสีเขียวจาง ๆ ที่บริเวณท้องน้อย เมื่อตายมาประมาณ 24 ชั่วโมง จะพบว่าบริเวณท้องน้อยด้านขวาจะเริ่มปรากฏสีเขียวมากกว่าด้านซ้าย เนื่องจากการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในบริเวณนั้นจะสร้างก๊าซซึ่งส่วนใหญ่เป็นก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งก๊าซนี้จะซึมซาบไปทุกส่วนของร่างกาย วิ่งไปตามเส้นเลือดทุกเส้นทำให้เส้นเลือดเกิดเป็นสีเขียวคล้ำ เป็นลวดลายมองดูคล้ายกับลายของหินอ่อนปรากฏบนบริเวณผิวหนังทั่วทั้งร่างกายเรียกว่า "Marbling"
การเน่าสลาย
การเน่าสลาย (อังกฤษ: Putrefaction) ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จะเกิดหลังจากเกิดการเน่าสลายของเซลล์ ตามใบหน้า ไหล่และหน้าอกเริ่มเกิดสีเขียวคล้ำและเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายค่อย ๆ เกิดการอืดมากขึ้น บริเวณผิวหนังเริ่มเกิดถุงน้ำจากการที่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังเกิดการเน่าสลายตัว ทำให้เกิดน้ำเหลืองดันใต้ผิวหนังส่งผลให้ผิวหนังโป่งบวมมากขึ้น และต่อมาผิวหนังก็จะเกิดการเน่าปริและหลุดลอกออกไป เส้นผม เส้นขนตามบริเวณร่างกายเกิดการหลุดออก ในช่วงระยะเวลานี้จะพบมีน้ำเหลืองซึ่งมีลักษณะสีแดงคล้ำไหลออกมาทางปากหรือทางจมูกของศพอีกด้วย
ระยะแรก
การเน่าสลายของร่างกายในระยะแรก จะมีน้ำเหลืองจำนวนมากไหลออกมาขังอยู่ตามช่องต่าง ๆ ในร่างกายเช่นในบริเวณช่องอก ช่องท้อง และในขณะเดียวกันร่างกายก็จะเกิดบวมพองมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเกิดจากแรงดันของก๊าซที่เกิดขึ้นในร่างกาย ก๊าซที่มีการเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้ลิ้นในกระพุ้งแก้มถูกดันออกมาจุกที่ปากในลักษณะของลิ้นจุกปาก เพดานปากและลิ้นไก่เกิดการเน่า ลูกนัยน์ตาทั้งสองข้างจะถูกแรงดันให้ทะลักล้นออกมานอกเบ้าตา ในผู้ชายถุงอัณฑะจะเกิดการโป่งบวมพอง อวัยวะเพศชายมีลักษณะบวมเป่งและมีน้ำเหลืองไหลเยิ้ม ในผู้หญิงจะเกิดการบวมพองที่ทวารหนักและช่องคลอด จะถูกแรงดันทำให้เกิดการแบะออกมาภายนอก ร่างกายทั่วไปถูกดันจนข้อต่าง ๆ มีการงอเข้ามาเล็กน้อย นิ้วมือบวมเป่งจนดันกันให้กางออกทั้งสองข้าง ซึ่งระยะเวลานี้เรียกว่าเกิดการอืดของร่างกายอย่างเต็มที่ ในอุณหภูมิทั่วไปในประเทศไทยประมาณ 3-4 วันหลังจากตาย
ระยะสุดท้าย
หลังจากการเน่าสลายตัวในระยะแรก อวัยวะบางส่วนจะเกิดจากหลุดลอก หลังจากในช่วงระยะเวลาประมาณ 3-4 วัน เนื้อเยื่อจะเริ่มสลายตัวมากยิ่งขึ้นจนเริ่มมองเห็นกระดูกบริเวณหน้าผากหรือโหนกแก้ม ซึ่งการเน่าสลายตัวของร่างกายในช่วงระยะเวลานี้ จะใช้เวลาประมาณ 7 วันและเริ่มมากขึ้นจนเห็นมองกระดูกซี่โครงและอวัยวะภายในช่องอกที่เน่าสลายตัวอยู่ภายใน เมื่อเวลาประมาณ 2 อาทิตย์การเน่าสลายตัวจะเพิ่มมากขึ้นจนเกิดการสลายตัวในช่องท้อง จนสามารถมองเห็นอวัยวะต่าง ๆ ได้เกือบหมดในช่วงระยะเวลาประมาณ 3 อาทิตย์ และเมื่อ 4 อาทิตย์หลังจากตาย ร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังการตายและการเน่าสลายตัวจนมองเห็นกระดูกเกือบทั้งตัว
