Мы используем файлы cookie.
Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.

อิสเซ ซางาวะ

Подписчиков: 0, рейтинг: 0
อิสเซ ซางาวะ
Issei Sagawa
เกิด 26 เมษายน 2492 (74 ปี 27 วัน)
เมืองโคเบะ จังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น
อาชีพ นักเขียน นักแสดง นักวิจารณ์ นักพูด
ส่วนสูง 1.45 m (4 ft 9 in)
สถานะทางคดี ปล่อยตัวแล้ว
ข้อหา ฆ่าผู้อื่น บริโภคเนื้อมนุษย์
บทลงโทษ ไม่มี
(ให้ใช้วิธีการเพื่อความปลอดภัย โดยควบคุมไว้ในโรงพยาบาลคนโรคจิต เพราะวินิจฉัยว่า วิกลจริตถึงขนาดที่ไม่สามารถสู้คดีได้)
วันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1981
สถานที่ ปารีส, ฝรั่งเศส
อาวุธ ปืนล่าสัตว์

อิสเซ ซางาวะ (ญี่ปุ่น: 佐川 一政โรมาจิSagawa Issei; 26 เมษายน 2492 — ) เป็นชายชาวญี่ปุ่นซึ่งฆ่าและกินเนื้อของเรเน ฮาร์ตเวลต์ (Renée Hartevelt) เพื่อนหญิงชาวฮอลันดา ในปี 2524 ครั้นได้รับการปล่อยตัวแล้ว ก็ได้มีชื่อเสียงอยู่ในประเทศแม่โดยอาศัยความที่สาธารณชนสนใจในการกระทำความผิดของเขาเป็นทางทำมาหาเลี้ยงชีพ

ต้นชีวิต

ซางาวะเกิดในครอบครัวมั่งมี ณ เมืองโคเบะ จังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น ครอบครัวส่งเขาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยปารีส

การฆ่า

วันที่ 11 มิถุนายน 2524 ซางาวะขณะอายุได้สามสิบสองปี เป็นนักศึกษาคณะวรรณกรรมเปรียบเทียบ วิทยาลัยซอร์บอน (Sorbonne Academy) กรุงปารีส และเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับเรเน ฮาร์ตเวลต์ ผู้ตาย ได้เชิญผู้ตายมารับประทานอาหารเย็นที่ห้องชุดของเขาในซอยเอร์ล็องแฌร์ 10 (Rue Erlanger 10) อ้างว่าให้มาพูดคุยกันเรื่องแปลบทกลอนภาษาเยอรมันที่จะใช้ในห้องเรียน เมื่อผู้ตายมาถึง ซางาวะให้เธออ่านบทกลอนนั้นให้ฟัง แล้วใช้ปืนไรเฟิลยิงเข้าที่สันคอเธอขณะที่เธอนั่งหันหลังให้เขาจนเธอถึงแก่ความตาย ภายหลัง ซางาวะเบิกความว่า เขายิงเธอแล้วก็ตกใจเองจนถึงแก่สิ้นสติล้มลง แต่เมื่อตื่นขึ้นก็เข้าใจว่า ตนกำลังดำเนินการตามความอยากรับประทานเนื้อของผู้ตายอยู่ จากนั้น เขาร่วมประเวณีกับศพผู้ตายจนสำเร็จความใคร่ แล้วใช้ฟันขบเคี้ยวตะโพกศพผู้ตายหมายจะบริโภคเนื้อผู้ตายสด ๆ แต่เมื่อพบว่าทำไม่ได้ จึงออกไปซื้อมีดแล่เนื้อมาแล่ศพผู้ตายออกรับประทานดิบ ๆ โดยเริ่มจากส่วนตะโพกและน่องก่อน เขาใช้เวลาสองวันรับประทานอวัยวะหลาย ๆ ส่วนของศพ โดยพรรณนาในภายหลังว่า เนื้อมนุษย์เป็นดังเนื้อปลาทูนาที่ "นุ่ม" และ "ไม่เหม็นคาว" ครั้นแล้ว ก็ชำแหละศพที่เหลือเป็นชิ้น ๆ เตรียมนำไปทิ้งในทะเลสาบไกล ๆ แต่มีผู้มาพบเห็นเข้าคาหนังคาเขาและร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจ เจ้าพนักงานจึงเข้าจับกุมเขาและยึดชิ้นส่วนร่างกายของผู้ตายที่แช่อยู่ในตู้เย็นเป็นของกลาง

ซางาวะว่า ตนเองเป็น "ผู้ชายอ่อนแอ รูปทราม และร่างเล็ก" (เขาสูงหนึ่งร้อยห้าสิบสองเซนติเมตร) และที่เลือกผู้ตายเป็นเพราะผู้ตายมีสุขภาพดีทั้งมีรูปโฉมโนมพรรณน่ารัก อันเป็นคุณลักษณะที่ซะงะวะเห็นว่าตนเองไม่มี เขาจะได้ "ดูดซับพลังงานของเธอ"

