Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
ละอองฝอยน้ำมูกน้ำลาย
ละอองฝอยน้ำมูกน้ำลาย (อังกฤษ: respiratory droplet) เป็นอนุภาคซึ่งประกอบด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่ มีขนาดใหญ่พอที่จะตกลงพื้นอย่างรวดเร็วหลังผลิตขึ้น มักนิยามว่ามีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่า 5 ไมครอน ละอองฝอยน้ำมูกน้ำลายเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติอันเป็นผลของการหายใจ พูด จาม ไอหรืออาเจียน หรือเกิดขึ้นจากน้ำมือมนษย์ผ่านวิธีทางการแพทย์ที่ก่อให้เกิดละอองลอย เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการแพร่กระจายโรค
นิยาม
ละอองฝอยน้ำมูกน้ำลายเป็นอนุภาคที่ส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำ ซึ่งมีขนาดใหญ่พอที่จะตกลงพื้นอย่างรวดเร็วหลังผลิตขึ้น มักนิยามว่ามีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่า 5 ไมครอน
ละอองฝอยน้ำมูกน้ำลายต่างจากละอองฝอยขนาดเล็ก (droplet nuclei) ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า 5 ไมครอน ซึ่งเป็นฐานของละอองลอยและสามารถค้างอยู่ในอากาศได้เป็นเวลานาน ฉะนั้น ละอองฝอยขนาดเล็กสามารถเป็นตัวนำโรคของโรคติดเชื้อจากอากาศ (airborne disease) ซึ่งต่างจากละอองฝอย
การเกิด
ละอองฝอยน้ำมูกน้ำลายเกิดขึ้นได้หลายวิธี อาจเกิดขึ้นตามธรรมชาติอันเป็นผลจากการหายใจ พูด จาม ไอหรือร้องเพลงก็ได้ นอกจากนี้ยังอาจเกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์ได้ในสถานบริการสาธารณสุขผ่านวิธีการที่ก่อให้เกิดละอองลอย เช่น การใส่ท่อช่วยหายใจ การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ (CPR), การส่องกล้องหลอดลม, การผ่าตัดและการชันสูตรพลิกศพ ละอองฝอยที่คล้ายกันอาจเกิดขึ้นได้จากการอาเจียน
ละอองฝอยน้ำมูกน้ำลายอาจมี) เซลล์หรืออนุภาคไวรัสได้ขึ้นอยู่กับวิธีการกำเนิด กรณีละอองฝอยที่เกิดตามธรรมชาติ อาจเกิดได้จากตำแหน่งต่าง ๆ ในทางเดินหายใจซึ่งทำให้มีองค์ประกอบต่างกัน นอกจากนี้ยังมีข้อแตกต่างระหว่างบุคคลที่สุขภาพแข็งแรงและผู้ป่วยเป็นโรคในองค์ประกอบของเมือก ปริมาณและความหนืดที่มีผลต่อการเกิดละอองฝอย
การพา
วิธีการเกิดที่ต่างกันทำให้ละอองฝอยมีขนาดและความเร็วเริ่มต้นต่างกัน ซึ่งมีผลต่อการพาและระยะเวลาที่ลอยตัวอยู่ในอากาศ หากสูดเข้าไป อนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่า 10 ไมโครเมตรมักถูกดักไว้ในจมูกและลำคอโดยไม่สามารถผ่านทะลุไปถึงระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง หากไม่ได้สูดเข้าไปทันที ละอองฝอยขนาดเล็กกว่า 100 ไมโครเมตรมักแห้งไปอย่างสมบูรณ์ก่อนตกลงสู่พื้นผิว เมื่อแห้งแล้ว ละอองฝอยเหล่านี้กลายเป็นละอองฝอยขนาดเล็กแข็งซึ่งประกอบด้วยสารระเหยไม่ได้ที่มีอยู่ในละอองฝอยตั้งต้น ละอองฝอยน้ำมูกน้ำลายยังสามารถมีอันตรกิริยากับอนุภาคที่มิใช่ชีวภาพอื่น ๆ ในอากาศได้ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า
บทบาทในการแพร่เชื้อโรค
ละอองฝอยน้ำมูกน้ำลายเป็นรูปแบบการแพร่โรคที่พบบ่อยอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นจากการไอ จามหรือพูด การส่งผ่านละอองฝอยน้ำมูกน้ำลายเป็นวิธีติดเชื้อทางเดินหายใจตามปกติ การส่งผ่านสามารถเกิดขึ้นเมื่อละอองฝอยน้ำมูกน้ำลายไปถึงพื้นผิวเยื่อเมือกที่ไวต่อโรค เช่น ในตา จมูกหรือปาก ซึ่งอาจเกิดขึ้นโดยอ้อมได้หากมือสัมผัสกับพื้นผิวที่ปนเปื้อนแล้วนำมาแตะใบหน้า ละอองฝอยน้ำมูกน้ำลายมีขนาดใหญ่และไม่คงค้างอยู่ในอากาศเป็นเวลานาน และปกติกระจายไปในระยะทางสั้น ๆ เท่านั้น
