Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
พาราเซตามอล
ข้อมูลทางคลินิก | |
---|---|
การอ่านออกเสียง | Paracetamol: /ˌpærəˈsiːtəmɒl/ Acetaminophen: /əˌsiːtəˈmɪnəfɪn/ ( ฟังเสียง) |
ชื่อทางการค้า | ไทลินอล, พานาดอล, อื่น ๆ |
ชื่ออื่น | N-acetyl-para-aminophenol (APAP), acetaminophen (USAN US) |
AHFS/Drugs.com | โมโนกราฟ |
MedlinePlus | a681004 |
ข้อมูลทะเบียนยา |
|
ระดับความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ |
|
ช่องทางการรับยา | ทางปาก, ทวาร, ารฉีดเข้าหลอดเลือดดำ (IV) |
ประเภทยา | Analgesics and antipyretics |
รหัส ATC | |
กฏหมาย | |
สถานะตามกฏหมาย |
|
ข้อมูลเภสัชจลนศาสตร์ | |
ชีวประสิทธิผล | 63–89% |
การจับกับโปรตีน | น้อยถึงเกินขนาด 10–25% |
การเปลี่ยนแปลงยา | ส่วนใหญ่ในตับ |
สารซึ่งได้หลังการเปลี่ยนแปลงยา | APAP gluc, APAP sulfate, APAP GSH, APAP cys, AM404, NAPQI |
ระยะเริ่มออกฤทธิ์ | เริ่มมีอาการบรรเทาปวดตามเส้นทาง: ปาก – 37 นาที หลอดเลือดดำ – 8 นาที |
ครึ่งชีวิตทางชีวภาพ | 1.9–2.5 hours |
การขับออก | ปัสสาวะ |
ตัวบ่งชี้ | |
| |
เลขทะเบียน CAS | |
PubChem CID | |
PubChem SID | |
IUPHAR/BPS | |
DrugBank |
|
ChemSpider |
|
UNII | |
KEGG | |
ChEBI | |
ChEMBL | |
PDB ligand | |
ECHA InfoCard | 100.002.870 |
ข้อมูลทางกายภาพและเคมี | |
สูตร | C8H9NO2 |
มวลต่อโมล | 151.17 g·mol−1 |
แบบจำลอง 3D (JSmol) | |
ความหนาแน่น | 1.263 g/cm3 |
จุดหลอมเหลว | 169 องศาเซลเซียส (336 องศาฟาเรนไฮต์) |
การละลายในน้ำ |
|
| |
(verify) | |
พาราเซตามอล (อังกฤษ: Paracetamol (INN) /ˌpærəˈsiːtəmɒl, ˌpærəˈsɛtəmɒl/) หรือ อะเซตามีโนเฟน (อังกฤษ: acetaminophen (USAN) /əˌsiːtəˈmɪnɵfɨn/) ทั้งหมดย่อมาจาก para-acetylaminophenol เป็นยาที่สามารถจำหน่ายได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ (OTC) มีฤทธิ์แก้ปวดและลดไข้ ซึ่งเป็นยาพื้นฐานที่มักใช้เพื่อบรรเทาไข้ อาการปวดศีรษะ และอาการปวดเมื่อย และรักษาให้หายจากโรคหวัดและไข้หวัด พาราเซตามอลประกอบด้วยยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตรอยด์ (NSAIDs) และโอปิออยด์ พาราเซตามอลมักใช้รักษาอาการปวดพื้นฐานถึงการปวดอย่างซับซ้อน
โดยทั่วไปพาราเซตามอลจะปลอดภัยต่อมนุษย์หากได้รับในปริมาณที่เหมาะสม แต่หากได้รับปริมาณมากเกินไป (เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อโดส หรือ 4,000 มิลลิกรัมต่อวันในผู้ใหญ่ หรือเกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวันสำหรับผู้ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์) จะทำให้เกิดความเสียหายต่อการทำงานของตับได้ แต่ผู้ป่วยบางรายที่รับประทานในปริมาณปกติก็สามารถส่งผลต่อตับได้เช่นเดียวกับผู้ที่รับในปริมาณมากเกินไปเช่นกัน แต่หากกรณีดังกล่าวพบได้น้อยมาก อันตรายจากการใช้ยานี้จะมากขึ้นในผู้ดื่มแอลกอฮอล์ ในประเทศตะวันตกจะพบว่าการเป็นพิษจากพาราเซตามอลเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของภาวะตับวายเฉียบพลัน และพบว่าเป็นการได้ยาเกินขนาดที่พบบ่อยที่สุดในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
ประวัติ
ในสมัยโบราณจะใช้เปลือกต้นหลิว (willow) เป็นยาแก้ไข้ (antipyretic) ในขณะนั้นรู้กันว่าสารเคมีในเปลือกหลิว คือ ซาลิซิน (salicins) ซึ่งสามารถจะเปลี่ยนเป็นแอสไพรินได้ และทราบด้วยว่าสารเคมีที่อยู่ในเปลือก ซิงโคน่า (cinchona) ใช้เป็นยารักษามาลาเรียได้ คือ ควินนิน (quinine) และมีฤทธิ์เป็นยาแก้ไข้ได้ด้วย
ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1880เกิดการขาดแคลนต้น ซิงโคน่า จึงได้มีการหาทางเลือกสำหรับยาลดไข้และได้ค้นพบยาลดไข้ตัวใหม่ ดังนี้
