Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
บลังกาแห่งกัสติยา
บลังกาแห่งกัสติยา | |
---|---|
พระราชินีแห่งฝรั่งเศส | |
ครองราชย์ | 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1223 – พฤศจิกายน ค.ศ. 1226 |
ราชาภิเษก | 6 กรกฎาคม ค.ศ. 1223 |
พระสวามี | พระเจ้าหลุยส์ที่ 8 แห่งฝรั่งเศส |
พระบุตร |
พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส รอแบต์ที่ 1 เคานต์แห่งอาทัวส์ อัลฟงซ์ เคานต์แห่งปัวติเยส์ นักบุญอิซาเบล พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 แห่งเนเปิลส์ |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์บูร์กอญของกัสติยา |
พระบิดา | พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 8 แห่งกัสติยา |
พระมารดา | เอเลนอร์แห่งอังกฤษ พระราชินีแห่งกัสติยา |
ประสูติ | 4 มีนาคม ค.ศ. 1188 ปาเลนเซีย ราชอาณาจักรกัสติยา |
สิ้นพระชนม์ | 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 1252 (64 พรรษา) |
ฝังพระศพ | วิหารเมยบีส์ซง |
บลังกาแห่งกัสติยา (สเปน: Blanca de Castilla; ฝรั่งเศส: Blanche de Castille) เป็นพระราชินีแห่งฝรั่งเศสจากการอภิเษกสมรสกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 8 พระองค์ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินสองครั้งในช่วงรัชสมัยของพระโอรส พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 คือ ในช่วงวัยเยาว์ของกษัตริย์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1226 ถึงปี ค.ศ. 1234 กับในช่วงที่กษัตริย์ไม่อยู่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1248 ถึงปี ค.ศ. 1252 พระองค์เสด็จพระราชสมภพที่ปาเลนเซีย อาณาจักรกัสติยา ในปี ค.ศ. 1188 เป็นพระธิดาคนที่สามของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 8 แห่งกัสติยากับเอเลนอร์แห่งอังกฤษ
ชีวิตช่วงแรก
ในวัยแรกรุ่น พระองค์เคยไปเยือนอารามซันตามาเรียลาเรอัลเดลัสอูเอกัสที่บิดามารดาเป็นผู้ก่อตั้ง หลายครั้ง ผลจากการทำสนธิสัญญาเลอกูแลระหว่างพระเจ้าฟิลิปออกุสตุสกับพระเจ้าจอห์นแห่งอังกฤษ ทำให้พระเชษฐภคินีของบลังกา อูร์รากา ถูกจับหมั้นหมายกับหลุยส์ พระโอรสของพระเจ้าฟิลิป อาลีเยนอร์แห่งอากีแตน พระอัยกีของสองพี่น้อง หลังจากที่ได้เจอสองพี่น้องก็มองว่าอุปนิสัยของบลังกานั้นเหมาะที่จะเป็นพระราชินีคู่สมรสแห่งฝรั่งเศสมากกว่า ในฤดูใบไม้ผลิของปี ค.ศ. 1200 เอเลนอร์จึงพาบลังกาข้ามเทือกเขาพิรินีมาส่งที่ฝรั่งเศสแทน
การแต่งงาน
วันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 1200 สนธิสัญญาได้รับการลงนามในท้ายที่สุด พระเจ้าจอห์นยกที่ดินศักดินาอีซูดงกับกราแซและที่ดินในครอบครองของอ็องเดร เดอ โชวีญี ลอร์ดแห่งชาโตรูในแบรีซึ่งเป็นของราชบัลลังก์อังกฤษให้ไปพร้อมกับหลานสาว การแต่งงานได้รับการเฉลิมฉลองในวันถัดมาที่ปอร์-มอร์บนที่ราบลุ่มทางฝั่งขวาของแม่น้ำแซน ซึ่งอยู่ในดินแดนของพระเจ้าจอห์น เนื่องจากพระเจ้าฟิลิปต้องโทษต้องห้าม บลังกาพระชนมายุ 12 พรรษา ส่วนหลุยส์พระชนมายุมากกว่าพระองค์เพียงพรรษาเดียว จึงต้องรออีกสองสามปีกว่าการแต่งงานจะถูกทำให้สมบูรณ์ บลังกามีพระโอรสธิดาคนแรกในปี ค.ศ. 1205
ในช่วงการก่อกบฏต่อต้านพระเจ้าจอห์นของบารอนอังกฤษในปี ค.ศ. 1215–1216 การเป็นพระนัดดาในพระเจ้าเฮนรีที่ 2 ของบลังกาทำให้หลุยส์ได้รับการเสนอให้ครองบัลลังก์อังกฤษในนามพระเจ้าหลุยส์ที่ 1 แต่เมื่อพระเจ้าจอห์นสิ้นพระชนม์ในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1216 กลุ่มบารอนกลับแปรพักตร์หันไปจงรักภักดีต่อพระโอรสของพระเจ้าจอห์น พระเจ้าเฮนรีวัย 9 พรรษา
