Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
ภาวะไม่ทนต่อแล็กโทส
ภาวะไม่ทนต่อแล็กโทส (Lactose intolerance) | |
---|---|
ชื่ออื่น | Lactase deficiency, hypolactasia, alactasia, lactose challenged |
น้ำตาลแล็กโทส ประกอบขึ้นจากน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวสองชนิด | |
สาขาวิชา | วิทยาทางเดินอาหาร |
อาการ | ปวดท้อง, แน่นท้อง, ถ่ายเหลว, ท้องอืด, คลื่นไส้ |
ภาวะแทรกซ้อน | ไม่ทำความเสียหายให้กับระบบทางเดินอาหาร |
การตั้งต้น | 30–120 นาที หลังกินผลิตภัณฑ์นม |
สาเหตุ | การสูญเสียความสามารถในการย่อยแล็กโทส อาจมาจากพันธุกรรม หรือจากการบาดเจ็บต่อลำไส้เล็ก |
วิธีวินิจฉัย | วินิจฉัยจากอาการ อาการดีขึ้นหลังงดกินแล็กโทส |
โรคอื่นที่คล้ายกัน | กลุ่มอาการลำไส้ไวเกินต่อการกระตุ้น, โรคของซีลิแอ็ก, โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง, การแพ้โปรตีนนมวัว |
การรักษา | ลดอาหารที่มีแล็กโทส, ผลิตภัณฑ์เสริมเอนไซม์แล็กเทส, รักษาที่ต้นเหตุ |
ความชุก | ประมาณร้อยละ 65 ของประชากร (ในชาวยุโรปพบได้น้อยกว่า) |
ภาวะไม่ทนต่อแล็กโทส (อังกฤษ: lactose intolerance) หรือนิยมเรียกแบบไม่เป็นทางการว่าการแพ้นม เป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถสลายแล็กโทส เนื่องจากการขาดเอนไซม์แล็กเทสที่จำเป็นในระบบย่อยอาหาร มีการประมาณว่าผู้ใหญ่ทั่วโลกราว 75% มีการผลิตแล็กเทสลดลงในวัยผู้ใหญ่ ความถี่ของการลดการผลิตแล็กเทสมีแตกต่างกันตั้งแต่ 5% ในยุโรปเหนือ ไปจนถึง 71% ในซิซิลี และมากกว่า 90% ในบางประเทศทวีปแอฟริกาและเอเชีย
น้ำตาลโมเลกุลคู่ไม่สามารถถูกดูดซึมผ่านผนังของลำไส้เล็กเข้าไปยังกระแสเลือดได้ ดังนั้น ในการขาดแล็กเทส แล็กโทสซึ่งมีอยู่ในผลิตภัณฑ์นมที่ย่อยแล้วจะไม่ถูกทำให้แตกตัวและผ่านไปจนถึงลำไส้ใหญ่โดยไม่มีการย่อยสลาย โอเปอร์รอนของแบคทีเรียในลำไส้จะเข้ามาสลายแล็กโทสอย่างรวดเร็ว และส่งผลให้เกิดการหมักภายในร่างกายสิ่งมีชีวิต และผลิตแก๊สออกมาในปริมาณมาก (ได้แก่ ไฮโดรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ และมีเทนผสมกัน) ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการบริเวณท้องได้หลายอย่าง รวมทั้ง ท้องเป็นตะคริว คลื่นไส้ เรอบ่อย กรดไหลย้อน และผายลม นอกเหนือจากนั้น แล็กโทส เช่นเดียวกับน้ำตาลที่ไม่ถูกดูดซึมอื่น ๆ (อย่างเช่น ซอร์บิทอล แมนนิทอล และไซลิทอล) การมีของแล็กโทสและผลิตภัณฑ์จากการหมักจะเพิ่มแรงดันออสโมติกในลำไส้ใหญ่
