Мы используем файлы cookie.
Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
การบำบัดด้วยการรู้อาศัยสติ

การบำบัดด้วยการรู้อาศัยสติ

Подписчиков: 0, рейтинг: 0

การบำบัดด้วยการรู้อาศัยสติ หรือ การบำบัดความคิดอาศัยสติ (อังกฤษ: Mindfulness-based cognitive therapy ตัวย่อ MBCT) เป็นการบำบัดทางจิตวิทยาออกแบบเพื่อไม่ให้เกิดความซึมเศร้าอีก โดยเฉพาะในบุคคลที่เป็นโรคซึมเศร้า (MDD) เป็นการบำบัดที่มุ่งโรค MDD โดยเฉพาะ ซึ่งทำให้แตกต่างจากการบำบัดที่อาศัยสติอื่น ๆ เช่น การลดความเครียดอาศัยสติ (mindfulness-based stress reduction) ซึ่งใช้ได้กับความผิดปกติหลายอย่าง และการป้องกันการกลับติดอีกอาศัยสติ (mindfulness-based relapse prevention) ซึ่งใช้ในการติด

MBCT ใช้เทคนิคของการบำบัดโดยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (CBT) และเพิ่มกลยุทธ์ทางจิตวิทยาใหม่ ๆ เช่น สติ และการเจริญสติ (mindfulness meditation) และอาจจะรวมการให้การศึกษาแก่คนไข้เรื่องความซึมเศร้า การเจริญสติมุ่งที่จะสำนึกถึงความคิดและความรู้สึกทั้งหมดแล้วยอมรับ โดยไม่เข้าไปยึดติดหรือมีปฏิกิริยาต่อพวกมัน ซึ่งเป็นกระบวนการ (ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Decentering จะแปลว่า ไม่ยึดว่าเป็นตน) ที่ช่วยหยุดการติตนเอง การครุ่นคิด และอารมณ์ไม่ดี ที่ล้วนอาจเกิดขึ้นเป็นปฏิกิริยาต่อรูปแบบความคิดที่ไม่ดี โดยเหมือนกับ CBT การบำบัดนี้อาศัยทฤษฎีว่า เมื่อบุคคลที่มีประวัติซึมเศร้าเกิดความทุกข์ พวกเขาจะกลับใช้กระบวนการความคิดอัตโนมัติที่สามารถจุดชนวนภาวะซึมเศร้า (depressive episode) อีก จุดมุ่งหมายของ MBCT ก็เพื่อจะระงับกระบวนการอัตโนมัติเหล่านี้และฝึกให้คนไข้มีปฏิกิริยาน้อยลงต่อสิ่งเร้าที่เข้ามา แล้วแทนที่ด้วยการยอมรับและสังเกตสิ่งเหล่านั้นโดยไม่ตัดสินความดีไม่ดี การฝึกสติเช่นนี้ทำให้สามารถสังเกตกระบวนการอัตโนมัติที่กำลังเกิดขึ้นแล้วเปลี่ยนปฏิกิริยาของตนให้เป็นความพินิจพิจารณา ซึ่งสมมุติกันว่า เป็นส่วนของ MBCT ที่เป็นเหตุของผลต่างที่ได้ทางคลินิก

นอกจากจะใช้ลดความรุนแรงของความซึมเศร้า ผลงานวิจัยยังสนับสนุนประสิทธิผลของการเจริญสติเพื่อลดความอยากสารที่บุคคลติด การติดเป็นกระบวนการที่ทำสมองส่วน prefrontal cortex (ตัวย่อ PFC) ให้อ่อนแอลง PFC ปกติจะช่วยระงับการหาความสุขในปัจจุบันเพื่อประโยชน์ในอนาคต การเจริญสติเป็นเวลา 2 อาทิตย์โดยใช้เวลาทั้งหมด 5 ชม. ช่วยคนสูบบุหรี่ให้ลดบุหรี่ได้ 60% และลดความอยาก แม้ในผู้สูบบุหรี่ที่ไม่ได้ตั้งใจเลิกบุหรี่มาตั้งแต่ต้น การสร้างภาพสมอง (Neuroimaging) ของผู้ฝึกเจริญสติพบการทำงานที่เพิ่มขึ้นใน PFC ซึ่งแสดงถึงการควบคุมตัวเองได้ดีกว่า

