Мы используем файлы cookie.
Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
ต่อมบ่งเพศทำงานน้อยเกินแบบเริ่มต้นทีหลัง

ต่อมบ่งเพศทำงานน้อยเกินแบบเริ่มต้นทีหลัง

Подписчиков: 0, рейтинг: 0
ต่อมบ่งเพศทำงานน้อยเกินแบบเริ่มต้นทีหลัง
(Late-onset hypogonadism)
สาขาวิชา วิทยาต่อมไร้ท่อ

ต่อมบ่งเพศทำงานน้อยเกินแบบเริ่มต้นทีหลัง หรือ ต่อมบ่งเพศทำงานน้อยเกินในผู้สูงอายุ (อังกฤษ: Late-onset hypogonadism) เป็นภาวะที่มีน้อยในชายสูงอายุ ระบุโดยค่าวัดเทสโทสเตอโรนต่ำและอาการทางคลินิกอื่น ๆ โดยมากเป็นอาการทางเพศ รวมทั้งอารมณ์เพศลดลง การแข็งตัวเองขององคชาตลดลง และองคชาตไม่แข็งตัวเมื่อมีเพศสัมพันธ์ (erectile dysfunction) ภาวะเป็นผลของการค่อย ๆ ลดระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนลง มีหลักฐานว่าในทั้งชายหญิง เทสโทสเตอโรนจะลดลงเรื่อย ๆ ประมาณ 1% ต่อปี

ศัพท์

ภาวะนี้เกี่ยวข้องกับสภาพของต่อมไร้ท่อและการมีอายุมากขึ้น แม้สื่อนิยมอังกฤษจะใช้คำว่า "male menopause" (วัยทองชาย) และ "andropause" แต่นี่อาจทำให้เข้าใจผิดพลาด เพราะแสดงนัยว่า ฮอร์โมนลดลงอย่างเฉียบพลันเหมือนกับวัยหมดระดู (menopause) ในหญิง

อาการ การวินิจฉัย และการตรวจคัด

โดยปี 2016 สมาคมเพื่อการศึกษาชายสูงอายุสากล (International Society for the Study of the Aging Male) นิยาม late-onset hypogonadism ว่าเป็น กลุ่มอาการในผู้สูงอายุเนื่องกับความพร่องเทสโทสเตอโรน ที่รวมลักษณะต่าง ๆ ของทั้งต่อมบ่งเพศทำงานพร่องปฐมภูมิ (primary hypogonadism) และต่อมบ่งเพศทำงานพร่องทุติยภูมิ งานศึกษาชายสูงอายุชาวยุโรป ซึ่งเป็นงานศึกษาตามรุ่นตามแผนปี 2016 ในชายประมาณ 3,000 คน นิยามว่า มีอาการทางเพศอย่างน้อย 3 อย่าง (เช่น มีความต้องการทางเพศลดลง องคชาตแข็งตัวเองน้อยลง และองคชาตไม่แข็งตัวเมื่อมีเพศสัมพันธ์) และมีระดับเทสโทสเตอโรนน้อยกว่า 11 nmol/l (3.2 ng/ml) ชายบางคนจะมีอาการแต่มีระดับเทสโทสเตอโรนปกติ ชายบางคนมีระดับเทสโทสเตอโรนต่ำแต่ไม่มีอาการ โดยเหตุผลยังไม่ชัดเจน

ชายวัยปลาย 40 และต้น 50 บางคนจะมีความซึมเศร้า ความต้องการทางเพศลดลง องคชาตไม่แข็งตัวเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และอาการทางกายและทางอารมณ์อื่น ๆ เช่น หงุดหงิด เสียกล้ามเนื้อ ออกกำลังกายได้น้อยลง น้ำหนักขึ้น ไม่มีแรง นอนมีปัญหา และสมาธิไม่ดี อาการหลายอย่างเหล่านี้อาจมาจาก "วิกฤติการณ์ชีวิตวัยกลางคน" (midlife crisis) หรืออาจมาจากวิถีการดำเนินชีวิตระยะยาวที่ไม่ถูกสุขภาพ (เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มสุราเกินควร การทานมากเกิน การไม่ออกกำลังกาย) และอาจแก้ไขได้ดีกว่าโดยเปลี่ยนการดำเนินชีวิต การบำบัดทางจิต หรือยาแก้ซึมเศร้า