เนื่องจากภาวะไม่ทนต่อแล็กโทสเกิดจากการที่ร่างกายย่อยแล็กโทสไม่ได้ จึงถือว่าไม่ได้เกิดจากกระบวนการภูมิแพ้ ไม่ถือเป็นโรคภูมิแพ้อาหาร และเป็นคนละโรคกับการแพ้โปรตีนนมวัว (cow's milk protein allergy)
ชีววิทยาแล็กเทส
สภาวะปกติของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมสำหรับตัวอ่อนของสปีชีส์เพื่อรับมือกับการผลิตแล็กเทสที่ลดลงในช่วงปลายระยะหย่านม (ซึ่งเป็นระยะเวลาที่แตกต่างกันไปในแต่ละสปีชีส์) ในมนุษย์ สังคมที่ไม่บริโภคนม การผลิตแล็กเทสมักจะลดลงถึง 90% ในช่วงสี่ปีแรกของชีวิต ถึงแม้ว่าค่าการลดลงที่แม่นยำมีความแตกต่างกันอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ประชากรมนุษย์บางส่วนมีการกลายพันธุ์บนโครโมโซม 2 ซึ่งกำจัดการปิดการผลิตแล็กเทส ทำให้สมาชิกของประชากรเหล่านี้สามารถบริโภคนมสดและผลิตภัณฑ์จากนมได้ตลอดชีวิตโดยไม่ประสบกับความยากลำบากต่อไปได้ ซึ่งเป็นการปรับตัวให้เข้ากับสมัยปัจจุบันที่มีการบริโภคนม และได้เกิดขึ้นแยกต่างหากในทั้งยุโรปเหนือและแอฟริกาตะวันออกในหมู่ประชากรที่เคยมีวิถีชีวิตด้วยการเลี้ยงปศุสัตว์ การผลิตแล็กเทสได้ตลอดชีวิต ทำให้การย่อยแล็กโทสสามารถดำเนินต่อไปได้จนกระทั่งเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เป็นแอลลีลเด่น ทำให้ภาวะไม่ทนต่อแล็กโทสเป็นลักษณะพันธุกรรมด้อย
บางวัฒนธรรม อย่างเช่น ญี่ปุ่น ที่ซึ่งมีการบริโภคนมเพิ่มมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับรูปแบบการกินอาหารแต่เดิม แสดงให้เห็นว่าการแพ้แล็กโทสมีความชุกลดลง ถึงแม้ว่าจะมีความโน้มเอียงรับโรคตามพันธุกรรมก็ตาม
ภาวะไม่ทนต่อแล็กโทสในด้านพยาธิวิทยาสามารถเกิดได้จากการแพ้กลูเตน ซึ่งสร้างความเสียหายแก่วิลลัสในลำไส้เล็กซึ่งผลิตแล็กเทส ภาวะไม่ทนต่อแล็กโทสประเภทนี้จะเกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น ภาวะไม่ทนต่อแล็กโทสที่เกิดขึ้นจากการแพ้กลูเตนจะหายจากอาการหลังจากผู้ป่วยงดรับประทานอาหารที่มีกลูเตนเป็นระยะเวลาเพียงพอให้วิลลิสฟื้นฟู
สำหรับบางคนซึ่งรายงานปัญหาเกี่ยวกับการบริโภคแล็กโทสไม่ได้มีภาวะไม่ทนต่อแล็กโทสอย่างแท้จริง ในการศึกษาผู้ใหญ่ชาวซิซิลี 323 คน พบว่ามีเพียง 4% ซึ่งมีทั้งภาวะไม่ทนต่อแล็กโทสและการย่อยแล็กโทสผิดปกติ ในขณะที่ 32.2% เป็นผู้ที่มีการย่อยแล็กโทสผิดปกติ แต่ไม่ได้มีผลสรุปออกมาว่าแพ้แล็กโทส อย่างไรก็ตามในอีกงานศึกษาหนึ่ง พบว่า 72% ของชาวซิซิลี 100 คน มีภาวะไม่ทนต่อแล็กโทส และชาวอิตาลีตอนเหนือ 106 คน จาก 208 คน (51%) มีภาวะไม่ทนต่อแล็กโทส
แหล่งข้อมูลอื่น
- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ ภาวะไม่ทนต่อแล็กโทส
การจำแนกโรค | |
---|---|
ทรัพยากรภายนอก |