Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
แอซีโทน
Acetone | |
---|---|
ชื่อตาม IUPAC | propan-2-one |
ชื่ออื่น | β-ketopropane, dimethyl ketone, dimethylformaldehyde, DMK, propanone, 2-propanone, propan-2-one, β-ketopropane |
เลขทะเบียน | |
เลขทะเบียน CAS | [67-64-1][CAS] |
RTECS number | AL31500000 |
SMILES |
|
InChI |
|
ChemSpider ID | 175 |
คุณสมบัติ | |
สูตรโมเลกุล | C3H6O |
มวลโมเลกุล | 58.08 g mol−1 |
ลักษณะทางกายภาพ | ของเหลวไม่มีสี |
ความหนาแน่น | 0.79 g/cm3 |
จุดหลอมเหลว |
−94.9 °C, 178 K, -139 °F |
จุดเดือด |
56.53 °C, 330 K, 134 °F |
ความสามารถละลายได้ ใน น้ำ | ผสมเข้ากันได้ |
ความหนืด | 0.32 cP at 20 °C |
โครงสร้าง | |
รูปร่างโมเลกุล | trigonal planar at C=O |
Dipole moment | 2.91 D |
ความอันตราย | |
GHS pictograms | |
การจำแนกของ EU | F Xi |
NFPA 704 | |
R-phrases | R11, R36, R66, R67 |
S-phrases | (S2), S9, S16, S26 |
จุดวาบไฟ | -17 °C |
อุณหภูมิที่ติดไฟด้วยตัวเอง | 465 °C |
Explosive limits | 4.0–57.0 |
สารประกอบอื่นที่เกี่ยวข้องกัน | |
หากมิได้ระบุเป็นอื่น ข้อมูลข้างต้นนี้คือข้อมูลสาร ณ ภาวะมาตรฐานที่ 25 °C, 100 kPa | |
สถานีย่อย:เคมี |
แอซีโทน (อังกฤษ: acetone) หรือตามระบบตั้งชื่อเรียก โพรพาโนน (อังกฤษ: propanone) เป็นสารเคมีที่พื้นฐานที่สุดของคีโตน (ketone)
แอซีโทน เป็นของเหลวที่ระเหยง่ายไม่มีสีมีจุดหลอมเหลวที่ -95.4 °C และจุดเดือดที่ 56.53 °C มันมี ความหนาแน่นสัมพัทธ์ เท่ากับ 0.819 (ที่ 0 °C) ละลายได้ดีใน น้ำ เอทานอล อีเทอร์ ฯลฯ และเป็นตัวทำละลายที่สำคัญมาก การใช้งานแอซีโทนที่คุ้นเคยกันมากที่สุดคือใช้ในน้ำยาล้างเล็บ แอซีโทน ยังใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรม พลาสติก ไฟเบอร์ ยา และ สารเคมีอื่น ๆ
อะซิโตน (Acetone) เป็นสารตัวทำละลายอินทรีย์ระเหยง่ายที่ไม่มีกลุ่มฮาโลจีเนตเต็ต ใช้มากในกระบวนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมสำหรับใช้เป็นตัวทำละลายสารต่างๆ สามารถผลิต และสกัดได้จากธรรมชาติ และการสังเคราะห์ทางเคมีจากปิโตรเลียม
อะซิโตน ถูกค้นพบครั้งแรกโดย Schardinger จากกระบวนการหมักของแบคทีเรียในสภาวะไม่มีออกซิเจน โดยสามารถผลิตได้จากแบคทีเรียในกลุ่ม Cl. acetobutylicum และCl. beijerinckii ซึ่งวิธีนี้มีต้นทุนค่อนข้างสูง ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์อะซิโตนส่วนมากที่มีใช้ในปัจจุบันจะได้จากกระบวนการสังเคราะห์จากปิโตรเลียม
คุณสมบัติเฉพาะ
ชื่อทางเคมี : 2-Propanone
ชื่ออื่นๆ : Methyl ketone, Ketone propane, Dimethyl formaldehyde
สูตร : CH3COCH3
มวลโมเลกุล : 58.08
สถานะ : ของเหลวใส ไม่มีสี มีกลิ่นคล้ายมินท์
จุดเดือด : 56.5 องศาเซลเซียส
จุดหลอมเหลว : -95
จุดวาบไฟ : -2 องศาเซลเซียส
ลุกติดไฟได้เอง : 465 องศาเซลเซียส
ความถ่วงจำเพาะ : 0.79
ความดันไอ : 400 มิลลิเมตรปรอท (39.5 องศาเซลเซียส)
ค่าคงที่เฮนรี่ : 3.97 x 10-5 ลบ.ม.-บรรยากาศ (25 องศาเซลเซียส)
การละลายน้ำ : ละลายน้ำได้ดี
ประโยชน์
1. ในภาคอุตสาหกรรม
มักใช้เป็นตัวทำละลายในกระบวนการผลิตในภาคอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเคมี ผลิตยา ผลิตสี หมึกพิมพ์ น้ำมันขัดเงา กาว แลคเกอร์ เครื่องสำอาง และอุตสาหกรรมพลาสติก เช่น เรซิน Bisphenol A สำหรับเป็นสารตั้งต้นในการผลิตพลาสติกหลายชนิด เช่น โพลีคาร์บอเนต โพลียูรีเทน และเรซิน เป็นต้น
2. ห้องปฏิบัติการ
มักใช้อะซิโตนสำหรับเป็นตัวทำละลายในการเตรียมสารเคมี หรือ ใช้เป็นสารทำละลายสำหรับการสกัดสารอินทรีย์จากพืชหรือสัตว์
3. ประโยชน์ด้านอื่นๆ ได้แก่ ใช้สำหรับการชะล้าง และเป็นสารไล่น้ำ
ข้อมูลความปลอดภัย และข้อแนะนำ
ความเป็นอันตราย
– อะซิโตนจัดเป็นสารอันตรายประเภทที่3 ตามประกาศ พ.ร.บ. วัตถุอันตราย ปี 2535
– ค่า LC50 เท่ากับ 50100 มก./ลบ.ม. (ในหนูที่ 8 ซม.)
