เบาจืด
| เบาจืด Diabetes insipidus | |
|---|---|
| เวโซเพรสซิน | |
| สาขาวิชา | วิทยาต่อมไร้ท่อ |
| อาการ | ปริมาณปัสสาวะเจือจางมาก, ความกระหายน้ำเพิ่มขึ้น |
| ภาวะแทรกซ้อน | ภาวะขาดน้ำ ชัก |
| การตั้งต้น | อายุเท่าใดก็ได้ |
| ประเภท | กลาง, ไต, ดื่มน้ำมาก, ครรภ์ |
| สาเหตุ | แล้วแต่ชนิด |
| วิธีวินิจฉัย | การตรวจปัสสาวะ, การตรวจเลือด, การทดสอบขาดน้ำ |
| โรคอื่นที่คล้ายกัน | เบาหวาน |
| การรักษา | ดื่มของเหลวให้เพียงพอ |
| ยา | เดสโมเพรสซิน, ไทอะไซด์, แอสไพริน |
| พยากรณ์โรค | ดีหากได้รับการรักษา |
| ความชุก | 3 ต่อ 100,000 คนต่อปี |
เบาจืด (อังกฤษ: diabetes insipidus, DI) เป็นภาวะที่มีลักษณะปริมาณปัสสาวะมาก เจือจาง และความกระหายน้ำเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยอาจมีปริมาณปัสสาวะได้มากถึง 20 ลิตรต่อวัน แม้ผู้ป่วยจะลดการกินของเหลวแล้วร่างกายก็จะยังไม่สามารถทำปัสสาวะให้เข้มข้นขึ้นได้ ต่างจากคนปกติที่เมื่อลดการกินของเหลว (เช่น หิวน้ำ) ปัสสาวะจะเข้มข้น ภาวะแทรกซ้อนอาจได้แก่ ภาวะขาดน้ำหรือชัก
มีเบาจืด 4 ชนิดแบ่งตามสาเหตุ เบาจืดเหตุสมอง (central DI) เนื่องจากขาดฮอร์โมนเวโซเพรสซิน (ฮอร์โมนต้านการขับปัสสาวะ) อาจเกิดจากความเสียหายต่อไฮโปทาลามัสหรือต่อมใต้สมอง หรือกรรมพันธุ์ เบาจืดเหตุไต (nephrogenic DI) เกิดเมื่อไตไม่ตอบสนองอย่างเหมาะสมต่อเวโซเพรสซิน เบาจืดเหตุดื่มน้ำ (Dipsogenic DI) เกิดจากกลไกความกระหายผิดปกติในไฮโปทาลามัส และเบาจืดเหตุตั้งครรภ์ (gestational DI) เกิดเฉพาะเมื่อตั้งครรภ์ การวินิจฉัยมักอาศัยการทดสอบปัสสาวะ การทดสอบเลือดและการทดสอบการขาดน้ำ ส่วนเบาหวานเป็นอีกภาวะหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่คล้ายกันตรงที่ทั้งสองภาวะต่างทำให้ผู้ป่วยมีปัสสาวะปริมาณมากเหมือนกัน
การรักษาได้แก่การดื่มของเหลวให้เพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ การรักษาอย่างอื่นขึ้นอยู่กับชนิดของเบาจืด ในเบาจืดเหตุสมองและเบาจืดเหตุตั้งครรภ์สามารถรักษาได้โดยใช้เดสโมเพรสซิน เบาจืดเหตุไตต้องรักษาตามสาเหตุหรือใช้ยาไทอะไซด์ แอสไพรินหรือไอบูโพรเฟน จำนวนผู้ป่วยเบาจืดรายใหม่มี 3 ใน 100,000 คนต่อปี เบาจืดเหตุสมองโดยทั่วไปจะเริ่มเมื่ออายุ 10 ถึง 20 ปี และพบในชายหญิงเท่า ๆ กัน เบาจืดเหตุไตเริ่มเกิดเมื่อใดก็ได้