 
				ดีดีที
| DDT | |
|---|---|
|   | |
|   | |
|   | |
| ชื่อตาม IUPAC | 1,1,1-trichloro-2,2-di(4-chlorophenyl)ethane | 
| เลขทะเบียน | |
| เลขทะเบียน CAS | [50-29-3][CAS] | 
| PubChem | 3036 | 
| ATC code | P03AB01,QP53AB01 (WHO) | 
| SMILES | 
 | 
| InChI | 
 | 
| ChemSpider ID | 2928 | 
| คุณสมบัติ | |
| สูตรเคมี | C14H9Cl5 | 
| มวลต่อหนึ่งโมล | 354.49 g/mol | 
| ความหนาแน่น | 0.99 g/cm³ | 
| จุดหลอมเหลว | 109 °C | 
| จุดเดือด | decomp. | 
| ความอันตราย | |
| การจำแนกของ EU | Yes | 
| อันตรายหลัก | T, N | 
| R-phrases | R25 R40 R48/25 R50/53 | 
| S-phrases | (S1/2) S22 S36/37 S45 S60 S61 | 
| LD50 | 113 mg/kg (rat) | 
| หากมิได้ระบุเป็นอื่น ข้อมูลข้างต้นนี้คือข้อมูลสาร ณ ภาวะมาตรฐานที่ 25 °C, 100 kPa | |
| สถานีย่อย:เคมี | |
ดีดีที (DDT) ย่อมาจาก ไดคลอโรไดฟีนิลไตรคลอโรอีเทน (อังกฤษ: dichlorodiphenyltrichloroethane) เป็นยาฆ่าแมลงประเภทสารสังเคราะห์ออร์กาโนคลอรีน นิยมใช้มาตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
ดีดีทีถูกสังเคราะห์ขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1874 โดยออตมาร์ ซีดเลอร์ นักเคมีชาวออสเตรีย แต่นักวิทยาศาสตร์เพิ่งทราบคุณสมบัติในการกำจัดแมลง ในปี ค.ศ. 1939 จากการค้นพบโดยพอล แฮร์มันน์ มูลเลอร์ นักเคมีชาวสวิส จากนั้นดีดีทีได้ถูกนำมาใช้ในการควบคุมโรคมาลาเรียและไข้รากสาดใหญ่ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และนิยมใช้กำจัดแมลงศัตรูพืชและผลผลิตทางเกษตรกรรมในช่วงหลังสงคราม ประมาณการว่ามีการผลิตและใช้งานดีดีทีถึง 1.8 ล้านตัน
ในปี ค.ศ. 1962 นักชีววิทยาชาวอเมริกันชื่อ ราเชล คาร์สัน ได้ตีพิมพ์หนังสือชื่อ Silent Spring บรรยายถึงผลกระทบของดีดีทีต่อสิ่งแวดล้อม, การก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์ และทำให้สัตว์ป่าหลายชนิดโดยเฉพาะนกเช่น อินทรีหัวขาว มีจำนวนลดลงจนเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ทำให้เกิดการศึกษาวิจัยสืบเนื่อง และรณรงค์ให้ยกเลิกการใช้ดีดีทีอย่างขนานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา จนมีการประกาศใช้กฎหมายห้ามใช้ดีดีทีในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1972 และเกิดอนุสัญญาสต็อกโฮล์ม ห้ามการใช้ดีดีทีทั่วโลกมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001
แหล่งข้อมูลอื่น
 วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ DDT
 วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ DDT