Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
สมเด็จพระราชินีนาถมารีอาที่ 1 แห่งโปรตุเกส
พระนางเจ้ามารีอาที่ 1 แห่งโปรตุเกส | |
---|---|
มารีอา ฟรานซิสกา อิซาเบล โจเซฟา แอนโทเนีย เจอร์ทรูด ริตา ฮวนนา สมเด็จพระราชินีนาถมารีอาที่ 1 แห่งโปรตุเกส | |
ภาพ มารีอาที่ 1 แห่งโปรตุเกส ปี 1783
| |
พระมหากษัตริย์แห่งโปรตุเกสและแอลการ์ฟ | |
ครองราชย์ | 24 กุมภาพันธ์ 1777 – 20 มีนาคม 1816 |
พิธีอวยองค์ | 13 พฤษภาคม 1777 |
รัชกาลก่อนหน้า | เจ้าชายฌูเอา |
รัชกาลถัดไป | พระเจ้าเปดรูที่ 3 |
สูญอำนาจ | 10 กุมภาพันธ์ 1792 |
ก่อนหน้า | พระเจ้าฌูเซที่ 1 |
ถัดไป | พระเจ้าฌูเอาที่ 6 |
ผู้ร่วมบัลลังก์ | พระเจ้าเปดรูที่ 3 (โดยสิทธิของภริยา) |
ผู้สำเร็จราชการ |
เจ้าชายฌูเอา (1792–1816) |
กษัตริย์แห่งบราซิล | |
ครองราชย์ | 16 ธันวาคม 1815 – 20 มีนาคม 1816 |
ถัดไป | พระเจ้าฌูเอาที่ 6 |
พระราชสวามี | พระเจ้าเปรโดที่ 3 แห่งโปรตุเกส พระราชสวามี |
พระราชบุตร |
โฌเซ เจ้าชายแห่งบราซิล พระเจ้าฌูเอาที่ 6 อินฟันตามารีอานา บิกโตเรีย |
ราชวงศ์ | บรากันซา |
พระราชบิดา | พระเจ้าฌูเซที่ 1 แห่งโปรตุเกส |
พระราชมารดา | มารีอานา บิกโตเรีย แห่งสเปน |
ประสูติ | 17 ธันวาคม ค.ศ. 1734(1734-12-17) ลิสบอน, ราชอาณาจักรโปรตุเกส |
สวรรคต | 20 มีนาคม ค.ศ. 1816(1816-03-20) (81 ปี) รีโอเดจาเนโร, ราชอาณาจักรบราซิล |
ศาสนา | โรมันคาทอลิก |
ลายพระอภิไธย |
สมเด็จพระราชินีนาถมารีอาที่ 1 แห่งโปรตุเกส (17 ธันวาคม พ.ศ. 2277 - 20 มีนาคม พ.ศ. 2359,พระนามเต็ม: มารีอา ฟรานซิสกา อิซาเบล โจเซฟา แอนโทเนีย เจอร์ทรูด ริตา ฮวนนา) ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีนาถแห่งโปรตุเกสและแอลการ์ฟ ตั้งแต่พ.ศ. 2320 จนกระทั่งเสด็จสวรรคต ทรงเป็นที่รู้จักกันในพระนาม มารีอา ผู้ใจบุญ โดยชาวโปรตุเกส และเป็นที่รู้จักในพระนาม มารีอา ผู้วิปลาส โดยชาวบราซิล เป็นพระประมุขพระองค์แรกของโปรตุเกสที่เป็นสตรีเพศ เป็นพระราชธิดาพระองค์โตจากพระธิดาทั้งสี่พระองค์ในพระเจ้าฌูเซที่ 1 แห่งโปรตุเกสกับสมเด็จพระราชินีมารีอานา วิกตอเรียแห่งโปรตุเกส
ช่วงต้นของพระชนม์ชีพ
เจ้าหญิงมารีอาพระราชสมภพที่พระราชวังริเบย์รา ซึ่งต่อมาพระราชวังนี้ได้ถูกทำลายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิ พระนามเต็มของพระนางคือ มารีอา ฟรานซิสกา อิซาเบล โจเซฟา แอนโทเนีย เจอร์ทรูด ริตา ฮวนนา ในวันพระราชสมภพ พระเจ้าฌูเอาที่ 5 แห่งโปรตุเกสซึ่งเป็นพระอัยกาของพระนาง ได้มอบพระอิสริยยศเจ้าหญิงเป็น เจ้าหญิงแห่งเบย์รา พระนางเป็นพระราชธิดาพระองค์โตจากทั้งหมด 4 พระองค์
เมื่อพระราชบิดาได้สืบราชสมบัติเป็น พระเจ้าโจเซฟแห่งโปรตุเกส หลังจากการเสด็จสวรรคตของพระเจ้าฌูเอาที่ 5 ในปีพ.ศ. 2293 เจ้าหญิงมารีอาได้รับการสถาปนาเป็น เจ้าหญิงแห่งบราซิลซึ่งเป็นพระอิสริยยศตามแบบดั้งเดิม ซึ่งไม่ใช่พระอิสริยยศดัสเชสแห่งบรากันซา
