Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
รูด็อล์ฟ เฮ็ส
รูด็อล์ฟ เฮ็ส Rudolf Hess | |
---|---|
รองฟือเรอร์ Stellvertreter des Führers | |
ดำรงตำแหน่ง 21 เมษายน 1933 – 12 พฤษภาคม 1941 | |
ฟือแรร์ | อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ |
ก่อนหน้า | ไม่มี |
ถัดไป | มาร์ทีน บอร์มัน (หัวหน้าสำนักงานใหญ่พรรคนาซี) |
ไรช์สไลเทอร์ | |
ดำรงตำแหน่ง 1933–1941 | |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด |
รูด็อล์ฟ วัลเทอร์ ริชชาร์ท เฮ็ส 26 เมษายน ค.ศ. 1894(1894-04-26) อเล็กซานเดรีย อียิปต์ จักรวรรดิออตโตมัน |
เสียชีวิต | 17 สิงหาคม ค.ศ. 1987(1987-08-17) (93 ปี) ซพันเดา เบอร์ลินตะวันตก ประเทศเยอรมนีตะวันตก |
เชื้อชาติ | เยอรมัน |
พรรค | พรรคแรงงานชาติสังคมนิยมเยอรมัน (NSDAP) (1920–1941) |
คู่สมรส | Ilse Pröhl (22 มิถุนายน 1900 – 7 กันยายน 1995) สมรส 20 ธันวาคม 1927 |
บุตร |
วอล์ฟ รือดีเกอร์ เฮ็ส (18 พฤศจิกายน 1937 – 14 ตุลาคม 2001) |
ศิษย์เก่า | มหาวิทยาลัยมิวนิก |
ลายมือชื่อ |
รูด็อล์ฟ วัลเทอร์ ริชชาร์ท เฮ็ส (Rudolf Heß ในภาษาเยอรมัน;26 เมษายน 1894 – 17 สิงหาคม 1987) เป็นนักการเมืองคนสำคัญในนาซีเยอรมนี ได้รับแต่งตั้งเป็นรองฟือเรอร์ของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ในปี 1933 เขาดำรงตำแหน่งจนปี 1941 เมื่อเขาบินเดี่ยวไปประเทศสกอตแลนด์เพื่อพยายามเจรจาสันติภาพกับสหราชอาณาจักรระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เขาถูกจับเป็นนักโทษและสุดท้ายถูกพิพากษาลงโทษฐานอาชญากรรมต่อสันติภาพ รับโทษจำคุกตลอดชีวิต
เฮ็สสมัครเข้าเป็นทหารในกรมทหารปืนใหญ่สนามบาวาเรียที่ 7 เป็นทหารราบเมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอุบัติ เขาได้รับบาดเจ็บหลายครั้งระหว่างสงคราม และได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์กางเขนเหล็ก ชั้นสองในปี 1915 ไม่นานก่อนสงครามยุติ เฮ็สขึ้นทะเบียนเพื่อฝึกเป็นนักบิน แต่มิได้ปฏิบัติหน้าที่ในบทบาทนี้ เขาออกจากกองทัพในเดือนธันวาคม 1918 ด้วยยศร้อยโทสำรอง (Leutnant der Reserve)
ในฤดูใบไม้ร่วงปี 1919 เฮ็สสมัครเรียนในมหาวิทยาลัยมิวนิก ที่ซึ่งเขาศึกษาวิชาภูมิรัฐศาสตร์กับคาร์ล เฮาโชแฟร์ ผู้สนับสนุนมโนทัศน์เลเบนซเราม์ ("ที่อยู่อาศัย") ซึ่งต่อมากลายเป็นเสาหลักของอุดมการณ์พรรคนาซี เฮ็สเข้าร่วมพรรคนาซีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1920 และร่วมกับฮิตเลอร์ก่อกบฏโรงเบียร์เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 1923 อันเป็นความพยายามของนาซีที่ล้มเหลวเพื่อยึดรัฐบาลบาวาเรีย ระหว่างรับโทษจำคุกจากความพยายามรัฐประหารนี้ เฮ็สช่วยฮิตเลอร์เขียนงานของเขา ไมน์คัมพฟ์ ซึ่งต่อมากลายเป็นรากฐานแนวนโยบายของพรรคนาซี
เมื่อนาซียึดอำนาจในปี 1933 เฮ็สได้รับแต่งตั้งเป็นรองฟือเรอร์ของพรรคนาซีและได้รับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของฮิตเลอร์ เขาเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดอันดับสามในประเทศเยอรมนี รองแต่เพียงฮิตเลอร์และแฮร์มันน์ เกอริง นอกเหนือจากการปรากฏตัวแทนฮิตเลอร์ในการปราศรัยและชุมนุม เฮ็สลงนามผ่านกฎหมายหลายฉบับซึ่งรวมกฎหมายเนือร์นแบร์กปี 1935 ซึ่งถอดสิทธิของชาวยิวในประเทศเยอรมนีนำไปสู่ฮอโลคอสต์
เฮ็สยังสนใจการบิน โดยเรียนบินอากาศยานที่ซับซ้อนขึ้นซึ่งมาพัฒนาเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองอุบัติ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 1941 เขาบินเดี่ยวไปประเทศสกอตแลนด์ ซึ่งเขาหวังจัดการเจรจาสันติภาพกับดุ๊กแฮมิลตัน ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นคนสำคัญในฝ่ายค้านของรัฐบาลอังกฤษ เฮ็สถูกจับกุมทันทีที่มาถึงและถูกอังกฤษควบคุมตัวจนสิ้นสงคราม(หลังจากฮิตเลอร์ได้ทราบการกระทำของเฮ็สทำให้เขาโกรธมากและทำการปลดเขาออกจากรองฟือเรอร์และได้แต่งตั้งมาร์ติน บอรมันแทน) เมื่อเขากลับประเทศเยอรมนีเพื่อรับการไต่สวนในการพิจารณาคดีเนือร์นแบร์กอาชญากรสงครามคนสำคัญในปี 1946 ตลอดการไต่สวน เขาอ้างว่าป่วยเป็นภาวะเสียความจำ แต่ภายหลังรับว่าเป็นอุบาย เฮ็สถูกพิพากษาลงโทษฐานอาชญากรรมต่อสันติภาพและคบคิดกับผู้นำเยอรมันอื่นเพื่อก่ออาชญากรรมและถูกย้ายไปเรือนจำซแพนเดาในปี 1947 ซึ่งเขารับโทษจำคุกตลอดชีวิต ความพยายามซ้ำ ๆ ของสมาชิกครอบครัวและนักการเมืองคนสำคัญเพื่อให้ปล่อยตัวเขาถูกสหภาพโซเวียตขัดขวาง ขณะยังถูกควบคุมตัวในซแพนเดา เขาเสียชีวิตโดยดูเหมือนฆ่าตัวตายในปี 1987 เมื่ออายุ 93 ปี หลังเสียชีวิต เรือนจำถูกทำลายเพื่อมิให้กลายเป็นที่บูชาของนีโอนาซี
จำเลยสำคัญในการพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ค
| |
---|---|
ถูกตัดสินประหารชีวิต | |
จำคุก |
|
พ้นผิด | |
ไม่มีคำวินิจฉัย | |
|
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||