Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
มะเดื่อ
มะเดื่อ | |
---|---|
ต้นมะเดื่อที่ฮ่องกง | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Angiosperms |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Eudicots |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Rosids |
อันดับ: | Rosales |
วงศ์: | Moraceae |
เผ่า: | Ficeae |
สกุล: | Ficus |
สกุลย่อย: | Ficus |
สปีชีส์: | F. carica |
ชื่อทวินาม | |
Ficus carica L. | |
แผนที่แสดงการส่งออกมะเดื่อหลังปี ค.ศ. 2005 |
มะเดื่อ หรือ มะเดื่อฝรั่ง หรือ มะเดื่อญี่ปุ่น (ชื่อวิทยาศาสตร์: Ficus carica) เป็นไม้ยืนต้นที่แยกดอกแยกต้นเจริญได้ดีในที่สูงถึง 6 เมตร หรือ 19 ฟุต อยู่ในสกุล Ficus วงศ์ Moraceae เป็นพืชพื้นเมืองในแถบตะวันออกกลาง เป็นพืชคนละชนิดกับมะเดื่ออุทุมพรหรือมะเดื่อชุมพร (F. racemosa) ที่เป็นไม้พื้นเมืองในอินเดียและศรีลังกา
มะเดื่อเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นเป็นปุ่มแตกกิ่งก้านออก ใบเดี่ยว ด้านหนึ่งหยาบ อีกด้านหนึ่งมีขนอ่อน ลำต้นมียางสีขาว ผลออกเป็นกระจุก กลมแป้นหรือรูปไข่ เปลือกบาง ผลอ่อนสีเขียว พอสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แดงหรือชมพูแล้วแต่พันธุ์ เนื้อในสีแดงเข้ม สุกแล้วมีกลิ่นหอม การปลูกเป็นการค้าเริ่มที่เอเชียตะวันตก แล้วจึงแพร่หลายสู่ซีเรีย ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ปัจจุบันปลูกมากในยุโรปใต้ สหรัฐ ตุรกี ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ มาดากัสการ์ ในอดีต ประเทศไทยจะนำเข้ามะเดื่อในรูปผลแห้ง เริ่มนำต้นเข้ามาปลูกครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2524 ที่ดอยอ่างขาง โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ มูลนิธิโครงการหลวง เพื่อทดแทนการปลูกฝิ่น เป็นผลไม้ต่างถิ่นชนิดหนึ่ง มีคุณค่าทางอาหารสูงอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลก
ประวัติ
การปลูกมะเดื่อพบว่า มีมากว่า 2,000 ปีแล้ว ตำนานของยุโรป และ ตะวันออกยุคโบราณบันทึกไว้ว่า ชาวอียิปต์และชาวกรีกเชื่อว่ามะเดื่อเป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นอาหารสำหรับนักกีฬาโอลิมปิกสมัยโบราณ มีปรากฏในไบเบิลของศาสนาคริสต์และอัลกุรอ่านของศาสนาอิสลาม
คุณค่าทางโภชนาการ
ในผลมะเดื่อมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็กในปริมาณสูงมาก โปรตีน วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี ไนอาซิน คาร์โบไฮเดรต ผลมะเดื่อ มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น กล้ามเนื้อแข็งแรง สร้างสมดุลสภาวะกรดในร่างกาย ลดรอยเหี่ยวย่น ป้องกันโรคนิ่วในไต ช่วยฟอกตับและม้าม ช่วยสมานแผลในปาก ช่วยย่อยอาหาร ป้องกันโรคมะเร็ง (สารสกัดจากผลมะเดื่อสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งในการทดลองได้) ไม่มีไขมันหรือโคเลสเตอรอล
การใช้ประโยชน์และความเชื่อ
คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม (3.5 ออนซ์) | |
---|---|
พลังงาน | 1,041 กิโลจูล (249 กิโลแคลอรี) |
63.87 g |
|
น้ำตาล | 47.92 g |
ใยอาหาร | 9.8 g |
0.93 g |
|
3.30 g |
|
วิตามิน | |
ไทอามีน (บี1) |
(7%) 0.085 มก. |
ไรโบเฟลวิน (บี2) |
(7%) 0.082 มก. |
ไนอาซิน (บี3) |
(4%) 0.619 มก. |
(9%) 0.434 มก. |
|
วิตามินบี6 |
(8%) 0.106 มก. |
โฟเลต (บี9) |
(2%) 9 μg |
วิตามินซี |
(1%) 1.2 มก. |
แร่ธาตุ | |
แคลเซียม |
(16%) 162 มก. |
เหล็ก |
(16%) 2.03 มก. |
แมกนีเซียม |
(19%) 68 มก. |
ฟอสฟอรัส |
(10%) 67 มก. |
โพแทสเซียม |
(14%) 680 มก. |
สังกะสี |
(6%) 0.55 มก. |
ประมาณร้อยละคร่าว ๆ โดยใช้การแนะนำของสหรัฐสำหรับผู้ใหญ่ แหล่งที่มา: USDA FoodData Central |
มะเดื่อใช้กินเป็นผลไม้สด หรือใช้ทำขนม เช่น พาย พุดดิ้ง เค้ก ไอศกรีม แยม อบแห้ง ผสมในชาไข่มุก หรือใส่ขนมแทนลูกเกด ผลแห้งนำไปคั่วแล้วป่นใช้แทนกาแฟ เป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูง เป็นยาระบาย
แหล่งข้อมูลอื่น
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: Ficus carica |
วิกิซอร์ซ มีบทความจากสารานุกรมบริตานิกา ฉบับ ค.ศ. 1911 เกี่ยวกับ Fig |