Мы используем файлы cookie.
Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.

กลุ่มอาการโชเกรน

Подписчиков: 0, рейтинг: 0
กลุ่มอาการโชเกรน
ชื่ออื่น Sjögren's syndrome, sicca syndrome
Sjogren's syndrome (2).jpg
ภาพจากกล้องจุลทรรศน์แสดงการแทรกซึมของลิมฟอยด์เฉพาะจุดในต่อมน้ำลายน้อย ซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาการโชเกรน
การออกเสียง
สาขาวิชา วิทยาภูมิคุ้มกัน, วิทยารูมาติก
อาการ ปากแห้ง, ตาแห้ง, ภาวะแห้งในอวัยวะอื่น
ภาวะแทรกซ้อน มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
การตั้งต้น วัยกลางคน
ระยะดำเนินโรค ระยะยาว
สาเหตุ โรคภูมิต้านตนเอง (ไม่ทราบสาเหตุ)
วิธีวินิจฉัย การตัดเนื้อออกตรวจ, การตรวจเลือด
โรคอื่นที่คล้ายกัน ผลเคียงข้างจากยา, ความวิตกกังวล, โรคซาร์คอยด์, โรคแอมิลอยด์
การรักษา น้ำตาเทียม, ยาแก้อักเสบ, การผ่าตัด
พยากรณ์โรค การคาดหมายคงชีพปกติ
ความชุก ~0.7%

กลุ่มอาการโชเกรน (อังกฤษ: Sjögren syndrome, Sjögren's syndrome; ย่อ SjS, SS) เป็นโรคภูมิต้านตนเองระยะยาวที่ส่งผลต่ออวัยวะผลิตของเหลวในร่างกายอย่างต่อมน้ำตาและต่อมน้ำลาย กลุ่มอาการโชเกรนยังส่งผลกระทบร้ายแรงต่ออวัยวะอื่น เช่น ปอด ไตและระบบประสาท อาการหลัก ได้แก่ ปากแห้ง ตาแห้ง เจ็บปวดและล้า อาการอื่นรวมถึงผิวแห้ง ช่องคลอดแห้ง ไอเรื้อรัง ชาที่แขนและขา รู้สึกเหนื่อย ปวดกล้ามเนื้อและข้อ และต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ผู้ป่วยกลุ่มอาการโชเกรนมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมากขึ้น 15%

ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดของกลุ่มอาการโชเกรน แต่คาดว่าเป็นกรรมพันธุ์ร่วมกับสิ่งกระตุ้นทางสิ่งแวดล้อมอย่างการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย กลุ่มอาการโชเกรนสามารถเกิดเองโดยไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพอื่น (กลุ่มอาการโชเกรนปฐมภูมิ) หรือเป็นผลจากโรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (กลุ่มอาการโชเกรนทุติยภูมิ) กลุ่มอาการโชเกรนอาจเกี่ยวข้องกับโรคภูมิต้านตนเองอื่น ๆ เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์ (RA) ลูปัส อีริทีมาโตซัส ทั่วร่าง (SLE) และโรคหนังแข็งทั่วร่าง การวินิจฉัยใช้การเก็บตัวอย่างต่อมน้ำลายเพื่อหาลิมโฟไซต์และการตรวจเลือดเพื่อหาสารภูมิต้านทาน

แม้กลุ่มอาการโชเกรนจะเป็นหนึ่งในโรคภูมิต้านตนเองที่พบได้ทั่วไป แต่ยังไม่มีการตรวจวินิจฉัยโรคแบบไม่ล่วงล้ำที่เฉพาะเจาะจง การรักษาเป็นการจัดการกับอาการผู้ป่วย เช่น การใช้น้ำตาเทียมหรือผ่าตัดอุดท่อน้ำตาเพื่อลดการอักเสบจากตาแห้ง การเคี้ยวหมากฝรั่ง (โดยเฉพาะชนิดไม่มีน้ำตาล) การจิบน้ำหรือใช้สารทดแทนน้ำลายในการบรรเทาอาการปากแห้ง อาจมีการหยุดใช้สารต้านฮิสตามีนซึ่งก่อให้เกิดภาวะแห้ง

เฮนริก โชเกรน จักษุแพทย์ชาวสวีเดนอธิบายโรคนี้ในปี ค.ศ. 1933 อย่างไรก็ตามยัน มิคุลิช-ราเดกคี ศัลยแพทย์ชาวเยอรมัน–โปแลนด์บรรยายถึงอาการผู้ป่วยก่อนหน้านี้ในปี ค.ศ. 1892 ประชากรประมาณ 0.2–1.2% ป่วยเป็นกลุ่มอาการโชเกรน โดยครึ่งหนึ่งเป็นแบบปฐมภูมิ อีกครึ่งหนึ่งเป็นแบบทุติยภูมิ กลุ่มอาการโชเกรนพบได้ทั่วไปในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 10 เท่า อาการมักแสดงในช่วงวัยกลางคน ผู้ป่วยกลุ่มอาการโชเกรนมีการคาดหมายคงชีพปกติ


Новое сообщение