เจ้าหญิงมารีอาทรงเจริญพระชันษาในช่วงที่การปกครองของพระราชบิดาและรัฐบาลอยู่ภายใต้อำนาจของมาควิสแห่งพอมบาล พระราชบิดาของพระนางมักจะปลีกตัวพระองค์จากการเมืองมาพำนักที่พระราชวังหลวงเควลูซ ซึ่งต่อมาได้มอบให้กับเจ้าหญิงมารีอาและพระสวามี มาควิสแห่งพอมบาลได้เข้ากุมอำนาจในรัฐบาลหลังจากเหตุการณ์ครั้งร้ายแรงคือ แผ่นดินไหวในลิสบอน พ.ศ. 2298 ในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2293 วึ่งส่งผลให้ประชาชนกว่าหนึ่งแสนคนต้องเสียชีวิต และพระราชวังริเบย์ราถูกทำลายจนสิ้น
หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนั้นส่งผลให้พระราชบิดาของพระนางเกิดพระอาการประหลาดคือ พระองค์มักจะรู้สึกอึดอัดในที่ที่ไม่มีช่องว่าง อันเป็นผลมาจากโรคกลัวที่ปิดทึบ (Claustrophobia) พระเจ้าโจเซฟทรงสร้างที่ประทับในเมืองอาจูดา โดยให้ห่างไกลจากตัวเมือง ซึ่งพระราชวังเป็นที่รู้จักในชื่อ พระราชวังเรียล บาร์ราคา เดอ อาจูดา (กระท่อมหลวงแห่งอาจูดา) เนื่องจากว่าทั้งตัวพระราชวังทำจากไม้ทั้งสิ้น พระราชวงศ์ทรงประทับร่วมกันที่พระราชวังนี้และเป็นที่ที่เจ้าหญิงมารีอาทรงพระประสูติกาลพระโอรสพระองค์แรกด้วย ต่อมาในปีพ.ศ. 2337 พระราชวังนี้ได้ถูกเพลิงเผาจนวอดวายและได้มีการสร้างพระราชวังหลวงอาจูดาขึ้นแทนที่
อภิเษกสมรสและพระราชบุตร
เจ้าหญิงมารีอาทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าชายเปโดร ซึ่งเป็นพระปิตุลาของพระนาง และเป็นผู้ซึ่งต่อมาได้เป็นผู้ปกครองร่วมกับพระนางมารีอาเมื่อพระนางขึ้นครองราชย์ พระราชพิธีอภิเษกสมรสได้จัดขึ้นในวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2303 ซึ่งเจ้าสาวมีพระชนมายุเพียง 25 พรรษา ส่วนเจ้าบ่าวมีพระชนมายุ 43 พรรษา ถึงแม้จะเป็นการอภิเษกสมรสที่ต่างพระชันษากันมาก แต่ก็จัดเป็นคู่อภิเษกสมรสที่มีความสุขคู่หนึ่งซึ่งปรากฏพบได้ยากในการแต่งงานของราชวงศ์ ทั้งสองพระองค์ทรงให้กำเนิดโอรสและธิดารวม 6 พระองค์ ได้แก่
พระนาม | ประสูติ | สิ้นพระชนม์ | คู่สมรส และพระโอรส-ธิดา | |
เจ้าชายโจเซแห่งบราซิล |
176120 สิงหาคม พ.ศ. 2304 |
178811 กันยายน พ.ศ. 2331 |
อภิเษกสมรส 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2320 เจ้าหญิงเบเนดิกตาแห่งโปรตุเกส ผู้เป็นพระมาตุจฉา ไม่มีรัชทายาท |
|
เจ้าชายโจอาว ฟรานซิสโกแห่งโปรตุเกส |
176316 กันยายน พ.ศ. 2306 |
176310 ตุลาคม พ.ศ. 2306 |
สิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์ | |
เจ้าหญิงมารีอา อิซาเบลแห่งโปรตุเกส |
176623 ธันวาคม พ.ศ. 2309 |
177714 มกราคม พ.ศ. 2320 |
สิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์ | |
พระเจ้าฌูเอาที่ 6 แห่งโปรตุเกส |
176713 พฤษภาคม พ.ศ. 2310 |
182610 มีนาคม พ.ศ. 2369 |