ไวรัสที่แพร่กระจายโดยการส่งผ่านด้วยละอองฝอยได้แก่ไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไวรัสไรโน ไวรัสเรสไปราโตรีซินไซเชียล ไวรัสเอ็นเทอโรและไวรัสโนโร ไวรัสมีเซิลส์มอร์บิลิ และไวรัสโคโรนาอย่างไวรัสโคโรนาซาร์ส (SARS-CoV-1) และ SARS-CoV-2 ที่เป็นสาเหตุของโควิด-19 เชื้อแบคทีเรียและเชื้อราอาจส่งผ่านทางละอองฝอยน้ำมูกน้ำลายได้เช่นกัน ในทางกลับกัน มีโรคไม่กี่ชนิดที่สามารถกระจายได้ผ่านการแพร่เชื้อจากอากาศหลังละอองฝอยน้ำมูกน้ำลายแห้งแล้ว
อุณหภูมิและความชื้นโดยรอบมีผลต่อการอยู่รอดของละอองลอยชีวภาพ (bioaerosol) เนื่องจากเมื่อละอองระเหยแล้วมีขนาดเล็กลง ละอองจะให้ความคุ้มกันแก่เชื้อโรคที่บรรจุอยู่ภายในได้ลดลง โดยทั่วไป ไวรัสที่มีสิ่งหุ้มลิพิดมีความเสถียรในอากาศแห้งมากกว่า ขณะที่ไวรัสที่ไม่มีสิ่งหุ้มจะมีความเสถียรในอากาศชื้นมากกว่า ไวรัสโดยทั่วไปมีความเสถียรกว่าที่อุณหภูมิอากาศต่ำกว่า
การควบคุมอันตราย
ในสถานบริการสาธารณสุข การป้องกันละอองฝอยได้แก่การจัดให้ผู้ป่วยอยู่ในห้องแยก การจำกัดการเคลื่อนย้ายออกนอกห้อง และใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ในการตั้งค่าการดูแลสุขภาพข้อควรระวังหยดรวมถึงที่อยู่อาศัยผู้ป่วยในแต่ละห้อง จำกัด การขนส่งของพวกเขาออกไปข้างนอกห้องและการใช้ อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ที่เหมาะสม การป้องกันละอองลอยเป็นหลักการป้องกันตามวิถีการแพร่เชื้อ (transmission-based precautions) ซึ่งใช้นอกเหนือไปจากการป้องกันมาตรฐานตามชนิดของการติดเชื้อของผู้ป่วย หลักการป้องกันอีกสองหลักการได้แก่การป้องกันการสัมผัสและการป้องกันการแพร่เชื้อทางอากาศ อย่างไรก็ดี วิธีดำเนินการที่ก่อให้เกิดละอองลอย (aerosol-generating procedure) อาจก่อให้เกิดละอองฝอยขนาดเล็กกว่าที่กระจายไปได้ไกลกว่า และการป้องกันละอองฝอยอาจไม่เพียงพอเมื่อปฏิบัติวิธีการดังกล่าว
โดยทั่วไปสามารถใช้อัตราระบบระบายอากาศที่สูงขึ้นเป็นการควบคุมอันตรายเพื่อเจือจางและกำจัดอนุภาคน้ำมูกน้ำลาย อย่างไรก็ดี หากมีการถ่ายอากาศที่ไม่ผ่านการกรองหรือกรองไม่เพียงพอไปยังอีกที่หนึ่ง สามารถทำให้การติดเชื้อแพร่กระจายได้
สามารถใช้หน้ากากอนามัยป้องกันการส่งผ่านละอองฝอยได้ ทั้งสำหรับผู้ป่วยติดเชื้อ และบุคลากรการแพทย์ มีการตั้งข้อสังเกตว่าระหว่างการระบาดของโรคซาร์สในปี 2002–2004 การใช้หน้ากากอนามัยและหน้ากากเอ็น95 มีแนวโน้มลดการติดเชื้อในบุคลากรสาธารณสุข แม้หน้ากากอนามัยสร้างกำบังกายภาพระหว่างปากและจมุกของผู้สวมกับสิ่งที่อาจปนเปื้อนอย่างละอองฝอยน้ำมูกน้ำลาย แต่มันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อกรองหรือสกัดอนุภาคขนาดเล็กมากอย่างอนุภาคที่ส่งผ่านโรคติดต่อทางอากาศ เพราะมีช่องหลวม ๆ ระหว่างหน้ากากใบหน้ากับใบหน้า
ประวัติศาสตร์
นักแบคทีเรียวิทยาชาวเยอรมัน คาร์ล ฟลึกเกอในปี 1899 เป็นบุคคลแรกที่แสดงว่าจุลินทรีย์ในละอองฝอยที่ขับออกจากทางเดินหายใจเป็นวิธีการส่งผ่านโรคอย่างหนึ่ง ในค้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 บางทีคำว่า "ละอองฝอยฟลึกเกอ" ใช้กับอนุภาคที่มีขนาดใหญ่พอที่จะไม่แห้งไปอย่างสมบูรณ์ คือ ขนาดประมาณใหญ่กว่า 100 ไมโครเมตร
มโนทัศน์ละอองฝอยว่าเป็นบ่อเกิดหลักและพาหะของการแพร่เชื้อทางเดินหายใจของฟลึกเกออยู่มาถึงคริสต์ทศวรรษ 1930 จนวิลเลียม เอฟ. เวลส์แยกแยะละอองฝอยขนาดใหญ่และเล็กออกจากกัน