- พบ อะซิตานิไลด์ (Acetanilide) ในปี ค.ศ. 1886
- พบ ฟีนาซิติน (Phenacetin) ในปี ค.ศ. 1887
ในขณะที่ ฮาร์มอน นอร์ทรอป มอร์ส (Harmon Northrop Morse) สามารถสังเคราะห์ พาราเซตามอลได้ในปี ค.ศ. 1873 โดยปฏิกิริยารีดักชั่น พารา-ไนโตรฟีนอล (p-nitrophenol) กับ ดีบุกในกรดน้ำส้ม (acetic acid) พาราเซตามอลไม่ได้ถูกใช้เป็นยาเกือบยี่สิบปี จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1893ได้มีการตรวจพบพาราเซตามอล ในปัสสาวะของผู้ที่ใช้ยาฟีนาซิตินและในปีค.ศ. 1899 พบว่าพาราเซตามอลเป็นเมตาโบไลต์ ของ อะซิตานิไลด์
ในปี ค.ศ. 1948 เบอร์นาร์ด บรอดี้ และ จูเลียส อะเซลรอด ได้ทดลองใช้ อะซิตานิไลด์ ในโรค เมตทีโมโกบินีเมีย (methemoglobinemia) เขาพบว่าฤทธิ์บรรเทาอาการปวดของอะซิตานิไลด์ เกิดจากพาราเซตามอลซึ่งเป็นเมตาโบไลต์ ของ อะซิตานิไลด์ และพาราเซตามอลมีผลข้างเคียงน้อยกว่าอะซิตานิไลด์ มาก ตั้งแต่นั้นมาพาราเซตามอลก็ถูกใช้เป็นยาแก้ไขแก้ปวดกันอย่างแพร่หลาย
- ค.ศ. 1955 พาราเซตามอลวางตลาดในสหรัฐอเมริกา ชื่อการค้าว่า Tylenol
- ค.ศ. 1956 พาราเซตามอลวางตลาดในประเทศอังกฤษ ชื่อการค้าว่า Panadol
คลังภาพ
ผลข้างเคียง
การใช้เกินขนาด
ผู้ป่วยที่ใช้พาราเซตามอลเกินขนาดแล้วไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมจะเจ็บป่วยจากพิษเกินขนาดด้วยความเจ็บปวดและยาวนาน ในช่วงแรกอาจไม่มีอาการใดๆ หรือมีอาการที่ไม่จำเพาะ อาการเริ่มแรกมักเกิดขึ้นที่หลายชั่วโมงหลังได้รับยาเกินขนาด โดยมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออกมาก เจ็บปวด และเริ่มมีตับวายเฉียบพลัน การใช้พาราเซตามอลเกินขนาดไม่มีฤทธิ์ทำให้หมดสติ แม้ผู้ป่วยหลายคนจะเชื่อผิดๆ ว่าการกินพาราเซตามอลเกินขนาดจะทำให้หมดสติก็ตาม ช่วงเวลาตั้งแต่กินยาจนถึงเสียชีวิตอยู่ที่ระหว่าง 3-5 วัน
โครงสร้างและส่วนการทำงาน
พาราเซตามอลประกอบไปด้วยวงเบนซีน ถูกแทนที่ด้วยหมู่ไฮดรอกซิลและไนโตรเจนจากหมู่เอไมด์ในรูปแบบ para (1,4) หมู่เอไมด์คืออะเซตาไมด์ (เอทามาไมด์ในระบบคอนจูเกตด์) อิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวของหมู่ไฮดรอกซิล ณ ตำแหน่งของออกซิเจน, หมอกอิเล็กตรอนของวงเบนซีน, อิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวของไนโตรเจน, p ออร์บิตัลหมู่หมู่คาร์บินิลของคาร์บอน และอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวของออกซิเจนในหมู่คาร์บอนิลจะสร้างพันธะแก่กัน (conjugate) ทำให้มีหมู่กระตุ้น (activating group) 2 หมู่ทำให้วงเบนซีนจะทำปฏิกิริยากับสารจำพวกอิเล็กโตรฟิลิก อะโรมาติก (สารที่ทำปฏิกิริยากับสารที่มีอิเล็กตรอน) การแทนที่ของอะตอมเกิดขึ้นในตำแหน่งออร์โธและพาราโดยตรง ทุกตำแหน่งในวงจะมีความสามารถถูกกระตุ้นเพิ่มขึ้นหรือลดลง การทำปฏิกิรยาของสารจะทำให้เบสจากออกซิเจนและไนโตรเจนลดลง ขณะที่ทำให้ความเป็นกรดจากหมู่ไฮดรอกซิลเพิ่มขึ้นจากการย้ายตำแหน่งประจุของประจุฟีนอกไซด์
แหล่งข้อมูลอื่น
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: พาราเซตามอล |
กลุ่มระงับปวด | |
---|---|
กลุ่มเอ็นเซด |
กรดนิฟลูมิก · คีโตโปรเฟน · คีโตโรแลค · ซีลีคอกซิบ · ไดโคลฟีแนค · นาพรอกเซน · มีลอกซิแคม · ไพรอกซิแคม · เมตทิล ซาลิไซเลต · โรฟีคอกซิบ · อินโดเมตทาซิน · แอสไพริน · ไอบูโปรเฟน · อีโทโดแลค · ไดฟลูนิซอล · โลโซโปรเฟน · ทีนอกซิแคม · ไนมีซูไลด์ · มีฟีนามิก แอซิด
|
กลุ่มโอปิออยด์ |
คาร์เฟนทานิล · โคดีอีน · โคดีอิโนน · ซูเฟนทานิล · เดกซ์โตรโพรพอไซฟีน · ไดไฮโดรโคดีอีน · ทรามาดอล · บิวพรีนอร์ฟีน · เฟนทานิล · เมทาโดน · มอร์ฟีน · มอร์ฟิโนน · เพทิดีน · รีมิเฟนทานิล · ออกซิโคโดน · ออกซิมอร์ฟีน · อัลเฟนทานิล · เฮโรอีน · ไฮโดรโคโดน · ไฮโดรมอร์โฟน
|