อภิเษกสมรส 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2328 เจ้าหญิงคาร์ลอตา โจวควินาแห่งสเปน มีรัชทายาท 9 พระองค์ ได้แก่ เจ้าหญิงมารีอา เทเรซาแห่งเบย์รา เจ้าชายฟรานซิสโก อันโตนิโอแห่งเบย์รา มารีอา อิซาเบลแห่งโปรตุเกส สมเด็จพระราชินีแห่งสเปน สมเด็จพระจักรพรรดิเปโดรที่ 1 แห่งบราซิล เจ้าหญิงมารีอา ฟรานซิสกาแห่งโปรตุเกส เจ้าหญิงอิซาเบล มารีอาแห่งโปรตุเกส พระเจ้ามิเกลแห่งโปรตุเกส เจ้าหญิงมารีอา ดา อัสซันโคแห่งโปรตุเกส เจ้าหญิงอนา เดอ จีซัส มารีอาแห่งโปรตุเกส |
|
เจ้าหญิงมารีอานา วิกตอเรียแห่งโปรตุเกส |
176815 ธันวาคม พ.ศ. 2311 |
17882 พฤศจิกายน พ.ศ. 2331 |
อภิเษกสมรส 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2371 เจ้าชายกาเบรียลแห่งสเปน มีรัชทายาท 3 พระองค์ ได้แก่ เจ้าชายเปโดร คาร์ลอสแห่งสเปนและโปรตุเกส เจ้าหญิงมารีอา คาร์ลอตาแห่งสเปน เจ้าชายคาร์ลอสแห่งสเปน |
|
เจ้าหญิงมารีอา คลีเมนทีนาแห่งโปรตุเกส |
17749 มิถุนายน พ.ศ. 2317 |
177627 มิถุนายน พ.ศ. 2319 |
สิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์ |
ครองบัลลังก์โปรตุเกสและพระอาการวิปลาส
ในปีพ.ศ. 2320 เจ้าหญิงมารีอาได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นสมเด็จพระราชินีนาถพระองค์แรกแห่งโปรตุเกสและแอลการ์ฟ และเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 26 พระสวามีของพระนางได้เป็นพระประมุขร่วม พระนามว่า พระเจ้าเปโดรที่ 3 แห่งโปรตุเกส แม้ว่าพระสวามีจะดำรงเป็นผู้ปกครองร่วมแต่แท้จริงแล้วอำนาจทั้หมดกลับตกอยู่ในพระหัตถ์ของพระนางมารีอา พระนางทรงเป็นนักปกครองที่ดีและชาญฉลาดถ้าไม่เกิดพระอาการวิปลาสของพระนาง
บทบาทแรกในการเป็นสมเด็จพระราชินีนาถของพระนางคือ การปลดมาควิสแห่งพอมบาล ผู้เป็นที่นิยมออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและทรงประกาศไม่ให้เขาเข้าใกล้พระองค์เป็นระยะ 20 ไมล์ มาควิสแห่งพอมบาลเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ทาวอรา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์พระเจ้าโจเซฟในรัชกาลก่อน และผลลัพธ์คือคนในตระกูลทาวอราถูกสั่งประหารชีวิต ซึ่งคนในตระกูลนี้เป็นปรปักษ์กับมาควิสแห่งพอมบาล จนทำให้มาควิสแห่งพอมบาลมีอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ จนเรียกได้ว่า ยุคภูมิธรรมของพอมบาล และเป็นผู้ต่อต้านคณะเยซูอิต ซึ่งพระนางมารีอาไม่ทรงโปรดพอมบาลพระนางจึงสั่งปลดเขา ในช่วงนี้ประเทศโปรตุเกสได้เข้าเป็นสมาชิกในสันนิบาตแห่งความเป็นกลางทางกองทัพ (เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2325)
พระนางมารีอาทรงทรมานจากการที่ทรงเคร่งครัดในพระศาสนามากเกินไปและทรงเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นพระอาการแบบเฉียบพลันทำให้พระนางไม่สามารถมีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครองได้ พระนางเป็นพระโรคเดียวกับพระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรซึ่งทรงพระประชวรด้วยโรคพอร์ฟีเรีย
