Мы используем файлы cookie.
Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.

โรคไอกรน

Подписчиков: 0, рейтинг: 0
โรคไอกรน
ชื่ออื่น Whooping cough, pertussis, 100-day cough
Pertussis.jpg
A young boy coughing due to pertussis.
สาขาวิชา Infectious disease
อาการ Runny nose, fever, cough
ภาวะแทรกซ้อน Vomiting, broken ribs, very tired
ระยะดำเนินโรค ~ 10 weeks
สาเหตุ Bordetella pertussis (spread through the air)
วิธีวินิจฉัย Nasopharyngeal swab
การป้องกัน Pertussis vaccine
การรักษา Antibiotics (if started early)
ความชุก 16.3 million (2015)
การเสียชีวิต 58,700 (2015)

โรคไอกรน (อังกฤษ: pertussis) เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อได้ง่ายมากโรคหนึ่ง อาการแรกเริ่มมักคล้ายคลึงกับหวัด โดยผู้ป่วยจะมีไข้ น้ำมูกไหล และไอเล็กน้อย จากนั้นจึงมีอาการไอรุนแรงต่อเนื่องหลายสัปดาห์ และมีไอเสียงสูงหรือหายใจเฮือกขณะจะมีอาการไอ อาการไอในระยะนี้อาจเป็นต่อเนื่องได้ถึง 10 สัปดาห์หรือมากกว่า บางครั้งจึงเรียกโรคนี้ว่า "โรคไอ 100 วัน" ผู้ป่วยอาจมีอาการไอรุนแรงมากจนอาเจียน ซี่โครงหัก หรืออ่อนเพลียอย่างมากจากการไอได้ ผู้ป่วยเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปีอาจมีอาการไอเพียงเล็กน้อยหรือไม่ไอเลย แต่มีอาการหยุดหายใจชั่วขณะแทนระยะฟักตัวของโรคนี้มักอยู่ที่ 7-10 วัน ผู้ที่รับวัคซีนแล้วก็อาจป่วยด้วยโรคนี้ได้ แต่อาการอาจรุนแรงน้อยกว่า

โรคคอตีบเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Bordetella pertussis สามารถติดต่อกันได้ผ่านละอองฝอยจากการไอหรือการจามของผู้ป่วย ระยะที่สามารถติดต่อได้เริ่มตั้งแต่ระยะที่เริ่มมีอาการไปจนถึงระยะที่ไอต่อเนื่องกันมาแล้ว 3 สัปดาห์ ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะจะพ้นระยะติดต่อเมื่อเวลาผ่านไป 5 วัน การวินิจฉัยทำได้โดยการตรวจสารคัดหลั่งจากโพรงจมูกหรือคอหอย แล้วนำไปเพาะเชื้อหรือตรวจสารพันธุกรรมด้วยวิธีพีซีอาร์

การป้องกันทำได้โดยการฉีดวัคซีนโรคคอตีบ แนะนำให้เริ่มฉีดครั้งแรกตั้งแต่อายุ 6-8 สัปดาห์ และควรจะได้ 4 ครั้ง ภายในอายุ 2 ปีแรก ภูมิคุ้มกันต่อโรคคอตีบที่เกิดจากการฉีดวัคซีนจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นจึงมีการแนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในเด็กโตและผู้ใหญ่ ในผู้สัมผัสโรคที่มีความเสีย่งต่อการป่วยรุนแรงอาจให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันโรคได้ สำหรับผู้ป่วยโรคคอตีบ การให้ยาปฏิชีวนะจะมีประโยชน์ชัดเจนก็ต่อเมื่อได้เริ่มให้ยาภายใน 3 สัปดาห์ นับตั้งแต่เริ่มมีอาการ ถ้าไม่เช่นนั้นก็จะได้ประโยชน์เพียงเล็กน้อย สำหรับผู้ป่วยเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี หรือสตรีตั้งครรภ์ ยังแนะนำให้ได้รับยาปฏิชีวนะหากป่วยมาเป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 สัปดาห์ ยาปฏิชีวนะที่ใช้ได้ เช่น อีริโทรมัยซิน อะซิโทรมัยซิน คลาริโทรมัยซิน และไทรเมโทพริม/ซัลฟาเมทอกซาโซล การรักษาอื่นที่มีเป้าหมายเพื่อควบคุมอาการไอนอกเหนือไปจากการใช้ยาปฏิชีวนะนั้นยังไม่มีหลักฐานที่ดีมาสนับสนุนการใช้ ผู้ป่วยเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี ประมาณ 50% จะมีอาการรุนแรงถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และประมาณ 0.5% จะเสียชีวิต

มีข้อมูล ค.ศ. 2015 ซึ่งประมาณไว้ว่าทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคคอตีบประมาณ 16.3 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศที่กำลังพัฒนา โดยพบได้ทุกช่วงอายุ จำนวนผู้เสียชีวิตลดลงจาก 138,000 คนใน ค.ศ. 1990 เหลือ 58,700 คนใน ค.ศ. 2015 มีบันทึกกล่าวถึงการระบาดของโรคนี้ย้อนกลับไปจนถึงคริสตศตวรรษที่ 16 แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคถูกค้นพบเมื่อ ค.ศ. 1906 และวัคซีนก็มีใช้ตั้งแต่คริสตทศวรรษ 1940

อาการและอาการแสดง

อาการตามแบบฉบับของโรคไอกรนคืออาการไอมากเป็นชุดๆ หายใจเข้าเสียงดัง (วู้ป/whoop) บางครั้งอาจไอมากจนอาเจียนหรือหมดสติได้

สาเหตุ

โรคไอกรนเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Bordetella pertussis ติดจากคนสู่คนผ่านการหายใจเอาละอองฝอยที่มีเชื้อซึ่งถูกปล่อยออกมาจากคนป่วยที่มีอาการไอหรือจาม

การวินิจฉัย

การวินิจฉัยจากอาการ

การประเมินผู้ป่วยในภาพรวมโดยแพทย์เป็นวิธีการวินิจฉัยเบื้องต้นที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ

การวินิจฉัยด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการสามารถทำได้โดยการเพาะเชื้อจากการป้ายสารคัดหลั่งจากโพรงจมูกในสารเพาะเชื้อ BG, การทำ PCR, การตรวจแอนติบอดีด้วยวิธีฟลูออเรสเซนท์, และการตรวจภูมิคุ้มกันในเลือด

การวินิจฉัยแยกโรค

มีโรคที่มีอาการคล้ายกันแต่รุนแรงน้อยกว่า เกิดจากการติดเชื้อ B. parapertussis

การป้องกัน

วิธีป้องกันโรคที่สำคัญที่สุดคือการได้รับวัคซีน

วัคซีน

วัคซีนป้องกันโรคไอกรนเป็นวัคซีนที่ได้ผลดีในการป้องกันโรค


Новое сообщение