Мы используем файлы cookie.
Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.

การปริทัศน์เป็นระบบ

Подписчиков: 0, рейтинг: 0

การปริทัศน์เป็นระบบ (อังกฤษ: systematic review) เป็นการปริทัศน์สิ่งตีพิมพ์หลาย ๆ งานที่พุ่งความสนใจไปยังประเด็นปัญหาหนึ่งทางการวิจัย มีจุดประสงค์เพื่อจะหา ประเมิน เลือกสรร และรวบรวมหลักฐานงานวิจัยมีคุณภาพทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหานั้น ๆ การปริทัศน์ผลงานการวิจัยเชิงทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม (randomized controlled trial) เป็นกระบวนการที่ขาดไม่ได้ทางแพทยศาสตร์อาศัยหลักฐาน (evidence-based medicine)

ความเข้าใจในเรื่องการปริทัศน์อย่างเป็นระบบและวิธีการดำเนินงานปริทัศน์จริง ๆ เริ่มกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้มีอาชีพเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล นอกจากจะเป็นงานเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลระดับรายบุคคลแล้ว การปริทัศน์อย่างเป็นระบบอาจจะรวบรวมข้อมูลของการทดลองทางคลินิก การรักษาพยาบาลในระดับกลุ่มชน การรักษาพยาบาลทางสังคม ผลที่ไม่พึงประสงค์จากการรักษาพยาบาล และการประเมินผลทางเศรษฐกิจ

การปริทัศน์อย่างเป็นระบบไม่ได้จำกัดแต่ในเวชศาสตร์เท่านั้น แต่ยังมีใช้กันอย่างทั่ว ๆ ไปในงานวิทยาศาสตร์สาขาอื่น ๆ ที่มีการเก็บข้อมูลที่มีการเผยแพร่ และที่การประเมินคุณภาพระเบียบวิธี (methodology) ที่ใช้ในการศึกษาปัญหาที่กำหนดได้อย่างเฉพาะเจาะจง จะเป็นประโยชน์ วิชาการสาขาอื่น ๆ ที่ใช้การปริทัศน์อย่างเป็นระบบรวมทั้งจิตวิทยา พยาบาลศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ สาธารณสุข กิจกรรมบำบัด วจีบำบัด (speech therapy) กายภาพบำบัด งานวิจัยทางการศึกษา (educational research) สังคมวิทยา การบริหารธุรกิจ การบริหารสิ่งแวดล้อม และชีววิทยาเชิงอนุรักษ์ (conservation biology)

ลักษณะ

การปริทัศน์อย่างเป็นระบบมีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงความย่อของสิ่งตีพิมพ์ทั้งหมดที่มีอยู่ เกี่ยวกับประเด็นปัญหาหนึ่ง ๆ การดำเนินการขั้นแรกของการปริทัศน์ก็คือ การค้นหาผลงานเกี่ยวกับประเด็นปัญหาที่มีการเผยแพร่แล้วทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน หมวดว่าด้วยระเบียบวิธี (Methodology) ในงาน จะมีรายการของฐานข้อมูล และดัชนีการอ้างอิง (citation index) ที่ผู้ทำงานได้ค้นหา เช่น Web of Science, Embase, PubMed และวารสารอื่น ๆ ที่ได้ค้นหาแล้วด้วยมือ ต่อจากนั้น จะมีการคัดเลือกโดยทั้งรายชื่อและบทคัดย่อของบทความที่หาได้ เทียบกับกฏเกณฑ์ที่ได้วางไว้แล้วล่วงหน้า โดยตรวจสอบทั้งความเหมาะสมและความตรงประเด็น กฏเกณฑ์ต่าง ๆ ที่วางไว้นั้น จะขึ้นอยู่กับประเด็นปัญหาที่สนใจ บทความวิจัยที่ได้รับเลือกอาจจะได้รับการประเมินคุณภาพของระเบียบวิธีอย่างเป็นกลาง ๆ และโดยนิยมจะใช้ระเบียบวิธีที่

  • เข้ากับข้อกำหนดของ PRISMA (Preferred reporting items for systematic reviews and meta-analyses) ซึ่งปัจจุบันได้รับการสนับสนุนจากวารสารเกี่ยวกับสุขภาพประมาณ 174 วารสาร
  • หรือเข้ากับมาตรฐานคุณภาพของ Cochrane collaboration ซึ่งเป็นองค์กรที่จัดระเบียบข้อมูลวิจัยทางการแพทย์