พะอาการวิปลาสของพระนางเริ่มปรากฏเด่นชัดขึ้นในปีพ.ศ. 2329 เมื่อพระนางมารีอาทรงถูกกุมพระองค์กลับมายังพระตำหนักด้วยพระอาการคลุ้มคลั่ง สภาพจิตใจของพระนางเลวร้ายยิ่งขึ้น และในปีเดียวกันพระสวามีของพระนางเสด็จสวรรคตในเดือนพฤษภาคม สภาพจิตใจของพระนางเหมือนแหลกสลายทรงออกประกาศห้ามให้มีความบันเทิง และการฉลองรัฐพิธีต่างๆให้เป็นไปตามพิธีกรรมทางศาสนาทั้งสิ้น สภาพจิตใจของพระนางสูญเสียมากขึ้นเมื่อพระราชโอรสพระองค์โตสิ้นพระชนม์ขณะมีพระชนมายุ 27 พรรษาด้วยไข้ทรพิษ และหลังจากการสารภาพบาปของพระนางในปีพ.ศ. 2334 ก็มีผลให้พระอาการเลวร้ายยิ่งขึ้น ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2335 พระนางทรงได้รับการรักษาจากฟรานซิส วิลลิส นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้ที่ทำการรักษาพระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร วิลลิสประสงค์ให้พระนางเสด็จไปรับการรักษาที่ประเทศอังกฤษแต่ทางราชสำนักได้ปฏิเสธแผนการนี้ เจ้าชายฌูเอา พระราชโอรสพระองค์สุดท้องได้ใช้พระราชอำนาจปกครองประเทศภายใต้พระนามของพระราชมารดา และทรงได้ดำรงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระองค์ในปีพ.ศ. 2342 เมื่อพระราชวังเรียล บาร์ราคา เดอ อาจูดาได้ถูกเพลิงเผาผลาญจนสิ้นในปีพ.ศ. 2337 พระราชวงศ์ได้ย้ายไปประทับที่พระราชวังเควลูซ ซึ่งเป็นที่ซึ่งพระนางมารีอาทรงถูกบังคับให้อยู่บนพระแท่นบรรทมโดยทรงถูกผูกติดกับพระแท่นตลอดทั้งวันโดยไม่ให้เสด็จออกจากห้อง แขกผู้มาเยือนราชสำนักโปรตุเกสต่างได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างทรมานของพระนางมารีอาซึ่งจะมีเสียงสะท้อนกลับทั่วทั้งพระราชวัง
สงครามนโปเลียนและเสด็จสวรรคต
ในปีพ.ศ. 2344 มานูเอล โกดอย นายกรัฐมนตรีเผด็จการแห่งสเปนได้ส่งกองทัพบุกโปรตุเกสด้วยการสนับสนุนจากนโปเลียน แต่ในปีเดียวกันก็ถูกสั่งระงับแผนการไว้ อย่างไรก็ตามในสนธิสํญญาบาดาจอซในวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2344 โปรตุเกสได้ถูกบังคับให้มอบโอลิเวนซาและส่วนหนึ่งของกายอานาแก่สเปน
รัฐบาลโปรตุเกสปฏิเสธที่จะร่วมในแผนการบุกเกาะอังกฤษของฝรั่งเศสและสเปนในปีพ.ศ. 2350 กองทัพฝรั่งเศส-สเปนนำโดยนายพลฌอง-อันดอเช ชูโนต์ได้บุกโปรตุเกส กองทัพโปรตุเกสพ่ายแพ้ นายพลชูโนต์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการแผ่นดินโปรตุเกสโดยการตัดสินพระทัยของจักรพรรดินโปเลียนที่ประสงค์ให้ทำลายราชอาณาจักรโปรตุเกส จากการร้องขอของรัฐบาลอังกฤษ ในวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2350 พระราชวงศ์บรากันซาตัดสินพระทัยลี้ภัยไปยังบราซิลและก่อตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในราชอาณาจักรบราซิลขึ้น พระนางและพระราชวงศ์ประทับเรือพระที่นั่งปรินซิเป เรียล ระหว่างการเสด็จจากพระราชวังมายังท่าเรือ พระนางทรงกรีดร้องและกรรแสงตลอดทางและเป็นเช่นนี้ตลอดจนถึงบราซิล สมเด็จพระราชินีทรงเริ่มมีภาวะสมองเสื่อม พระนางทรงหวาดผวาโดยทรงคำนึงว่าพระองค์จะทรงถูกนำไปทรมานหรือทรงถูกนำไปปล้นในระหวางการเดินทางโดยเหล่านางสนองพระโอษฐ์ของพระนางเอง
ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2351 เจ้าชายฌูเอาและพระราชวงศ์เสด็จถึงซาลวาดอร์ ซึ่งเป็นที่ที่พระองค์ทรงเปิดการค้าระหว่างบราซิลกับมิตรประเทศซึ่งรวมทั้งประเทศอังกฤษ กฎหมายนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะยกเลิกสัญญาอาณานิคมซึ่งใช้บราซิลเป็นแผ่นดินหลักแทนโปรตุเกส
ในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2358 พลโท ดยุกแห่งเวลลิงตัน แห่งกองทัพอังกฤษได้บุกเข้าสู่กรุงลิสบอนอันเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามคาบสมุทร (Peninsular War) วันที่ 28 สิงหาคม ดยุกแห่งเวลลิงตันได้ชัยชนะเหนือนายพลฌอง-อันดอเช ชูโนต์ในสมรภูมิไวเมโร และถือเป็นการขจัดอำนาจของนายพลชูโนต์และเป็นการปลดแอกโปรตุเกสในการประชุมแห่งซินทรา วันที่ 30 สิงหาคม อย่างไรก็ตามนายพลอาร์เธอร์ เวลเลสลีย์ได้กลับมาโปรตุเกสอีกครั้งในวันที่ 22 เมษายนปีถัดมาเพื่อประกาศสงคราม โปรตุเกสภายใต้กองทัพอังกฤษมีความสามารถในการป้องกันประเทศตามเส้นทางแห่งตอร์เรส เวดราสและการบุกรุกของสเปนและฝรั่งเศส
ในปีพ.ศ. 2358 รัฐบาลพลัดถิ่นและราชวงศ์ได้ย้ายศูนย์กลางการปกครองมาที่บราซิลในฐานะราชอาณาจักรอย่างเต็มรูปแบบ และพระนางมารีอาทรงได้รับพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระราชินีนาถแห่งสหราชอาณาจักรโปรตุเกส, บราซิล และ อัลการ์เวส เมื่ออำนาจของนโปเลียนสิ้นสุดลงในปีพ.ศ. 2358 พระนางมารีอาและพระราชวงศ์ยังทรงประทับอยู่ที่บราซิล
ช่วงเวลา 9 ปีในบราซิลซึ่งเป็นที่ที่พระนางประทับอย่างไร้ความสุข พระนางมารีอาเสด็จสวรรคตที่คาร์เมลิต คอนแวนต์ ณ กรุงรีโอเดจาเนโรในปีพ.ศ. 2359 สิริพระชนมายุ 81 พรรษา ซึ่งทรงดำรงพระชนม์ชีพยืนยาวที่สุดในบรรดากษัตริย์โปรตุเกสนับตั้งแต่สถาปนาราชอาณาจักรโปรตุเกส เจ้าชายฌูเอา พระโอรสได้เสด็จขึ้นครองราชย์สืบต่อ พระนาม พระเจ้าฌูเอาที่ 6 แห่งโปรตุเกส พระบรมศพของพระนางมารีอาได้ส่งกลับมายังลิสบอน และฝังที่สุสานในโบสถ์แห่งเอสเตอราที่ซึ่งพระนางทรงอุปถัมภ์
ต่อมาพระบรมรูปหินอ่อนของพระนางได้ถูกสร้างขึ้นในห้องสมุดแห่งชาติกรุงลิสบอนโดยคณะนักศึกษาของ โจอาคิม มาร์ชาดา เดอ คัสโตรซึ่งเป็นผู้กำกับโครงการ
ความสัมพันธ์กับราชอาณาจักรสยาม
พระนางเจ้ามารีอาที่ 1 แห่งโปรตุเกสถวายพระราชสาส์นโดยตรงจากกรุงลิสบอนสู่กรุงรัตนโกสินทร์ ในปีพ.ศ. 2329 ซึ่งเป็นปีที่ 5 ในรัชกาลที่ 1 แห่งสยาม ดังนั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงทราบ ก็ทรงตระหนักถึงการให้ความสำคัญของโปรตุเกสต่อรัตนโกสินทร์ที่เพิ่งตั้งได้เพียง 5 ปี จึงได้มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้เตรียมการรับราชทูตแห่งโปรตุเกสอย่างสมเกียรติ แต่พระราชสาส์นของพระนางมารีอาได้สูญหาย จึงทำให้ปัจจุบันไม่ทราบความในพระราชสาส์น แต่ในพระราชสาส์นตอบของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชนั้นทำให้ทราบว่าทางพระราชินีโปรตุเกสได้กราบบังคมทูลขอตั้งสถานีการค้าในกรุงเทพมหานครขึ้นและความช่วยเหลือทางการทหารเข้ามาด้วย นับเป็นชาติตะวันตกชาติแรกที่เข้ามายังสยามในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