พื้นเพ

ในปี 1991 นักวิจัยชาวอังกฤษคู่หนึ่ง (Philip Barnard และ John D. Teasdale) ได้สร้างทฤษฎีเกี่ยวกับใจมีหลายระดับที่เรียกว่า “Interacting Cognitive Subsystems” (ICS) ที่อ้างว่า ใจมีรูปแบบ (mode) หลายอย่างที่มีหน้าที่รับและประมวลข้อมูลใหม่ ๆ ทั้งทางการรู้คิดและทางอารมณ์ ทฤษฎีนี้สัมพันธ์ความเสี่ยงต่อความซึมเศร้าของบุคคลกับระดับที่บุคคลใช้รูปแบบเดียวของใจ โดยระงับการทำงานแบบอื่น ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ

รูปแบบหลักสองอย่างของใจรวมทั้งแบบ "ทำ" และแบบ "เป็น" แบบ "ทำ" รู้จักอีกอย่างว่าแบบ "มีแรงจูงใจ" ซึ่งเป็นแบบที่สนใจในเป้าหมาย และจะทำงานเมื่อสิ่งที่ใจต้องการให้เป็นขัดแย้งกับเหตุการณ์จริง ๆ แบบที่สองคือแบบ "เป็น" ที่ไม่ได้สนใจการเข้าถึงเป้าหมาย แต่เน้นที่ "ยอมรับและปล่อยให้เป็นอย่างที่เป็น" โดยไม่กดดันที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ในปัจจุบัน

องค์ประกอบหลักของทฤษฎีนี้ก็คือ ความสำนึกถึงความคิด (metacognitive awareness) ซึ่งเป็นความสามารถประสบกับความคิดและความรู้สึกเชิงลบโดยเป็นเพียงเหตุการณ์ทางใจที่แค่ผ่านไป โดยไม่ใช่เป็นส่วนของบุคคลนั้น ๆ คนที่สำนึกถึงความคิดของตนเองสูงสามารถหลีกเลี่ยงความซึมเศร้าและรูปแบบความคิดเชิงลบได้ง่ายกว่าเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เครียดในชีวิต เทียบกับบุคคลที่มีความสามารถนี้ต่ำกว่า การสำนึกถึงความคิดเห็นได้จากความสามารถของบุคคลที่จะไม่ยึดว่าเป็นตน (decenter) ซึ่งเป็นความสามารถรับรู้ความคิดและความรู้สึก ทั้งโดยความไม่เที่ยงและความเป็นเหตุการณ์ที่เป็นกลาง ๆ/เป็นปรวิสัยที่เกิดในใจ

ตามทฤษฎีนี้ สุขภาพจิตขึ้นอยู่กับความสามารถของบุคคลที่จะยุติรูปแบบการทำงานของจิต หรือที่จะเปลี่ยนจากรูปแบบหนึ่งไปยังอีกรูปแบบหนึ่ง ดังนั้น บุคคลที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบใจอย่างยืดหยุ่นได้โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์สิ่งแวดล้อมจะมีสุขภาพจิตดีที่สุด ทฤษฎีนี้สมมุติว่า รูปแบบ "เป็น" จะเป็นรูปแบบที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่คงยืน ดังนั้น เพื่อป้องกันการเกิดความซึมเศร้าอีก การบำบัดทางประชานจะต้องโปรโหมตรูปแบบการทำงานนี้ของใจ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนา MBCT ซึ่งโปรโหมตรูปแบบนี้

ยังมีบุคคลอื่นที่ช่วยสร้างวิธีการบำบัดนี้ (คือ Zindel Segal และ J. Mark G. Williams) และมีฐานส่วนหนึ่งจากโปรแกรมการลดความเครียดอาศัยสติ (mindfulness-based stress reduction ที่พัฒนาโดย Jon Kabat-Zinn) ทฤษฎีพื้นฐานของการแก้ปัญหาทางจิตวิทยาโดยอาศัยสติก็คือ การรู้สิ่งที่เป็นปัจจุบันโดยไม่เพ่งเรื่องในอดีตหรือในอนาคต ช่วยให้คนไข้สามารถรับมือตัวสร้างความเครียดในปัจจุบัน และกับความรู้สึกเป็นทุกข์ โดยมีใจที่สามารถยืดหยุ่นยอมรับได้ แทนที่จะหลีกเลี่ยง ซึ่งจะทำให้ปัญหายืนยาวขึ้น

