Мы используем файлы cookie.
Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.

ความหลงตนเอง

Подписчиков: 0, рейтинг: 0

ความหลงตนเอง (อังกฤษ: narcissism ; กลุ่มคนที่มีอาการนี้เรียกว่า นาร์ซิสซิสต์ (narcissist)) คือการแสวงหาความพึงพอใจจากความทะนงตนหรือการยกย่องว่าตนสำคัญกว่าผู้อื่น ความหลงตนเองเป็นแนวคิดของทฤษฎีจิตวิเคราะห์ (psychoanalytic theory)ซึ่งถูกแนะนำอย่างแพร่หลายจากเรียงความของซีคมุนท์ ฟร็อยท์ ที่ชื่อ ออน นาร์ซิสซิซึม (On Narcissism) (1914) โดยสมาคมจิตเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกาได้จัดรายการหมวดความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบหลงตัวเองลงใน คู่มือการวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิต (DSM) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1968 ซึ่งเป็นการใช้ข้อมูลจากแนวคิดทางประวัติศาสตร์ของอาการเมกะโลเมเนีย (megalomania)

ความหลงตนเองยังถูกยกให้เป็นปัญหาทางด้านสังคมหรือวัฒนธรรม ทั้งใช้เป็นปัจจัยในทฤษฎีลักษณะอุปนิสัย (trait theory) ซึ่งใช้ในการสร้างแบบทดสอบบุคลิกภาพต่าง ๆ เช่น แบบทดสอบมิลลอน คลินิคัล มัลติแอกเซียล อินเวนทอรี (Millon Clinical Multiaxial Inventory) อีกทั้งเป็นหนึ่งในสามลักษณะบุคลิกภาพด้านมืด (dark triad) (ซึ่งอีกสองอย่างคือ ไซโคพาท และ แมเคียเวลเลียนิซึม) และความหลงตนเองซึ่งยกเว้นการหลงตนเองในระยะเบื้องต้นหรือการรักตัวเอง มักถูกยกให้เป็นปัญหาในด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลหรือระหว่างกลุ่ม

ลักษณะและสัญญาณ

ชีวิตคือเวทีละคร เมื่อม่านปิดลงในการแสดง นั่นคือการแสดงนั้นสิ้นสุดและจะถูกลืมไป และความว่างเปล่าของชีวิตนั้นมันเกินกว่าจะจินตนาการได้

อะเล็กซานเดอร์ โลเวน อธิบายการดำรงอยู่ของนาร์ซิสซิสต์

ตัวแปรบุคลิกภาพของนาร์ซิสซิสต์แบ่งเป็น 4 ลักษณะ ดังนี้ ความเป็นผู้นำ/การมีอำนาจ ความเหนือกว่า/ความทะนงตน ความหมกมุ่นอยู่แต่ตนเอง/การยกยอตนเอง และการหาผลประโยชน์/การมีสิทธิ์

7 พฤติกรรมร้ายแรงของความหลงตนเอง

จิตแพทย์แฮตช์คิสส์และเจมส์ เอฟ. มาสเตอร์สัน ระบุสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า 7 พฤติกรรมร้ายแรงของความหลงตนเอง ไว้ดังต่อไปนี้

