 
				เฟนิโทอิน
|  | |
|  | |
| ข้อมูลทางคลินิก | |
|---|---|
| การอ่านออกเสียง | /fəˈnɪtoʊɪn/; /ˈfɛnɪtɔɪn/ | 
| ชื่อทางการค้า | Originally Dilantin, many names worldwide | 
| AHFS/Drugs.com | โมโนกราฟ | 
| MedlinePlus | a682022 | 
| ระดับความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ | |
| ช่องทางการรับยา | ทางปาก, ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ | 
| รหัส ATC | |
| กฏหมาย | |
| สถานะตามกฏหมาย | |
| ข้อมูลเภสัชจลนศาสตร์ | |
| ชีวประสิทธิผล | 70–100% oral, 24.4% for rectal administration | 
| การจับกับโปรตีน | 95% | 
| การเปลี่ยนแปลงยา | ตับ | 
| ระยะเริ่มออกฤทธิ์ | 10 to 30 min (IV) | 
| ครึ่งชีวิตทางชีวภาพ | 10–22 ชั่วโมง | 
| ระยะเวลาออกฤทธิ์ | 24 ชั่วโมง | 
| การขับออก | ผ่านท่อน้ำดี, กระเพาะปัสสาวะ | 
| ตัวบ่งชี้ | |
| 
 | |
| เลขทะเบียน CAS | |
| PubChem CID | |
| IUPHAR/BPS | |
| DrugBank | 
 | 
| ChemSpider | 
 | 
| UNII | |
| KEGG | 
 | 
| ChEBI | |
| ChEMBL | 
 | 
| ECHA InfoCard | 100.000.298 | 
| ข้อมูลทางกายภาพและเคมี | |
| สูตร | C15H12N2O2 | 
| มวลต่อโมล | 252.268 g/mol | 
| แบบจำลอง 3D (JSmol) | |
| 
 | |
|  7  7 (what is this?)  (verify) | |
|  สารานุกรมเภสัชกรรม | |
เฟนิโทอิน (Phenytoin) หรือชื่อทางการค้าคือ ไดแลนติน (Dilantin) เป็นยากันชัก ใช้สำหรับป้องกันอาการโคลนัสและการเป็นลมชักอย่างปัจจุบันทันด่วน แต่ไม่สามารถใช้ป้องกันอาหารชักเหม่อได้ มีแบบรับประทานสำหรับผู้ป่วยทั่วไป แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะชักต่อเนื่อง แพทย์อาจจ่ายยากลุ่มเบ็นโซไดอาเซพีนเพื่อบรรเทาอาการชัก หากยังไม่ดีขึ้นจึงจะใช้ยาเฟนิโทอินโดยการฉีด ซึ่งจะออกฤทธิภายใน 30 นาทีและจะคงฤทธิได้นานถึง 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ เฟนิโทอินยังถูกใช้เพื่อรักษาอารหัวใจเต้นผิดจังหวะและความเจ็บปวดทางประสาทอีกด้วย ทั้งนี้ แพทย์อาจวัดความดันเพื่อกำหนดปริมาณยาที่เหมาะสม
ผลข้างเคียงของการใช้เฟนิโทอิน ได้แก่ อาการคลื่นไส้, ปวดท้อง, ไม่อยากอาหาร, มองไม่ชัด, ขนขึ้นเร็ว และเหงือกบวม ผลข้างเคียงแบบรุนแรงได้แก่ ง่วงนอน, ทำร้ายตนเอง, โรคตับ, ไขกระดูกผลิตเม็ดเลือดได้น้อย, ความดันโลหิตต่ำ และผิวลอก ยาประเภทนี้ห้ามใช้ระหว่างตั้งครรภ์เนื่องจากอาจทำให้เกิดความผิดปกติในทารก แต่ปลอดภัยหากจะใช้ระหว่างภาวะให้นมบุตร
เฟนิโทอินถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1908 โดยแพทย์ชาวเยอรมัน ไฮน์ริช บลิทซ์ แต่มาค้นพบว่าสามารถใช้รักษาลมชักได้ในปี ค.ศ. 1936 ยานี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นยาหลักขององค์การอนามัยโลก เป็นยาสำคัญที่ใช้ในงานสาธารณสุขทั่วไป เป็นยาที่มีราคาค่อนข้างถูก