ถ้าบุคคลมีอาการของภาวะนี้ แพทย์ก็จะวัดระดับเทสโทสเตอโรนในเลือดตอนเช้าอย่างน้อย 2 วัน การวัดค่าแบบ immunoassays สามัญกว่า แต่แมสสเปกโตรเมทรี (mass spectrometry) จะแม่นยำกว่าและเริ่มมีใช้อย่างกว้างขวาง ความหมายของค่าวัดจะต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยมากมายที่มีผลต่อการผลิตเทสโทสเตอโรนและการขนส่งในเลือด ระดับเข้มข้นขึ้นของโปรตีนที่จับกับเทสโทสเตอโรนในเลือด สามารถเกิดเมื่ออายุมากขึ้น มีภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินหรือโรคตับ หรือทานยากันชัก (ซึ่งยังใช้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อรักษาโรคซึมเศร้าและโรคเส้นประสาทต่าง ๆ) ส่วนความเข้มข้นลดลงของโปรตีนสามารถเกิดเมื่ออ้วน มีโรคเบาหวาน มีภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์ มีโรคตับ หรือใช้ฮอร์โมนกลูโคคอร์ติคอยด์หรือแอนโดนเจนหรือ progestin ถ้าเทสโทสเตอโรนมีระดับต่ำ โรคต่าง ๆ ที่เป็นเหตุของต่อมบ่งเพศทำงานน้อยเกินแบบปฐมภูมิและทุติยภูมิก็จะต้องกันออกด้วย

เนื่องจากความยากบวกค่าใช้จ่ายในการทดสอบ และผลที่คลุมเครือ จึงไม่แนะนำการตรวจคัดกรอง แม้โดยปี 2016 จะมีการทดสอบทางคลินิกที่ได้พัฒนาขึ้น แต่ความจำเพาะก็ต่ำเกินกว่าที่จะมีประโยชน์ทางคลินิก

เหตุ

ระดับเทสโทสเตอโรนมีหลักฐานว่า จะลดตามอายุประมาณ 1% ต่อปีทั้งในชายหญิงหลังจากถึงวัยหนึ่ง ๆ แต่เหตุก็ยังไม่ชัดเจน

การรักษา

ผลกระทบของระดับเทสโทสเตอโรนที่ลดลง เป็นเรื่องที่ยังถกเถียงกันอยู่ ดังนั้น การรักษาด้วยการให้ฮอร์โมนแทนก็จึงเป็นเรื่องโต้แย้ง องค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) กล่าวในปี 2015 ว่า ทั้งผลดีและความปลอดภัยของเทสโทสเตอโรนเพื่อรักษาชายสูงอายุที่มีระดับเทสโทสเตอโรนต่ำยังไม่ชัดเจน การรักษาด้วยการให้เทสโทสเตอโรนแทน ควรเริ่มต่อเมื่อได้ยืนยันระดับที่ต่ำแล้ว แต่แม้ในสหรัฐอเมริกา การยืนยันก่อนให้ยาก็ไม่ได้ทำในกรณีคนไข้ 25% โดยปี 2015 ในระหว่างการรักษา แพทย์ควรสอดส่องระดับเทสโทสเตอโรน

ผลไม่พึงประสงค์

ผลไม่พึงประสงค์ของการให้เทสโทสเตอโรน รวมปัญหาทางหัวใจหลอดเลือด (รวมทั้งโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจล้มเหลว) และแม้ถึงความตาย โดยเฉพาะสำหรับชายอายุเกิน 65 ปี และชายที่มีปัญหาหัวใจมาก่อน ปัญหาหัวใจหลอดเลือดเนื่องกับการรักษาด้วยเทสโทสเตอโรนทำให้ FDA ในปี 2015 เริ่มบังคับให้มีป้ายแสดงคำเตือนของความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจล้มเหลว อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่มีก็ยังผสมผเส ดังนั้น องค์กรยายุโรป (EMA) สมาคมแพทย์วิทยาต่อมไร้ท่ออเมริกัน และวิทยาลัยวิทยาต่อมไร้ท่ออเมริกัน ล้วนกล่าวว่า ไม่มีหลักฐานชัดเจนที่แสดงว่า การรักษาด้วยเทสโทสเตอโรนเพิ่มหรือลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ

ผลไม่พึงประสงค์ที่สำคัญอื่น ๆ รวมทั้งเร่งการเติบโตของมะเร็งต่อมลูกหมากที่มีมาก่อน ฮีมาโทคริตสูงขึ้น ซึ่งอาจต้องเจาะหลอดเลือดดำเพื่อรักษา และอาการหยุดหายใจเมื่อนอน (sleep apnea) ที่แย่ลง

ผลไม่พึงประสงค์ที่ไม่ค่อยรุนแรงอาจรวมการเกิดสิว ผิวมัน ผมร่วงผมบาง ซึ่งอาจป้องกันด้วยยากลุ่ม 5-alpha reductase inhibitor ซึ่งปกติใช้รักษาการเจริญเกินของต่อมลูกหมาก รวมยาเช่น finasteride และ dutasteride

เทสโทสเตอโรนที่ให้อาจเป็นเหตุยับยั้งการสร้างสเปิร์ม ทำให้เป็นหมันที่ฟื้นคืนได้ในบางกรณี

ผล

โดยปี 2015 หลักฐานยังไม่ชัดเจนว่า การรักษาด้วยเทสโทสเตอโรนสามารถช่วยองคชาตไม่แข็งตัวเมื่อมีเพศสัมพันธ์ (erectile dysfunction) ในชายที่มีภาวะนี้หรือไม่ แต่ก็ดูเหมือนว่า มีประโยชน์แก่ชายผู้มีภาวะนี้ที่อ่อนแอ (frailty)