พระอิสริยยศ
- 17 ธันวาคม พ.ศ. 2277 - 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2293 : เจ้าหญิงแห่งเบย์รา,ดัสเชสแห่งบาร์เชลอส
- 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2293 - 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2320 : เจ้าหญิงแห่งบราซิล,ดัสเชสแห่งบรากันซา
- 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2320 - ธันวาคม พ.ศ. 2358 : สมเด็จพระราชินีนาถแห่งโปรตุเกสและแอลการ์ฟ
- ธันวาคม พ.ศ. 2358 - 20 มีนาคม พ.ศ. 2359 : สมเด็จพระราชินีนาถแห่งสหราชอาณาจักรโปรตุเกส, บราซิล และแอลการ์ฟ
ดูเพิ่ม
พระราชตระกูล
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Maria I of Portugal
ก่อนหน้า | สมเด็จพระราชินีนาถมารีอาที่ 1 แห่งโปรตุเกส | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้าโจเซฟ |
สมเด็จพระราชินีนาถแห่งโปรตุเกสและแอลการ์ฟ ปกครองร่วมกับพระสวามี พระเจ้าเปโดรที่ 3 แห่งโปรตุเกส (จนกระทั่งพ.ศ. 2329) (24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2320 - 20 มีนาคม พ.ศ. 2359) |
พระเจ้าฌูเอาที่ 6 | ||
สถาปนาพระอิสริยยศ |
สมเด็จพระราชินีนาถแห่งสหราชอาณาจักรโปรตุเกส, บราซิล และอัลการ์เวส (16 ธันวาคม พ.ศ. 235 - 20 มีนาคม พ.ศ. 2359) |
พระเจ้าฌูเอาที่ 6 | ||
เจ้าหญิงบาร์บาราแห่งโปรตุเกส |
เจ้าหญิงแห่งเบย์รา (พ.ศ. 2277 - พ.ศ. 2293) |
ตำแหน่งว่าง ลำดับถัดไปคือ เจ้าหญิงมารีอาแห่งโปรตุเกส |
||
เจ้าหญิงมารีอานา วิกตอเรียแห่งสเปน |
เจ้าหญิงแห่งบราซิล (พ.ศ. 2293 - พ.ศ. 2320) |
ตำแหน่งว่าง ลำดับถัดไปคือ เจ้าหญิงเบเนดิกตาแห่งโปรตุเกส |
ราชวงศ์บูร์กอญ |
อาฟงซูที่ 1 • ซังชูที่ 1 • อาฟงซูที่ 2 • ซังชูที่ 2 • อาฟงซูที่ 3 • ดีนิช • อาฟงซูที่ 4 • เปดรูที่ 1 • ฟือร์นังดูที่ 1 • บียาตริช (เป็นที่ถกเถียง)
|
---|---|
ราชวงศ์อาวิช | |
ราชวงศ์อาวิช-แบฌา | |
ราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค | |
ราชวงศ์บรากังซา |
ฌูเอาที่ 4 • อาฟงซูที่ 6 • เปดรูที่ 2 • ฌูเอาที่ 5 • ฌูเซที่ 1 • มารีอาที่ 1 และ เปดรูที่ 3 • ฌูเอาที่ 6 • เปดรูที่ 4 • มารีอาที่ 2 • มีแกล • มารีอาที่ 2 และ ฟือร์นังดูที่ 2
|
ราชวงศ์บรากังซา-ซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา |
ราชอาณาจักรบราซิล | สมเด็จพระราชินีนาถมารีอาที่ 1 (1815–1816) · พระเจ้าฌูเอาที่ 6 (1816–1822) |
|
---|---|---|
จักรวรรดิบราซิล | จักรพรรดิเปดรูที่ 1 (1822–1831) · จักรพรรดิเปดรูที่ 2 (1831–1889) |