การประยุกต์ใช้

โปรแกรม MBCT เป็นการแทรกแซงแบบทำเป็นกลุ่มมีระยะเวลา 8 อาทิตย์ โดยมีชั้นที่เข้าเรียนทุกอาทิตย์เป็นเวลา 2 ชม. และมีการเรียนทั้งวันครั้งหนึ่งหลังจากอาทิตย์ที่ 5 แต่ว่าการฝึกโดยมากทำนอกชั้นเรียน โดยฝึกอาศัยสื่อต่าง ๆ ช่วย และพยายามเจริญสติในชีวิตประจำวัน MBCT ให้ความสำคัญต่อการเรียนรู้ที่จะใส่ใจหรือตั้งสมาธิประกอบด้วยเป้าหมาย ในทุก ๆ ขณะ โดยสำคัญที่สุดว่าไม่ตัดสินดีชั่ว

โดยผ่านการฝึกสติ คนไข้สามารถเข้าใจได้ว่า การยึดติดกับความรู้สึกเหล่านี้ไม่ได้ผลและเป็นอันตรายต่อจิตใจ นอกจากนั้นแล้ว ยังมีแบบการสอนการเจริญสติกับผู้ให้การบำบัดเพื่อเป็นประโยชน์ในการบำบัดคนไข้

MBCT เป็นโปรแกรมการแทรกแซงที่พัฒนาโดยเฉพาะเพื่อแก้ปัญหาความเสี่ยงต่อการเกิดความซึมเศร้าอีก โปรแกรมช่วยคนไข้ให้เรียนรู้ทักษะเพื่อบริหารใจที่นำไปสู่ความสำนึกถึงความคิดในระดับที่สูงขึ้น ยอมรับรูปแบบความคิดเชิงลบและตอบสนองต่อสิ่งเหล่านั้นได้อย่างเหมาะสม ในโปรแกรม คนไข้เรียนรู้ที่จะไม่ยึดติดความคิดและความรู้สึกเชิงลบว่าเป็นตน ช่วยให้ใจเปลี่ยนจากรูปแบบความคิดเชิงอัตโนมัติไปเป็นการประมวลอารมณ์ที่อยู่เหนือสำนึก (conscious emotional processing) MBCT สามารถใช้เป็นทางเลือกเพื่อดำรงสภาพ (maintenance) คนไข้แทนยาแก้ซึมเศร้า แม้ว่ามันอาจจะไม่มีประสิทธิผลที่ดีกว่า

การประเมินประสิทธิผล

แม้ว่า MBCT สามารใช้เป็นการรักษาทางเลือกหรือเพิ่มเติมสำหรับความซึมเศร้า ผลงานวิจัยแสดงว่า มีประสิทธิผลดีที่สุดในบุคคลที่มีประวัติคราวแสดงออกของโรคซึมเศร้าอย่างน้อย 3 ครั้งในอดีต ในบรรดาบุคคลเหล่านั้น บุคคลที่เกิดคราวซึมเศร้าจุดชนวนโดยเหตุการณ์ชีวิตยอมรับ MBCT ได้น้อยที่สุด ส่วนงานวิเคราะห์อภิมานปี 2559 พบว่า MBCT มีประสิทธิผลในการป้องกันการเกิดคราวซึมเศร้าอีกในคนไข้ โดยเฉพาะถ้ายิ่งมีอาการที่เหลืออยู่มาก

ผลงานวิจัยสนับสนุนว่า MBCT มีผลเพิ่มสติที่บุคคลแจ้งเอง (self-reported) ซึ่งแสดงว่า มีการสำนึกรู้ขณะปัจจุบัน การไม่ยึดว่าเป็นตน และการยอมรับมากขึ้น นอกเหนือไปจากการลดกระบวนการความคิดที่เป็นการปรับตัวผิด (maladaptive) เช่น การตัดสินดีชั่ว การไวปฏิกิริยา การครุ่นคิด และการห้ามความคิด

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น


Новое сообщение