– ค่า OSHA-PEL เท่ากับ 2400 มก./ลบ.ม.
การเกิดปฏิกิริยา
– อะซิโตนมีความเสถียรภายใต้สภาวะปกติ
– สารที่เข้ากันไม่ได้ ได้แก่ กรดไนตริกเข้มข้น กรดซัลฟูริก คลอโรฟอร์ม สารประกอบคลอรีน สารออกซิไดซ์ ยางธรรมชาติ ยางสังเคราะห์ พลาสติก เป็นต้น
– การเกิดปฏิกิริยา และการสลายตัวจะเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และคาร์บอนมอนอกไซด์
การเกิดอัคคีภัย
อะซิโตน จัดเป็นสารไวไฟ มีจุดวาบไฟที่น้อยมากที่ -2 องศาเซลเซียส และลุกติดไฟได้เองที่ 465 องศาเซลเซียส ดังนั้น จึงมีโอกาสเกิดการติดไฟ และระเบิดได้ง่ายหากสัมผัสกับความร้อน และเปลวไฟ และเกิดระเบิดได้เองหากส่วนผสมของไอระเหยกับอากาศอยู่ภายใต้ขีดจำกัดความไวไฟที่ได้รับความร้อนมากเพียงพอ
อันตรายต่อสุขภาพ
1. ระบบหายใจ : การสูดดมหรือหายใจเอาอะซิโตนเข้าสู่ระบบหายใจจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองของเยื่อบุทางเดินหายใจ มีอาการไอ แน่นหน้าอก เวียนศรีษะ ปวดหัว
2. ทางผิวหนัง : เมื่อมีการสัมผัสทางผิวหนังจะทำให้ชั้นไขมันผิวหนังถูกทำลาย ผิวหนังแดง อักเสบ มีอาการปวดแสบปวดร้อน
3. สัมผัสกับตา : เมื่อมีการสัมผัสกับตาจะทำให้ตาระคายเคือง น้ำตาไหล มีอาการตาแดง และปวดตา
4. การกลืนกิน : การกลืนกินเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารจะทำให้รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศรีษะ ปวดหัว5. ผู้ปฏิบัติงาน และผู้ที่อยู่ใกล้เคียงขณะปฏิบัติงาน ควรสวมถุงมือยาง รองเท้าบูท ผ้าปิดจมูก แว่นตาป้องกันสารเคมี และสวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิดทุกครั้ง
การเก็บรักษา
– ควรเก็บในภาชนะที่ปิดบรรจุมิดชิด จัดเก็บในบริเวณที่แห้ง เย็น มีการระบายอากาศที่ดี
– ควรเก็บในภาชนะที่ทำจากกแก้ว หลีกเลี่ยงการเก็บในภาชนะที่ทำด้วยโลหะ ใยสังเคราะห์ และพลาสติก
– ควรเก็บให้ห่างจากแหล่งความร้อน แสงแดด เปลวไฟ และสารที่เข้ากันไม่ได้
– อุณหภูมิสถานที่เก็บไม่ควรเกิน 30 องศาเซลเซียส
– สถานที่เก็บควรถูกต้องตามกฎหมายที่กรมโรงงานกำหนดในเรื่องการจัดเก็บวัตถุอันตราย มีป้ายเตือนอันตราย ป้ายเตือนให้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล ป้ายห้ามสูบบุหรี่ ระยะห่างจากแหล่งความร้อน แหล่งเชื้อเพลิง อาคารสามารถป้องกันประกายไฟ เป็นต้น
บทบาททางชีวภาพ
มันเป็นสมาชิกใน กลุ่มคีโทน ตามปกติจะมีในปริมาณเล็กน้อยใน ปัสสาวะ และใน เลือด ปริมาณมาก ๆ มักจะพบหลังอดอาหาร (starvation) และในคนไข้ที่เป็น โรคเบาหวาน ที่ขาด อินซูลิน อย่างหนัก (ในคนไข้ที่ไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาไม่เต็มที่) สังเกตได้จากลมหายใจที่จะมีกลิ่นเหมือนผลไม้ อันเกิดจาก แอซีโทน ซึ่งเรียกว่า กรดเกินเนื่องจากสารคีโทนเหตุเบาหวาน (diabetic ketoacidosis) แอซีโทนเกิดเองตามธรรมชาติในพืช ต้นไม้ ก๊าซภูเขาไฟ ไฟป่า และเป็นผลผลิตจากการสลายตัวของไขมัน นอกจากนี้ยังพบในควันจากท่อไอเสียรถยนต์ ควันบุหรี่ กระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมช่วยทำให้มีแอซีโทนในสิ่งแวดล้อมมากกว่าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
แหล่งข้อมูลอื่น
https://www.siamchemi.com/%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%99/