Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
มิคา
ไมกา | |
---|---|
ไมกาที่ London Roundhouse เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ค.ศ. 2022
| |
เกิด |
ไมเคิล ฮอลบรูค เพ็นนิแมน เจ.อาร์. (1983-08-18) 18 สิงหาคม ค.ศ. 1983 เบรุต เลบานอน |
ชื่ออื่น | มิคา/ไมกา เพ็นนิแมน |
พลเมือง |
|
อาชีพ |
|
อาชีพทางดนตรี | |
แนวเพลง | |
เครื่องดนตรี |
|
ช่วงปี | 2006–ปัจจุบัน |
ค่ายเพลง | |
เว็บไซต์ | yomika |
ไมเคิล ฮอลบรูค เพ็นนิแมน เจ.อาร์. (อังกฤษ: Michael Holbrook Penniman J.R.) หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ ไมกา เพ็นนิแมน (อังกฤษ: Mika Penniman) เกิดวันที่ ที่ 18 สิงหาคม 2526 เลบานอน เติบโตในลอนดอน และปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นนักร้องสังกัด Casablanca Records และยูนิเวอร์ซัลมิวสิคกรุ๊ป เริ่มโด่งดังในฐานะนักร้องนักแต่งเพลงตั้งแต่ปลาย ค.ศ. 2006 หลังจากบันทึกอีพีแรกที่ชื่อ Dodgy Holiday มิคาได้ประกาศวางจำหน่ายสตูดิโออัลบั้ม Life in Cartoon Motion ภายใต้สังกัดไอส์แลนด์เรเคิดส์ ในปี 2007 อัลบั้ม Life in Cartoon Motion ทำยอดขายได้มากกว่า 5.6 ล้านก๊อปปี้ทั่วโลกและทำให้มิคาได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบริทอวอร์ดและรางวัลแกรมมี่ 2 ปีต่อมา มิกาวางจำหน่ายอีพีชุดที่สอง Songs for Sorrow รุ่นจำกัดจำนวนที่ขายหมดทั่วโลก และไม่กี่เดือนถัดมาสตูดิโออัลบั้มชุดต่อมา The Boy Who Knew Too Much ก็ถูกวางจำหน่ายต่อจากอีพี ขณะนี้มิคาเพื่งเสร็จจากการทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลก และเตรียมงานสำหรับสตูดิโออัลบั้มชุดใหม่ ที่เขาพูดถึงว่า เป็นเพลงป็อบที่เนื้อหาเข้าใจง่าย, ไม่ซับซ้อนเหมือนกับอัลบั้มที่แล้ว มิคาจะเริ่มบันทึกเสียงในดือนมีนาคม 2554 นี้
ประวัติ
ไมกา เกิดในเบรุต เป็นลูกคนที่สามจากห้าคนที่เกิดจากมารดาชาวเลบานอนกับบิดาชาวอเมริกัน ขณะที่ไมกาอายุได้เพียงหนึ่งขวบ ครอบครัวของเขาถูกบังคับให้อพยพออกจากเลบานอนเนื่องจากภัยสงคราม และได้ย้ายไปอยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส มิคาเริ่มเรียนเปียโนจากบทเพลงของ โจ ดาแซ็ง แต่งเพลงแรกหลังจากฟังเพลง Heart Shaped Box ของเนอร์วานา ต่อมาครอบครัวนี้ได้ไปอยู่ที่ลอนดอนเมื่อไมกาอายุ 9 ปี เขาถูกรังแกจากเพื่อนในโรงเรียนอย่างหนักที่โรงเรียนมัธยมภาษาฝรั่งเศสชาลส์ เดอ โกล ไมกามีอาการดิเล็กเซีย (ความบกพร่องในการอ่าน มีปัญหาในการอ่านหรือสะกดคำ) ขณะที่อายุได้ 12 ปี จึงต้องเรียนหนังสือกับแม่ที่บ้านนานกว่า 6 เดือน หลังจากนั้นได้เข้าเรียนที่โรงเรียนเซนต์ฟิลิปในเคนซิงตัน และได้เป็นหัวหน้าสกอลา คานโตรัม (คณะประสานเสียงของโรงเรียน) ต่อมาได้เรียนที่โรงเรียนเวสต์มินสเตอร์และรอยัลคอลเลจมิวสิค หลังจากเรียนจบไมกาได้บันทึกเสียงกับค่ายคาซาบลังกา เขาเปลี่ยนใหม่จาก Mica เป็น Mika เพราะคนส่วนใหญ่สับสนในการออกเสียงตัว c จึงเปลี่ยนเป็นตัว k แทน ไมกามีพี่น้อง 5 คน มีพี่สาว 2 คน และมีน้องสาวกับน้องชายอย่างละคน