งานปริทัศน์เป็นระบบมักจะใช้ (แต่ไม่เสมอไป) เทคนิคทางสถิติ (เช่น meta-analysis) เพื่อประมวลผลของบทความวิจัยที่เข้ามาตรฐาน หรืออย่างน้อยก็จะประเมินระดับคุณภาพของหลักฐานงานวิจัย ขึ้นกับระเบียบวิธีที่ใช้ในงานวิจัยนั้น ๆ โดยอาจจะใช้ผู้ประเมินผลเพิ่มขี้นอีกคนหนึ่ง เพื่อตัดสินการประเมินคุณภาพที่ไม่ลงตัวกันระหว่างผู้ประเมินผล การปริทัศน์เป็นระบบมักจะใช้ในงานวิจัยเกี่ยวกับชีวเวชหรือการรักษาพยาบาล แต่สามารถใช้ในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทุกอย่าง มีองค์กรต่าง ๆ เช่น Campbell Collaboration ที่ส่งเสริมการใช้การปริทัศน์เป็นระบบ ในการตั้งนโยบายเพื่อแก้ปัญหาอื่น ๆ นอกจากสุขภาพ

การปริทัศน์เป็นระบบใช้หลักวิธีที่เป็นกลางและมีความโปร่งใส ในการประมวลข้อมูลงานวิจัย โดยจุดประสงค์อีกอย่างหนึ่งก็คือเพื่อลดระดับความเอนเอียง (bias) ให้น้อยที่สุด แม้ว่า การปริทัศน์เป็นระบบโดยมากมักจะเป็นงาน meta-analysis รวบรวมข้อมูลจากงานวิจัยเชิงปริมาณ (quantitative research) แต่ก็มีงานปริทัศน์ของข้อมูลงานวิจัยเชิงคุณภาพ (qualitative research) ที่ทำตามมาตรฐานในการเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ และการรายงานหลักฐาน EPPI-Centre เป็นองค์กรที่มีความสำคัญในการพัฒนาระเบียบวิธี ที่จะรวมข้อมูลจากงานวิจัยทั้งที่เป็นเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพเข้าด้วยกัน เพื่อใช้ในงานปริทัศน์เป็นระบบ ความก้าวหน้าในการปริทัศน์เป็นระบบเร็ว ๆ นี้รวมทั้ง

  • realist reviews
  • meta-narrative approach

ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้แก้ปัญหาเกี่ยวกับความหลากหลายของระเบียบวิธีและวิธีการสืบหาความรู้ (epistemology) ในสิ่งตีพิมพ์ที่มีอยู่เกี่ยวกับประเด็นการศึกษา

ส่วนข้อกำหนดของ PRISMA (Preferred Reporting Items for Systematic Reviews and Meta-Analyses) เป็นระเบียบปฏิบัติมาตรฐาน เพื่อการรายงานที่โปร่งใสและสมบูรณ์แบบในงานปริทัศน์เป็นระบบ และปัจจุบันเป็นมาตรฐานบังคับของวารสารแพทย์กว่า 170 วารสารทั่วโลกสำหรับงานปริทัศน์แนวนี้

องค์กรความร่วมมือคอเครน

ดูบทความหลักที่: องค์กรความร่วมมือคอเครน

Cochrane Collaboration เป็นกลุ่มนักเชี่ยวชาญทางวิทยาการพยาบาลและการแพทย์กว่า 31,000 คนที่ทำการปริทัศน์อย่างเป็นระบบในงานวิจัยเชิงทดลองแบบสุ่มเกี่ยวกับผลการป้องกัน การรักษา การฟื้นฟู และการปรับปรุงระบบพยาบาลและการแพทย์ นอกจากนั้นแล้วเมื่อเหมาะสม ก็จะรวมเอาผลของงานวิจัยแบบอื่น ๆ อีกด้วย ฐานข้อมูล Cochrane Reviews หรือมีชื่อเต็มว่า The Cochrane Database of Systematic Reviews เป็นส่วนของ Cochrane Library ซึ่งเป็นกลุ่มฐานข้อมูลทางการแพทย์และการพยาบาลรักษาเฉพาะทางอื่น ๆ ที่กลุ่ม Cochrane Collaboration และองค์กรอื่น ๆ เป็นผู้สนับสนุน ดัชนีอิทธิพล (impact factor) ซึ่งเป็นค่าแสดงอิทธิพลของวารสารในฟีลด์ของตน ๆ ของ Cochrane Reviews ในปี ค.ศ. 2010 อยู่ที่ 6.186 คือเป็นอันดับ 10 ในฟีลด์ “Medicine, General & Internal” (เวชศาสตร์ ทั่วไปและภายใน) เทียบกับวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ซึ่งทรงอิทธิพลมากที่สุดสำหรับวารสารเกี่ยวกับเวชศาสตร์คลินิก (clinical medicine) ที่ 51.658 (ค.ศ. 2012)