การสำเร็จราชการแทน
พระเจ้าฟิลิปสิ้นพระชนม์ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1223 หลุยส์และบลังกาได้รับการสวมมงกุฎในวันที่ 6 สิงหาคม หลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าหลุยส์ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1226 จากโรคบิด บลังกาที่ตอนนั้นพระชนมายุ 38 พรรษากลายเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินและผู้พิทักษ์ของพระโอรสธิดา พระโอรสธิดาสิบสองหรือสิบสามคนของพระองค์สิ้นพระชนม์ไปแล้วหกคน หลุยส์ผู้เป็นทายาทซึ่งต่อมาคือพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 มีพระชนมายุเพียง 12 พรรษา พระองค์หาทางให้หลุยส์ได้รับการสวมมงกุฎภายในหนึ่งเดือนหลังการสิ้นพระชนม์ของพระบิดา และบีบบังคับให้บารอนที่ไม่ค่อยเต็มใจนักสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อพระองค์ สถานการณ์อยู่ในภาวะวิกฤต เนื่องจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 8 สิ้นพระชนม์โดยที่ขุนนางทางใต้ยังไม่ได้จำนนต่อพระองค์เต็มร้อย ความเยาว์วัยของกษัตริย์ทำให้ราชวงศ์กาเปเซียงมีภัยมากขึ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งการสนับสนุน บลังกาปล่อยตัวแฟร์ดีน็อง เคานต์แห่งฟลานเดอส์ที่ถูกคุมขังมาตั้งแต่ครั้งยุทธการที่บูวีน พระองค์ยกดินแดนและปราสาทให้ฟิลิปที่ 1 เคานต์แห่งบูลอญ พระโอรสของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 กับพระมเหสีผู้เป็นที่โต้แย้ง แอนเญ็สแห่งเมราเนีย
บารอนคนสำคัญหลายคน นำโดยปีแยร์ โมแกลร์ก ไม่ยอมรับการราชาภิเษกของกษัตริย์น้อย หลังการราชาภิเษกไม่นาน บลังกากับหลุยส์เดินทางไปตอนใต้ของปารีสและเกือบถูกจับกุมตัว บลังกาอ้อนวอนประชาชนของปารีสให้ปกป้องกษัตริย์ พลเมืองเรียงตัวบนถนนเพื่อคุ้มกันพระองค์ขณะที่ทรงเดินทางกลับไป
บลังกาตั้งกองทัพขึ้นมาโดยมีตีโบที่ 4 แห่งช็องปาญกับโรมาโน โบนาเวนตูรา ผู้แทนพระสันตะปาปาในฝรั่งเศสให้ความช่วยเหลือ การจัดตั้งกองทัพอย่างกะทันหันทำให้กลุ่มขุนนางชะงักกลางคัน บลังการวบรวมกองทัพขึ้นมาปกป้องผลประโยชน์ของราชวงศ์กาเปเซียงจากขุนนางที่เป็นกบฏและพระเจ้าเฮนรีที่ 3 แห่งอังกฤษเป็นจำนวนสองครั้ง บลังกาทำการโจมตีอย่างเหนือความคาดหมายในฤดูหนาว ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1229 พระองค์นำกองทัพเข้าโจมตีโมแกลร์กและบีบให้กลุ่มขุนนางยอมรับกษัตริย์ พระองค์ร่วมเดินทางไปกับกองทัพและช่วยเก็บฟืนมาสร้างความอบอุ่นให้เหล่าทหาร แต่ใช่ว่าทุกคนจะพอใจการบริหารปกครองของพระองค์ ศัตรูของพระองค์เรียกพระองค์ว่า "ดามแอร์ซ็อง" (หมาป่าในนิทานเรื่อง รอม็องเดอเรอนาร์)
การสำเร็จราชการแผ่นดินครั้งที่สองและการสิ้นพระชนม์
ในปี ค.ศ. 1248 บลังกากลายเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินอีกครั้งในช่วงที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ไปทำสงครามครูเสด โครงการที่พระองค์ต่อต้านอย่างหัวชนฝา ทรงล้มป่วยที่เมอเลิงในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1252 และถูกพาตัวมาปารีส แต่มีชีวิตอยู่ได้เพียงไม่กี่วัน ทรงถูกฝังที่วิหารโมบุยซงที่พระองค์เองเป็นผู้ก่อตั้ง พระเจ้าหลุยส์ทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ในฤดูใบไม้ผลิที่ตามมาและถูกกล่าวถึงว่าไม่ทรงพูดจากับใครเป็นเวลาสองวันหลังจากนั้น