วิทยาการระบาด

การระบาดของภาวะไม่ชัดเจน ชาย 20% ในวัยช่วง 60 ปี และ 30% ในช่วง 70 ปี มีเทสโทสเตอโรนต่ำ ชาย 5% ระหว่างอายุ 70-79 ปี มีทั้งเทสโทสเตอโรนต่ำและมีอาการ และดังนั้น จึงวินิจฉัยว่ามีภาวะนี้ องค์กรบริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ของสหราชอาณาจักรกล่าวว่า เป็นภาวะที่มีน้อย

ประวัติ

มีรายงานถึงผลของระดับเทสโทสเตอโรนต่ำ ในปี 1944 นักวิชาการคู่หนึ่งระบุอาการที่พวกเขาตั้งชื่อว่า "male climacteric" ซึ่งรวมความต้องการและสมรรถภาพทางเพศที่ลดลง ความกระวนกระวาย ความซึมเศร้า ความจำแย่ลง ไม่มีสมาธิ ล้า นอนไม่หลับ อาการหน้าแดง/ตัวแดง (hot flush) และเหงื่อออก นักวิชาการได้พบว่า คนไข้มีเทสโทสเตอโรนในระดับต่ำกว่าปกติ และอาการจะลดลงอย่างสำคัญเมื่อให้เทสโทสเตอโรน

สังคมและวัฒนธรรม

ความสนใจของบุคคลทั่วไปเกี่ยวกับ "andropause" ได้เชื้อเพลิงจากหนังสือ Male Menopause ของผู้ไม่ใช่นักวิชาการในปี 1998 ตามความเห็นของผู้เขียน andropause เป็นการเปลี่ยนชีวิตของชายวัยกลางคน ซึ่งมีแง่มุมด้านฮอร์โมน ร่างกาย จิตใจ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล สังคม เพศ กับจิตวิญญาณ ผู้เขียนอ้างว่า นี่เกิดขึ้นในชายทุกคน อาจเกิดเร็วแม้ในระหว่าง 45-50 ปี แต่สำหรับชายบางคน จะเกิดอย่างน่าทึ่งหลังจากวัย 70 ปี โดยประสบการณ์ของหญิงและของชายจะคล้ายกันเป็นบางส่วน การใช้คำว่า andropause โดยหมายเป็นคำขนานกับคำว่า menopause เป็นเรื่องที่แพทย์ไม่ยอมรับ

บทความบรรณาธิการปี 2015 ของ วารสารสังเคมเวชศาสตร์ผู้สูงอายุอเมริกัน กล่าวว่า อาศัยความไม่ชัดเจนของเกณฑ์วินิจฉัย ความกดดันและการโฆษณาจากบริษัทยาที่ขายเทสโทสเตอโรนและ human growth hormone และการขายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ขายยากระตุ้นต่าง ๆ ให้ชายสูงอายุ ภาวะนี้ได้การวินิจฉัยและรักษามากเกินไป และยังให้ข้อสังเกตว่า ในสหรัฐ "การขายเทสโทสเตอโรนเพิ่มจาก 324 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4,300 ล้านบาท) ในปี 2002 เป็น 2,000 ล้านเหรียญ (62,141 ล้านบาท) ในปี 2012 และจำนวนขนาดยาที่ใช้รักษาเพิ่มจาก 100 ล้านชุดในปี 2007 ไปเป็น 500 ล้านชุดในปี 2012 โดยยังไม่รวมแหล่งอื่น ๆ รวมทั้งเภสัชปรุงยา (compounding pharmacies) อินเทอร์เน็ต และที่ขายให้คนไข้โดยตรง"

ทิศทางงานวิจัย

โดยปี 2016 ยังจำเป็นต้องมีงานวิจัยเพิ่มเพื่อหาวิธีวัดเทสโทสเตอโรนที่ดีกว่า เพื่อให้ความเข้าใจที่ดีกว่าเกี่ยวกับค่าวัดที่พบในบุคคลต่าง ๆ ให้เข้าใจว่าทำไมบางคนที่มีระดับเทสโทสเตอโรนต่ำแต่ไม่มีอาการ และทำไมบางคนที่มีระดับปกติจึงมีอาการ งานวิจัยยังจำเป็นต้องเข้าใจเพิ่มเรื่องความเสี่ยงต่อหัวใจหลอดเลือดเมื่อรักษาโดยให้เทสโทสเตอโรนแทนสำหรับชายสูงอายุ มีความสัมพันธ์ระหว่างภาวะนี้กับความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ จึงมีงานศึกษาทางคลินิกขนาดเล็กเพื่อป้องกันโรคอัลไซเมอร์สำหรับชายที่มีภาวะนี้ แต่โดยปี 2009 ผลก็ยังสรุปไม่ได้

เชิงอรรถ

แหล่งข้อมูลอื่น


Новое сообщение