  1. ความไม่ละอาย (Shamelessness): นาร์ซิสซิสมักภูมิใจในความไม่ละอายอย่างเปิดเผย คือ พวกเขาไม่ผูกอารมณ์ไปกับความต้องการและความปราถนาของผู้อื่น นาร์ซิสซิสต์เกลียดความอับอายขายหน้า เพราะมันหมายถึงพวกเขาไม่สมบูรณ์แบบและต้องเปลี่ยนแปลง นาร์ซิสซิสต์ชอบความรู้สึกผิดมากกว่าความอับอาย เพราะความรู้สึกผิดสามารถทำให้พวกเขาแยกระหว่างการกระทำกับเจตนาออกจากกันได้ ตัวอย่างเช่น ถึงแม้การกระทำอาจจะผิด แต่ทำไปเพราะมีเจตนาที่ดี
  2. ความคิดเชิงไสยศาสตร์ (Magical thinking): นาซิสซิสต์เห็นตนเองเป็นคนที่สมบูรณ์แบบโดยใช้การบิดเบือนและสร้างสิ่งลวงตาที่เรียกว่าความคิดเชิงไสยศาสตร์ อีกทั้งพวกเขายังใช้ในการป้องกันตนเพื่อ "โยน" ความอับอายขายหน้าไปสู่ผู้อื่น
  3. ความทะนงตน (Arrogance): นาร์ซิสซิสต์ที่รู้สึกว่ากำลังสูญเสียความสำคัญ อาจ "เพิ่มความมั่นใจในความคิดที่ว่าตนเองสำคัญ" โดยการกดผู้อื่นให้ต่ำลง ลดคุณค่าของผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นอับอายขายหน้า
  4. ความอิจฉาริษยา (Envy): นาร์ซิสซิสต์อาจคงไว้ซึ่งความคิดที่ว่าตนเหนือกว่าผู้อื่นโดยการดูถูกเหยียดหยามหรือดูถูกความสำเสร็จของผู้อื่น
  5. การมีสิทธิ์ (Entitlement): นาซิสซิสต์ยึดถือความคาดหวังซึ่งไม่สมเหตุสมที่ว่าผู้อื่นจะปฏิบัติตัวเป็นอย่างดีกับพวกเขาและเชื่อฟังทุกสิ่งอย่าง เพราะพวกเขาคิดว่าพวกเขานั้นพิเศษ ซึ่งถ้าหากใครไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกตอกกลับด้วยความเหนือกว่าของพวกเขาและจะถือว่าเป็นบุคคล "ที่สร้างปัญหา" หรือ "หัวแข็ง" อีกทั้งการต่อต้านจะเป็นการทำให้พวกเขาเสียความมั่นใจ อันก่อให้เกิดบาดแผลจากความหลงตนเอง (narcissistic injury) จนกลายเป็นความคลั่งจากความหลงตนเอง (narcissistic rage) ในที่สุด
  6. การหาผลประโยชน์ (Exploitation): สามารถมาได้ในหลายรูปแบบ แต่มักจะเกี่ยวข้องกับการหาผลประโยชน์จากผู้อื่นโดยที่ไม่คำนึงถึงความรู้สึกหรือความสนใจของคนเหล่านั้น ซึ่งผู้นั้นมักตกอยู่ในตำแหน่งที่ต้องยอมจำนนเนื่องมาจากเป็นการยากที่จะต่อต้าน ทำให้ในบางครั้งผู้จำนนต้องยอมเพียงแค่การแสร้งทำ การหาผลประโยชน์นี้อาจทำให้ความสัมพันธ์ไม่ยืนยาวและจบไปอย่างรวดเร็ว
  7. การไม่รู้ขอบเขตการปฏิบัติตน (Bad boundaries): นาร์ซิสซิสต์ไม่รู้ถึงขอบเขตในการกระทำของตน ทำให้ผู้อื่นตีตัวออกห่างและไม่ปฏิสัมพันธ์กับพวกเขา ใครก็ตามที่สนองความหลงตนเอง (narcissistic supply) แก่นาร์ซิสซิสต์จะถูกปฏิบัติตนเป็นเสมือนส่วนหนึ่งของพวกเขาและถูกคาดหวังให้เป็นไปตามความคาดหวังของพวกเขา ภายในจิตใจของนาร์ซิสซิสนั้นไม่มีขอบเขตการปฏิบัติตัวระหว่างตนเองและผู้อื่น

การสนองความหลงตนเอง

ดูบทความหลักที่: การสนองความหลงตนเอง

การสนองความหลงตนเอง (narcissistic supply) เป็นแนวคิดหนึ่งที่ถูกเสนอในทฤษฎีจิตวิเคราะห์โดยออตโต เฟนิเชล ในปี ค.ศ. 1938 ซึ่งอธิบายถึงลักษณะความชื่นชมยินดี การสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล หรือการดำรงชีพไว้โดยบุคคลต่อสิ่งแวดล้อมและจำเป็นต่อความภาคภูมิใจในตนเอง โดยทั่วไปแล้วคำนี้มักใช้ในแง่ลบในการอธิบายบุคคลที่ควบคุมพฤติกรรมตนเองไม่ได้จนก่อให้เกิดความต้องการความสนใจหรือความชื่นชมยินดีที่ขึ้นกับผู้อื่นมากเกินไป โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึก ความคิดเห็น หรือความชอบของผู้อื่นเลย

บาดแผลและความคลั่งจากความหลงตนเอง

ความคลั่งจากความหลงตนเอง (narcissistic rage) เป็นปฏิกิรินาที่เกิดจากบาดแผลความหลงตนเอง (narcissistic injury) ซึ่งเป็นการคุกคามความภาคภูมิใจในตนเองหรือการมีคุณค่าของตนเองที่นาร์ซิสซิสต์สามารถรับรู้ได้ โดยคำว่า บาดแผลความหลงตนเอง and แผลเป็นความหลงตนเอง เป็นคำที่ถูกใช้โดยซีคมุนท์ ฟร็อยท์ในปี ค.ศ. 1920s

ส่วนคำว่า ความคลั่งจากความหลงตนเอง ถูกคิดขึ้นมาโดยไฮนซ์ โคฮุตในปี ค.ศ. 1972 โดยบอกว่าความคลั่งจากความหลงตนเองจะเกิดขึ้นเมื่อผู้นั้นแสดงออกถึงความไม่เป็นมิตรอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการแสดงออกถึงความรำคาญอย่างชัดเจน เป็นการระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างรุนแรง และรวมไปถึงการใช้ความรุนแรงอีกด้วย

ปฎิกิริยาความคลั่งจากคความหลงตนเองไม่จำกัดอยู่แค่ในความผิดปกติทางบุคลิกภาพ ยังปรากฏอยู่ในคาตาโทเนีย โรคหลงผิด และภาวะซึมเศร้า มีการเสนอว่านาร์ซิสซิสต์มีความคลั่งอยู่ 2 ระดับ คือ ระดับแรกเป็นความคิดโกรธที่แน่วแน่ต่อผู้อื่น และระดับที่สองเป็นความโกรธแค้นตัวเอง

ดูเพิ่ม

เชิงอรรถ


Новое сообщение