Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
![](https://static-test.vrachi.name/img/default/tags.png)
เข็มขัดพรหมจรรย์
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/7/76/16thc-German-woodcut-Chastity-belt.jpg/300px-16thc-German-woodcut-Chastity-belt.jpg)
ภาพแสดงหญิงผู้อ่อนเยาว์นางหนึ่ง (กลาง) ถูกสามีเฒ่า (ซ้าย) จับสวมเข็ดขัดพรหมจรรย์ลงกุญแจแน่นหนา นางล้วงกระเป๋าสามีหยิบเงินส่งให้ชายชู้ (ขวา) ซึ่งถือลูกกุญแจมาให้ แล้วนางกล่าวขึ้นว่า
- "ประแจใดก็ไร้ค่า ฤๅสามารถกันสตรี
- มารยาบรรดามี อีกเล่ห์กลย่อมดลไป
- ไม่รักคือไม่รัก สุดจะหักใจภักดิ์ได้
- เงินทองผัวข้าไซร้ จึงใช้ซื้อลูกกุญแจ"
- ("Es hilft kain shloß für frauwen,
- kain trew mag sein dar lieb nit ist.
- Darumb ain slüssel, der mir gefelt.
- Den wöl ich kauffen umb dein gelt.")
เข็มขัดพรหมจรรย์ (อังกฤษ: chastity belt) เป็นชื่อเรียกเครื่องประแจโลหะสำหรับนุ่งห่ม ออกแบบขึ้นเพื่อขังบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้สวมไว้มิให้ถูกย่ำกราย มีความมุ่งประสงค์จะป้องกันผู้สวมมิให้ร่วมประเวณีหรือถูกชำเรา บางประเภทยังมีอุปกรณ์เสริมเพื่อกันมิให้ผู้สวมสำเร็จความใคร่ของตัวด้วย เข็มขัดนี้ใช้ได้กับทั้งชายและหญิง
ตามเรื่องร่ำลือสมัยใหม่ ว่ากันว่า ในยุคสงครามครูเสด มีการใช้เข็มขัดพรหมจรรย์เพื่อป้องกันเหตุต่าง ๆ อันอาจเกิดขึ้นเพราะความใคร่ในกามคุณ เช่น เมื่ออัศวินไปราชการสงคราม ภริยาของเขาจะสวมเข็มขัดพรหมจรรย์เพื่อรักษาตนเองให้ซื่อตรงต่อสามี กล่าวคือ เพื่อป้องกันมิให้ตนเองได้ร่วมเพศกับผู้ใดอันจะเป็นการนอกใจสามี อย่างไรก็ดี ไม่ปรากฏพยานหลักฐานอันชวนเชื่อว่า เข็ดขัดพรหมจรรย์เกิดขึ้นก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 15 นอกจากนี้ ยังปรากฏว่า มีการใช้เข็มขัดพรหมจรรย์กันเป็นที่ประจักษ์ในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา มากกว่าจะเป็นสมัยมัชฌิมยุคที่เกิดสงครามครูเสดนั้น
อนึ่ง กล่าวกันว่า ในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา เข็มขัดพรหมจรรย์ยังบุผ้านวมเป็นซับใน เพื่อป้องกันมิให้แผ่นเหล็กอันใหญ่โตนั้นถูกเนื้อต้องหนังผู้สวม แต่นวมเหล่านี้ต้องเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ ด้วยเหตุนี้ ในทางปฏิบัติแล้ว จึงไม่สมควรใช้เข็มขัดต่อเนื่องยาวนาน การใช้ต่อเนื่องยาวนานเช่นกล่าวนั้นก่อให้อวัยวะเพศถูกเสียดสีขัดถูจนกลายเป็นแผล ติดเชื้อ เกิดภาวะพิษเหตุติดเชื้อ และถึงตายได้