กลุ่ม Cochrane Collaboration มีคู่มือให้กับผู้ทำงานปริทัศน์เป็นระบบในประเด็นการรรักษาพยาบาล มีจุดมุ่งหมายเพื่อ "แนะนำแนวทางผู้ทำงานเพื่อเตรียมงานปริทัศน์เกี่ยวกับการพยาบาลรักษามีมาตรฐานของ Cochrane Intervention reviews" และมีหลักทั่วไป 8 อย่างเพื่อที่จะเตรียมทำงานปริทัศน์อย่างเป็นระบบ คือ

  1. กำหนดปัญหาของงานปริทัศน์ และกฏเกณฑ์ในการเลือกสรรงานวิจัยที่จะใช้
  2. สืบหางานวิจัย
  3. เลือกงานวิจัยและเก็บข้อมูล
  4. ประเมินความเสี่ยงของความเอนเอียงในงานวิจัยที่เลือก
  5. วิเคราะห์ข้อมูล และทำ meta-analysis
  6. แก้ปัญหาสืบเนื่องจากความเอนเอียงประเภท reporting bias
  7. ทำรายงานผล โดยมีหมวดที่แสดงตารางข้อมูลย่อของสิ่งที่พบ
  8. แปลผลแล้วทำการสรุป

คู่มือเป็นฐานของมาตรฐาน 2 อย่างที่ใช้ในการทำ และการรายงาน งานปริทัศน์ที่ได้มาตรฐานของ Cochrane Intervention reviews

ข้อดีและข้อเสีย

แม้ว่า งานปริทัศน์เป็นระบบจะได้รับพิจารณาว่าเป็นรูปแบบหลักฐานทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือมากที่สุด แต่ว่า ก็มีงานปริทัศน์ต่อ "งานปริทัศน์เป็นระบบ" 300 งาน ที่พบว่า มีความเชื่อถือได้ไม่เท่าเทียมกัน และผลงานเหล่านั้นจะมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ถ้าทำตามมาตรฐานและนโยบายที่ตกลงร่วมใจกัน

งานวิจัยอีกงานหนึ่งจากกลุ่มนักวิจัยเดียวกันพบว่า ในงานปริทัศน์เป็นระบบ 100 งานที่ตรวจดู 7% ควรจะปรับปรุงในเวลาพิมพ์ 4% ควรจะปรับปรุงภายในปีหนึ่ง และ 11% ควรจะปรับปรุงภายใน 2 ปี และเปอร์เซ็นต์เหล่านี้มีค่าสูงขึ้นในฟิลด์การแพทย์ที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวชศาสตร์เกี่ยวกับระบบไหลเวียน (cardiovascular medicine)

ส่วนงานวิจัยในปี ค.ศ. 2003 เสนอว่า การขยายการสืบหางานวิจัยที่จะใช้ นอกไปจากฐานข้อมูลหลัก ๆ รวมทั้ง grey literature สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของงานปริทัศน์

งานปริทัศน์เป็นระบบเริ่มจะเพิ่มความนิยมด้วยในฟิลด์อื่น ๆ เช่นการศึกษาเรื่องการพัฒนาระหว่างประเทศ (international development) ดังนั้น ประเทศที่ให้เงินพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงการพัฒนาระหว่างประเทศ (ประเทศอังกฤษ - UK Department for International Development) และ องค์กรการพัฒนาระหว่างประเทศ (ออสเตรเลีย - AusAid) เริ่มให้ความสนใจและให้ทรัพยากรเพิ่มขึ้น ในการตรวจสอบความสมควรของการใช้งานปริทัศน์แบบเป็นระบบ เพื่อประเมินผลของการช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาและเพื่อสังคมสงเคราะห์

แหล่งข้อมูลอื่น



Новое сообщение