Мы используем файлы cookie.
Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.

ห่วงอนามัยคุมกำเนิด

Подписчиков: 0, рейтинг: 0
ห่วงอนามัยคุมกำเนิด
IUD with scale.jpg
ความรู้พื้นฐาน
ประเภทการคุมกำเนิด ในมดลูก
เริ่มใช้ครั้งแรก คริสต์ทศวรรษ 1970
อัตราการล้มเหลว (ปีแรก)
เมื่อใช้อย่างถูกต้อง <1%%
เมื่อใช้แบบทั่วไป <1%%
การใช้
สิ่งที่ผู้ใช้ควรรู้ ...
ข้อดีข้อเสีย
ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่
ประจำเดือน ...
น้ำหนัก ...
ข้อดี ...

ห่วงอนามัยคุมกำเนิด หรือ ไอยูดี (อังกฤษ: Intrauterine device, IUD, intrauterine contraceptive device, IUCD, ICD, coil) เป็นอุปกรณ์คุมกำเนิดขนาดเล็ก มักมีรูปร่างคล้ายตัว T ใช้โดยการใส่เข้าไปในมดลูกเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ การใช้ห่วงอนามัยเป็นหนึ่งในวิธีคุมกำเนิดระยะยาวที่ย้อนกลับได้ ผู้ใช้ห่วงอนามัยและยาคุมกำเนิดแบบฝังมีความพึงพอใจสูงสุดเมื่อเทียบกับผู้ใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่น หลักฐานทางงานวิจัยสนับสนุนทั้งประสิทธิผลและความปลอดภัยของห่วงอนามัย เมื่อใช้กับวัยรุ่นและคนที่ไม่เคยมีลูก เมื่อถอดห่วงอนามัยออกความเจริญพันธุ์ของผู้ใช้จะกลับมาอย่างรวดเร็วแม้จะใช้มาเป็นเวลานาน โอกาสล้มเหลวของห่วงอนามัยชนิดเคลือบทองแดงอยู่ที่ประมาณ 0.8% ส่วนแบบหลั่งฮอร์โมนอยู่ที่ประมาณ 0.2% ในการใช้ปีแรก

ห่วงอนามัยหุ้มทองแดงอาจเพิ่มปริมาณของประจำเดือนและอาจทำให้ปวดท้องมากขึ้น ส่วนห่วงอนามัยแบบหลั่งฮอร์โมนอาจทำให้ประจำเดือนมาน้อยลงหรือไม่มาเลย อาการปวดประจำเดือนสามารถบรรเทาด้วยยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตอรอยด์ (NSAID) ผลกระทบที่อาจตามมาได้แก่ expulsion (2–5%) และมดลูกฉีกขาดที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก (น้อยกว่า 0.7%) ห่วงอนามัยไม่ส่งผลกรทบต่อการให้นมบุตร และสามารถติดตั้งทันทีหลังคลอดลูก นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทันทีหลังการทำแท้ง

การใช้ห่วงอนามัยเพื่อคุมกำเนิดเริ่มขึ้นในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18 แบบจำลองก่อนหน้านี้ถูกเรียกว่า Dalkon shield ซึ่งถูกพบว่าเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน (pelvic inflammatory disease) อย่างไรก็ตาม ห่วงอนามัยรุ่นปัจจุบันไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงนี้หากผู้ใช้ไม่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ตอนช่วงเวลาติดตั้ง

ประเภท

ประเภทและชื่อของห่วงอนามัยคุมกำเนิดแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ในสหรัฐอเมริกามีอยู่สองประเภท ได้แก่:

  • ห่วงอนามัยทองแดงชนิดไม่เคลือบฮอร์โมน (Nonhormonal copper IUD) ภายใต้ชื่อ ParaGard และอื่น ๆ 
  • ห่วงอนามัยเคลือบฮอร์โมนโพรเจสโตเจน (IUD with progestogen) ภายใต้ชื่อ Mirena และอื่น ๆ