ยัสมินทำงานเป็นศิลปินให้กับ Nom de Plume ดาเว็คพี่สาวอีกคนเป็นผู้เขียนภาพการ์ตูนหน้าปกอัลบั้ม Life in Cartoon Motion และทำงานเป็นดีไซเนอร์ พาโลมาน้องสาวได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการตกหน้าต่างชั้น 4 และถูกเหล็กริมระเบียงเสียบทะลุร่างกาย ตุลาคม 2010 มิคาให้สัมภาษณ์ผ่านรายการวิทยุ The Chris Moyles Show ผ่านสถานีวิทยุ BBC 1 ว่าสามารถพูดภาษาฝรั่งเศสและสเปนได้อย่างคล่องแคล่ว และพูดภาษาจีนกลางได้นิดหน่อยแม้ว่าจะเรียนภาษาจีนมานานกว่า 9 ปี เมื่อยังเด็ก ไมกาได้เรียนโอเปร่ากับอัลลา อาร์ดาคอฟ (อัลบลาเบอร์ดีวา) นักแสดงละครโอเปร่าชาวรัสเซีย และเข้าเรียนที่สถาบันรอยัลคอลเลจออฟมิวสิค มิคาปรากฏตัวครั้งแรกในเดือนกันยายน 2006 ผ่านรายการวิทยุ Dermot O'Leary's ออกอากาศที่สถานีวิทยุ BBC 2 มีข่าวลือว่าไมกามีเสียงร้องที่ระดับ 5 ออคเตฟ แต่ต่อมาได้รับการยืนยันว่า เขามีเสียงร้องที่ระดับ 3 1/2 ออคเตฟ
อาชีพทางดนตรี
เริ่มต้นอาชีพนักดนตรี : 2004 - 2006
ซิงเกิ้ลแรกของมิคาคือเพลง Relax, Take it easy (2006) วางจำหน่ายในรูปแบบแผ่นเสียงขนาด 7 นิ้วและดิจิตอลดาวน์โหลดจำนวนจำกัด ซิงเกิ้ลนี้ออกอากาศครั้งแรกบนสถานีวิทยุ BBC 1 ในสหราชอาณาจักร ต่อมาได้มีจำหน่ายอีพีในชื่อ Dodgy Holiday ในรูปแบบดิจิตอลดาวน์โหลดและเพลง Billy Brown สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีบนร้านค้าออนไลน์ไอทูนส์ ส่วนเพลงเก่าอย่าง Overrated ที่บันทึกไว้ตั้งแต่ปี 2004 ก็ได้ถูกวางขายในร้านค้าไอทูนส์อย่างไม่เป็นทางการ
Life in Cartoon Motion : 2006 - 2008
มกราคม 2007 มิคาได้ถูกโหวตให้อยู่ในอันดับที่ 1 ของ โพล Sound of 2007 บนเว็บไซต์ BBC News 8 มกราคม 2007 Grace Kelly เป็นซิงเกิ้ลแรกที่วางจำหน่ายภายใต้สังกัดยูนิเวอร์แซลมิวสิค ทั้งรูปแบบดิจิตอลดาวน์โหลด และแผ่นเสียงขนาด 12 นิ้วและ 7 นิ้วในรุ่นจำนวนจำกัด Grace Kelly ขึ้นครองชาร์ตอันดับหนึ่งในชาร์ตซิงเกิ้ลแห่งสหราชอาณาจักรในวัน 21 มกราคม หลังวางจำหน่ายได้ไม่ถึง 2 สัปดาห์ 5 กุมภาพันธ์ 2007 ได้มีการวางจำหน่ายสตูดิโออัลบั้มแรกของมิคา Life in Cartoon Motion และอัลบั้มถูกนำไปเปรียบเทียบงานของเฟรดดี้ เมอร์คิวรี่, ซิสเซอร์ ซิสเตอร์ , เอลตัน จอห์น , ปริ้นซ์ , ร็อบบี้ วิลเลียม และเดวิด โบวี และในเพลง Grace Kelly ได้อ้างอิงถึงเมอร์คิวรี่ในท่อนร้อง "I try to be Grace Kelly/But all her looks were too sad/So I try a little Freddie/I've gone identity mad" มิคาได้รับเชิญให้ไปแสดงดนตรีในรายการเช่น The Tonight Show with Jay Leno ถึงสองครั้งในวันที่ 26 มีนาคม 2007 และ 14 กุมภาพันธ์ 2008 แสดงในรายการ Jimmy Kimmel Live ในวันที่ 27 มีนาคม 2007 และแสดงสดในรายการ So you think You can dance ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2007 มิคาออกทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมิถุนายน 2007 ด้วยการสนับสนุนจาก ชาร่า บาร์ริแยส์ และนาตาเลีย เลสซ์ 10 ตุลาคม 2007 เขาประกาศทัวร์คอนเสิร์ตทั่วยุโรป