Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
ยาฝังคุมกำเนิด
ยาฝังคุมกำเนิด (อังกฤษ: contraceptive implant) เป็นอุปกรณ์ปลูกฝังทางการแพทย์ใช้เพื่อคุมกำเนิด อาจทำโดยการปล่อยฮอร์โมนเพื่อยับยั้งการตกไข่หรือการพัฒนาของตัวอสุจิ, การใช้ทองแดงเป็นสารฆ่าเชื้ออสุจิในมดลูก, หรืออาจใช้วิธีกีดขวางโดยไม่ใช้ฮอร์โมน ยาฝังคุมกำเนิดถูกออกแบบเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์โดยไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ในประเทศไทย พระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 ให้ผู้มีอายุระหว่าง 10 ถึง 20 ปี เข้ารับการฝังยาคุมกำเนิดชนิดฝังใต้ผิวหนังได้ฟรีในโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ
สำหรับผู้หญิง
ชนิดฝังใต้ผิวหนัง
ยาคุมกำเนิดชนิดฝังใต้ผิวหนังทำงานโดยใช้ฮอร์โมน มีประสิทธิผลสูง และได้รับการรับรองในกว่า 60 ประเทศ ผู้หญิงนับล้านคนทั่วโลกใช้วิธีคุมกำเนิดนี้ ส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของท่ออ่อนขนาดเล็ก ความยาวประมาณ 40 มม. และใช้โดยการให้แพทย์ฝังใต้ผิวหนัง (มักฝังบนส่วนต้นแขน) หลังติดตั้งจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์โดยการปล่อยฮอร์โมนที่หยุดไม่ให้รังไข่ปล่อยเซลล์ไข่และยังทำให้มูกช่องคลอดข้นขึ้น รูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ แบบหลอดเดียว (single-rod etonogestrel implant) และแบบสองหลอด (two-rod levonorgestrel implant)
ยี่ห้อต่าง ๆ ได้แก่:
- Norplant และ Jadelle (Norplant II)
- Implanon/Nexplanon
- Sino-implant (II) ภายใต้ชื่อ Zarin, Femplant และ Trust
ประโยชน์ของยาฝังคุมกำเนิดแบบนี้ได้แก่ ประจำเดือนน้อยลง, ลดอาการก่อนมีประจำเดือน, ให้ผลเป็นเวลานาน (สูงสุดสามปี), ปลอดภัยสำหรับผู้ให้นมบุตรและผู้สูบบุหรี่, และ สะดวกเนื่องจากไม่ต้องดูแลหรือใช้ทุกวัน ในบางกรณีอาจส่งผลเสีย เช่น มีอาการประจำเดือนมาไม่ปกติใน 6 ถึง 12 เดือนแรก ไม่บ่อยนักอาจมีผลกระทบ เช่น ทำให้ไม่อยากอาหาร, ซึมเศร้า, อารมณ์แปลปรวน, ระดับฮอร์โมนไม่ปกติ, เจ็บหน้าอก, น้ำหนักขึ้น, มึนหัว, มีอาการคล้ายคนท้อง, หรือ มีภาวะง่วงงุน
ห่วงอนามัยคุมกำเนิด
ห่วงอนามัยคุมกำเนิด (IUD) เป็นอุปกรณ์คุมกำเนิดขนาดเล็ก มักมีรูปร่างคล้ายตัว T ใช้โดยการใส่เข้าไปในมดลูกเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ มีหลายชนิดทั้งที่เคลือบทองแดง, เคลือบฮอร์โมน, และแบบไม่เคลือบสาร โดยเป็นวิธีคุมกำเนิดระยะยาวที่ย้อนกลับได้ซึ่งให้ประสิทธิผลสูงสุด อัตราการล้มเหลวของห่วงอนามัยเคลือบทองแดงอยู่ที่ราว 0.8% ส่วนแบบเคลือบฮอร์โมนมีอัตราการล้มเหลวเพียง 0.2% ในการใช้ปีแรก นอกจากนี้ยังเป็นวิธีคุมกำเนิดที่ให้ความพอใจสูงสุดกับผู้ใช้ ใน พ.ศ. 2554 ห่วงอนามัยคุมกำเนิดเป็นวิธีคุมกำเนิดแบบย้อนกลับได้ที่ถูกใช้มากที่สุดทั่วโลก นอกจากนี้ห่วงอนามัยคุมกำเนิดยังมักเป็นวิธีคุมกำเนิดที่ถูกที่สุดสำหรับผู้หญิง
การเปรียบเทียบ | |||||
---|---|---|---|---|---|
ทางพฤติกรรม |
|
||||
โดยใช้สิ่งกีดขวางกับ / หรือ สารฆ่าเชื้ออสุจิ |
|||||
โดยใช้ฮอร์โมน |
|
||||
ยาต้านเอสโตรเจน |
|
||||
หลังการร่วมเพศ |
|
||||
ห่วงอนามัยคุมกำเนิด |
|
||||
การทำแท้ง | |||||
การทำหมัน |
|
||||
อยู่ในขั้นทดลอง |
|