ชนิดเคลือบทองแดง

ห่วงอนามัยรุปตัว T ชนิดเคลือบทองแดงที่มีเส้นสำหรับดึงออก
ห่วงอนามัยเมื่อดูผ่านเอ็กซ์เรย์เชิงกราน

ห่วงอนามัยเคลือบทองแดงทำงานโดยขัดขวางการเคลื่อนไหวและสร้างความเสียหายต่อตัวอสุจิเพื่อหยุดไม่ให้ไปปฏิสนธิกับเซลล์ไข่ ทองแดงทำหน้าที่เป็นสารฆ่าเชื้ออสุจิในมดลูก เพิ่มระดับไอออนทองแดง โพรสตาแกลนดิน และเม็ดเลือกขาวในของเหลวทั้งภายในท่อนำไข่และในมดลูก ระดับของไอออนทองแดงที่เพิ่มในมูกช่องคลอดหยุดยั้งการเคลื่อนตัวและฆ่าตัวอสุจิ ทำให้ตัวอสุจิไม่สามารถเดินทางผ่านมูกช่องคลอด ทองแดงยังสามารถเปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูก ทว่างานวิจัยแสดงว่าการเปลี่ยนแปลงสามารถหยุดการฝังตัวของเซลล์ไข่ที่ปฏิสนธิแล้วได้ ทว่าไม่สามารถขัดขวางเซลล์ไข่ที่ถูกฝังไปแล้ว

ห่วงอนามัยเคลือบทองแดงมีอัตราการล้มเหลวในปีแรกตั้งแต่ 0.1 ถึง 2.2%

ข้อเสียได้แก่ โอกาสที่ประจำเดือนจะมามากขึ้นและอาจปวดท้องมากขึ้น

ชนิดเคลือบฮอร์โมน

ห่วงอนามัยชนิดเคลือบฮอร์โมน (Mirena)

ห่วงอนามัยชนิดเคลือบฮอร์โมน (ภายใต้แบรนด์ Mirena, Skyla, Kyleena และ Liletta) ทำงานโดยการปล่อยฮอร์โมน ลีโวนอร์เจสเตรล (levonorgestrel) และ โพรเจนติน (progestin) กลไกหลักคือการทำให้ตัวอสุจิไม่สามารถมีชีวิตอยู่ข้างในของมดลูก ห่วงอนามัยชนิดเคลือบฮอร์โมนยังสามารถใช้เพื่อรักษาอาการประจำเดือนมามากผิดปกติ (menorrhagia) ด้วยความสามารถในการลดความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกจึงทำให้ประจำเดือนน้อยลงหรือไม่มีเลยได้

โพรเจสตินที่หลั่งออกมาจากห่วงอนามัยชนิดเคลือบฮอร์โมนมีผลเฉพาะที่

ชนิดไม่เคลือบสารหรือฮอร์โมน

ห่วงอนามัยชนิดไม่เคลือบสารหรือฮอร์โมนเป็นห่วงอนามัยที่ไม่มีส่วนประกอบของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ โดยทำจากวัสดุที่ไม่ทำปฏิกิริยาทางเคมี เช่น แหวนเหล็กกล้าไร้สนิม หรือ พลาสติก มีประสิทธิผลต่ำกว่าห่วงอนามัยชนิดเคลือบทองแดงหรือฮอร์โมน และมีผลข้างเคียงคล้ายแบบเคลือบทองแดง กลไกหลักคือการทำให้สภาพแวดล้อมภายในมดลูกไม่เหมาะสมสำหรับตัวอสุจิและการฝังตัวของเซลล์ไข่ อาจมีอัตราการป้องกันการตั้งครรภ์สูงกว่าหลังการปฏิสนธิ ต่างจากห่วงอนามัยแบบเคลือบทองแดงหรือฮอร์โมนที่มักให้ผลก่อนการปฏิสนธิ

แหล่งข้อมูลอื่น


Новое сообщение