เขาถูกขังไว้สองปีจึงถูกไต่สวน ครอบครัวของเขาจัดทนายความชั้นหนึ่งมาว่าความให้ และตุลาการฌอง-ลุย บรูฌวีแยร์ (Jean-Louis Bruguière) พิจารณาแล้วเห็นว่า เขาวิกลจริตถึงขนาดที่ไม่สามารถสู้คดีได้ จึงสั่งให้ควบคุมตัวเขาไว้บำบัดในโรงพยาบาลโรคจิตโดยไม่มีกำหนด ระหว่างนั้น อินุฮิโกะ โยะโมะตะ นักเขียนชาวญี่ปุ่น เข้าเยี่ยมเขาและสัมภาษณ์เรื่องการฆ่าเพื่อนเขียนเป็นหนังสือชื่อ อินเดอะฟ็อก (In the Fog; "ในฝรั่งเศส") ออกเผยแพร่ในประเทศญี่ปุ่น ต่อมา ประเทศฝรั่งเศสส่งเขากลับไปบำบัดต่อที่ประเทศบ้านเกิดเมืองนอน โดยโรงพยาบาลมัตสึซาวะ (Matsuzawa Hospital) รับควบคุมเขาต่อ บรรดานักจิตวิทยาตรวจแล้วเห็นพ้องต้องกันว่า เขาไม่ได้วิกลจริต แต่มีกมลสันดานชั่ว อย่างไรก็ดี ฝ่ายบ้านเมืองญี่ปุ่นไม่สามารถดำเนินคดีต่อเขาได้ เพราะศาลฝรั่งเศสบอกปัดไม่ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ โดยให้เหตุผลว่า คดีสิ้นสุดลงแล้วในประเทศฝรั่งเศส เพราะฉะนั้น ซางาวะจึงแจ้งออกจากโรงพยาบาลเองเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2529 และได้รับอิสรภาพนับแต่นั้น มีผู้กังขาและวิพากษ์วิจารณ์การปล่อยเขาเป็นอันมาก

ชีวิตหลังได้รับการปล่อยตัว

มีหนังสือหลายเล่มเขียนถึงฆาตกรรมที่เขาได้กระทำ กับทั้งมีภาพยนตร์จำนวนหนึ่งได้รับบันดาลใจจากเรื่องราวของเขาด้วย เป็นต้นว่า ภาพยนตร์สั้นเรื่อง อดอเรชัน (Adoration) ซึ่งโอลิเวียร์ สโมลเดอส์ (Olivier Smolders) กำกับและเผยแพร่ในปี 2529 ภาพยนตร์สารคดีชื่อ แคนนิบัลซูเปอร์สตาร์ (Cannibal Superstar) ความยาวสี่สิบเจ็ดนาที สถานีโทรทัศน์เวียซัตเอกซ์พลอเรอร์ ผลิตเผยแพร่ในปี 2529 และภาพยนตร์สารคดีชื่อ วีบีเอสมีตส์: อิสเซซะงะวะ (VBS Meets: Issei Sagawa) ซึ่งวีบีเอสทีวีผลิตเผยแพร่ในปี 2554

ฝ่ายซะงะวะเองได้แสดงเป็นตัวละครที่เรียก "ถ้ำมองวิปริต" (sadosexual voyeur) ในภาพยนตร์แนวฉวยโอกาสชื่อ อุวะกิซุมะชิโจะกุเซะเมะ (浮気妻 恥辱責め) แปลว่า "เมียไม่ซื่อต้องทรมานให้อาย" ซึ่งฮิซะยะซุ ซะโต (Hisayasu Satō) กำกับเผยแพร่ในปี 2535 ซะงะวะยังได้เขียนหนังสือชื่อ โชเน็งเอ (Shōnen A) แปลว่า "เด็กชายเอ" เพื่อวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เซโตะ ซะกะกิบะระ (Seito Sakakibara) เด็กชายวัยสิบสี่ปีซึ่งเอกสารราชการเรียกโดยใช้นามสมมุติว่า "เด็กชายเอ" ฆ่าตัดศีรษะและทำร้ายเด็กคนอื่นหลายคนต่อเนื่องกันในเมืองโคเบะเมื่อปี 2540

ปัจจุบัน เขายังมีชีวิตและพำนักอยู่ในกรุงโตเกียว เขามีชื่อเสียงพอสมควร มีนักพูดนักวิจารณ์เข้าเยี่ยมและสนทนาด้วยเป็นนิจ เขายังเขียนบทความวิจารณ์ร้านอาหารลงนิตยสาร สปา (Spa) ด้วย

แหล่งข้อมูลอื่น


Новое сообщение