ในชื่อ Dodgy Holiday ต่อมาในวันที่ 17 พฤศจิกายนได้เพิ่มรอบการแสดงในสหราชอาณาจักรซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพาลลาเดียม และเพิ่มรอบการแสดงในอเมริกาเหนือในเดือนมกราคม 2008 โดยมีมิดเวย์สเตทและครีเจอร์เป็นผู้สนับสนุนในครั้งนี้ มิคาเสร็จสิ้นการทัวร์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2009 เพื่อเข้าร่วมงานแกรมมี่อวอร์ดครั้งที่ 50 ในลอสแอนเจลิส Life in Cartoon Motion ซึ่งเป็นสตูดิโออัลบั้มเปิดตัวของมิคา ได้แนวคิดมาจากช่วงวัยและการเติบโตตั้งวัยเด็กจนถึงปัจจุบันของเขาเอง แต่ก็ไม่ได้เป็นเพลงที่เล่าถึงชีวิตส่วนตัวของเขาทุกเพลง เพลงของมิคามักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อน อย่างในเพลง Big Girl (You are beautiful) ที่เล่าเรื่องผู้หญิงตัวโตที่ถูกเลือกปฏิบัติในสังคม และเขาได้แนวคิดมาจากแม่ของตัวเองที่รูปร่างใหญ่และเห็นความอคติของผู้คนที่มีต่อแม่ และอีกเพลงคือ Billy Brown ที่เป็นเรื่องราวซับซ้อนกว่าเดิม ในประเด็นที่ชายที่แต่งงานแล้วแต่ไปมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายด้วยกัน 20 กุมภาพันธ์ 2008 มิคาเปิดงานบริทอวอร์ด 2008 ด้วยการแสดงสดในเพลง Love Today, Grace Kelly และเพลงดูเอ็ท Standing in the Way of Control คู่กับเบ็ธ ดิตโต้ และได้รับรางวัลที่งานนี้ในสาขาศิลปินหน้าใหม่ชาวอังกฤษ
The Boy Who Knew Too Much : 2009 - 2010
ก่อนหน้าการวางจำหน่ายสตูดิโออัลบั้มที่สอง มิคาวางจำหน่ายอีพีชุดที่สอง Songs of Sorrow รุ่นจำนวนจำกัดในวันที่ 8 มิถุนายน 2009 อีพีประกอบด้วยเพลง 4 แทร็กกับหนังสือที่รวบรวมเนื้อเพลง, ภาพวาดประกอบเพลงจากศิลปินที่มิคาชื่นชอบหนา 68 หน้า เพลง Blue Eyes ถูกใช้ในการประชาสัมพันธ์อีพีนี้และได้ติดอันดับเพลยลิสต์ของสถานีวิทยุ BBC 2 สตูดิโออัลบั้มชุดที่สองของมิคา The Boy Who Knew Too Much วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2009 อัลบั้มนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่บันทึกเสียงที่ลอสแอนเจิลลีสโดยมี เกร็ก เวลส์ เป็นโปรดิวเซอร์และนักดนตรีให้ และยังเคยทำสตูดิโออัลบั้มเปิดตัวให้มิคา เนื้อหาในอัลบั้มพูดถึงชีวิตวัยรุ่นของมิคาที่เป็นภาคต่อจากอัลบั้มแรก Live in Cartoon Motion ในปี 2009 มิคาได้รับรางวัลบาฟต้าในสาขาศิลปินชายยอดเยี่ยม ในตอนแรกอัลบั้มนี้มีชื่อว่า We are Golden แต่หลังจากที่ซิงเกิ้ลแรก We are Golden ออกอากาศบนสถานีวิทยุ BBC 1และมิคาได้ให้สัมภาษณ์กับดีเจโจ ไวลีย์ว่า ที่เปลี่ยนมาใช้ชื่อใหม่นี้เพราะอยากให้น่าขบขันกว่าเดิม ดังนั้นในวันที่ 6 สิงหาคม 2009 อัลบั้มจึงถูกเปลี่ยนไปใช้ชื่อใหม่ The Boy Who Knew Too Much We are Golden ออกอากาศครั้งแรกบนสถานีวิทยุในสหราชอาณาจักรเมื่อ 20 กรกฎาคม 2009 บนสถานีวิทยุ BBC 2 ดิจิตอลดาวน์โหลดถูกจำหน่ายในวันที่ 6 กันยายน และวันต่อมาได้มีการวางจำหน่ายซีดีอัลบั้ม ซิงเกิ้ลเปิดตัวที่อันดับสี่บนชาร์ตซิงเกิ้ลแห่งสหราชอาณาจักรในวันที่ 13 กันยายน 2009 ต่อมามิคาได้ขึ้นแสดงสดในเทศกาลดนตรีไอทูนส์ 