หลังจากนั้นเนื้อเยื่อภายในร่างกายยังคงย่อยสลายตัวต่อไป จนเส้นเอ็นต่าง ๆ ที่ยึดตามข้อกระดูกเริ่มหลุดออกจากกัน กระดูกนิ้วมือ กระดูกนิ้วเท้าหลุดแยกออกจากกัน ข้อมือ ข้อเท้าหลุดออกจากกัน การเน่าสลายตัวของร่างกายในช่วงระยะเวลานี้จะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ร่างกายจะคงเหลือเพียงกระดูกสันหลังเท่านั้นที่ยังคงยึดติดกันอยู่ได้ และในช่วงระยะเวลา 6 เดือนหลังจากตาย กระดูกทุกชิ้นในร่างกายจะหลุดออกจากกันจนเกือบหมด และยังอาจจะได้กลิ่นเหม็นเน่าของกระดูกซึ่งคงมีอยู่ตลอดเวลา กลิ่นเหม็นเน่านี้อาจจะมีต่อไปอีกนานหลายเดือนกว่าจะหมดกลิ่น ในช่วงระยะเวลาประมาณว่า 1 ปี ศพจะคงเหลือแต่เพียงโครงกระดูกขาวโพลน ปราศจากเนื้อเยื่อใด ๆ หลงเหลืออยู่อีกต่อไป
การเน่าสลายในความร้อน
บางครั้งศพที่อยู่ในสภาพแวดล้อมหรือภูมิประเทศที่มีสภาพอากาศร้อนและแห้งจัดเช่นในแถบทะเลทราย ร่างกายของผู้ตายอาจเกิดเป็นมัมมี่ (อังกฤษ: Mummification) ขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยบริเวณผิวหนังทั่วทั้งร่างกายเริ่มเปลี่ยนสีจากสีผิวหนังเดิมเกิดการเปลี่ยนแปลงออกไปเป็นลักษณะคล้ายหนังหมูตากแห้ง แม้สภาพภายนอกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในลักษณะของการแห้งแบบตายซาก แต่เนื่อเยื่อภายในจะยังคงสลายตัวต่อไป โดยที่ความร้อนจากทะเลทราย จะเป็นตัวแปรอย่างดีในการช่วยรักษาสภาพของศพไม่ให้เกิดการเน่าสลาย
ดังนั้นเมื่อมีการค้นพบมันมี่ในแถบอียิปต์ จะสามารถพบร่างกายมนุษย์ที่อยู่ในภาพที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ยกเว้นแต่เพียงผิวหนัง ใบหน้า นิ้วมือเท่านั้นที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย หดแฟบลงเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกเท่านั้น ซึ่งการเน่าสลายในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศเย็นหรือในโคลนตม จะเป็นการช่วยรักษาสภาพของศพได้เป็นอย่างดี ไม่ให้เกิดการเน่าสลายตามธรรมชาติได้อีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่ออีกแบบหนึ่ง ที่จะทำให้เนื้อเยื่อไม่สลายตัวเรียกว่าอดิโพเซีย (อังกฤษ: Adipocere) เนื่องจากแบคทีเรียบางชนิดเช่น Clostridium Perfringens เกิดปฏิกิริยาให้เนื้อเยื่อไขมันเกิดการเปลี่ยนเป็นกรดบางประเภท Oleic, Palmitic and Stearic Acid ทำให้เนื้อก้อนนั้นมีลักษณะคล้ายก้อนขี้ผึ้ง สีออกเทาถึงน้ำตาล และมักพบในบริเวณเนื้อเยื่อไขมันในศพที่มักจะอยู่ในน้ำ ซึ่งต่อไปจะแข็งตัวแห้งเป็นของแข็งที่เปราะได้
ดูเพิ่ม
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: การเน่าเปื่อย |