2009 และได้ขึ้นแสดงที่เดอะราวนด์เฮ้าส์ในเคมเดน, ลอนดอนและรายการ Friday Night with Jonathan Ross ในเดือนกันยายนปีเดียวกัน มีการรายงานว่าเขาจ่ายเงินเป็นจำนวนมากถึง 25,000 ปอนด์ เพื่อซื้อเครื่องดื่มเลี้ยงแฟนเพลงในงานฉลองการวางจำหน่ายซิงเกิ้ลใหม่ของเขาที่ผับแถวบ้านหลังจากประกาศเชิญแฟนเพลงเข้าร่ามงานนี้บนหน้าทวิตเตอร์ในวันที่ 7 กันยายน Blame it on the Girl ถูกปล่อยเป็นซิงเกิ้ลลำดับสองที่สหรัฐอเมริกา ในขณะที่สหราชอาณาจักรซิงเกิ้ลลำดับสองเป็นเพลง Rain และ Blame it on the Girl ได้เป็นซิงเกิ้ลลำดับสามในสหราชอาณาจักรในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2010 30 พฤศจิกายน 2009 มิคาแสดงเพลง Let it Snow ร้องคู่กับฮิคารุ ยูทาดะศิลปินเพลงป็อบชาวญี่ปุ่น 21 มีนาคม 2010 มิคาแสดงเพลง Gave it All Away ร่วมกับวงบอยโซนผ่านสถานีโทรทัศน์ ITV 1 ในงานไว้อาลัยในกับสตีเฟ่น เกทลี่ หนึ่งในสมาชิกบอยโซนที่เพิ่งชีวิตไปจากอาการหัวใจวาย พฤษภาคม 2010 มิคาปล่อยซิงเกิลประกอบภาพยนตร์ล่าสุด Kick Ass ที่มีชื่อเหมือนกับภาพยนตร์ Kick Ass ของมาร์เวลคอมิกส์
อัลบั้ม TBA : 2011
มิคาเริ่มเตรียมงานในอัลบั้มใหม่แต่ว่ายังไม่ได้ตั้งชื่อ และจะบันทึกเสียงในเดือนมีนาคม 2011 เขาเปิดเผยว่าเนื้อหาของอัลบั้มนี้จะไม่ซับซ้อนเหมือนกับอัลบั้มในชุดก่อนๆ และคาดว่าจะวางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2011
ภาพลักษณ์ในสังคม
มิคาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าเขาจงใจใช้คำหยาบทางเพศในเพลง Billy Brown เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อในอเมริกา ซึ่งเพลงนี้มีเนื้อหาที่พูดถึงชายที่แต่งงานแล้วและไปมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายด้วยกัน โดยเขาอ้างว่า แต่งเพลงนี้ขึ้นเพื่อสื่อถึงความนับถือในตัวเองเท่านั้นและไม่ได้กังวลถึงคำหยาบสักเท่าไรนัก และให้สัมภาษณ์กับนิตยสารเกย์ในอเมริกา Out ว่า เขามีวิธีพูดถึงเรื่องเพศโดยปราศจากข้อบังคับใด กันยายน 2009 ระหว่างการให้สัมภาษณ์ที่รายการ Gay & Night มิคาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องเพศของเขาว่า "ผมไม่เคยให้ตั้งกฎเกณฑ์ให้กับตัวเอง พูดง่ายๆ ว่า ไม่เคยตั้งขีดจำกัดในชีวิตของผม ไม่จำกัดว่าจะต้องหลับนอนกับใคร จะเรียกผมว่าอะไรก็ได้ ผมเรียกตัวเองว่า ไบเซ็กซวล" ต่อมาเขายืนยันผ่านรายการ This is London ว่า "ไม่ได้กำหนดตัวเอง เพราะสามารถมีความรักกับใครก็ได้ จริงๆ นะ ไม่ว่ากับคนแบบไหน หรือว่ารูปร่างยังไง และไม่เคยเรื่องมากกับเรื่องพวกนี้เลย"
ในเดือนมีนาคม 2010 มิคาได้รับเหรียญเชิดชูเกียรคิ Knight in the Order of Arts จากผลงานดนตรีอันโดดเด่นของเขา โดยรัฐบาลฝรั่งเศส และเป็นบุคคลที่อายุน้อยที่สุดที่เคยได้รับรางวัลนี้
ผลงาน
สตูดิโออัลบั้ม
- 2007 : Life in Cartoon Motion
- 2009 : The Boy Who Knew Too Much
- 2012 : The Origin of love
- 2015 : No place In Heaven
อีพี
- 2006 : Dodgy Holiday
- 2009 : Songs for Sorrow
รางวัลที่ได้รับ
แหล่งข้อมูลอื่น
|