Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
แฮนนิบัล
แฮนนิบัล บาร์กา | |
---|---|
รูปปั้นหินอ่อนของแฮนนิบัล พบที่เมืองเก่าในคาปัว, อิตาลี
| |
ชื่อพื้นเมือง |
𐤇𐤍𐤁𐤏𐤋 𐤁𐤓𐤒 |
เกิด | 247 ปีก่อนคริสตกาล คาร์เธจ |
เสียชีวิต | 183/181 ปีก่อนคริสตกาล ลิบิสซา |
รับใช้ | |
ชั้นยศ | ผู้บัญชาการใหญ่กองทัพคาร์เธจ |
สงคราม |
|
คู่สมรส | อิมิลซี (Imilce) |
ความสัมพันธ์ |
แฮสดรูบัล บาร์กา มาโก บาร์กา แฮสดรูบัลคนรูปงาม |
แฮนนิบัล (อังกฤษ: Hannibal; พิวนิก: 𐤇𐤍𐤁𐤏𐤋, Ḥannibaʿl; 247 ปีก่อนคริสตกาล – ระหว่าง 183 และ 181 ปีก่อนคริสตกาล) เป็นขุนพลชาวคาร์เธจโบราณ (Ancient Carthage) ซึ่งถือกันว่า เป็นหนึ่งในผู้นำทางทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เขาเป็นบุตรของแฮมิลการ์ บาร์กา (Hamilcar Barca) นายทหารชาวคาร์เธจช่วงสงครามพิวนิกครั้งแรก (First Punic War) เขายังเป็นพี่ชายของมาโก บาร์กา (Mago Barca) กับแฮสดรูบัล บาร์กา (Hasdrubal Barca) และเป็นพี่เขยหรือน้องเขยของแฮสดรูบัลคนรูปงาม (Hasdrubal the Fair)
แฮนนิบัลมีชีวิตอยู่ในช่วงที่เกิดความตรึงเครียดขนานใหญ่ในลุ่มเมดิเตอร์เนียน (Mediterranean Basin) ฝั่งตะวันตก เนื่องด้วยโรม (Rome) ตั้งตนเป็นใหญ่เหนือมหาอำนาจอื่น ๆ อย่างคาร์เธจโบราณ, อีทรูเรีย (Etruria), แซมเนียม (Samnium), และซีราคิวส์ (Syracuse) หนึ่งในผลงานที่เลื่องลือที่สุดของแฮนนิบัล คือ การนำทัพในช่วงสงครามพิวนิกครั้งที่สอง (Second Punic War) โดยเป็นการนำทัพที่มีช้างศึกอยู่ด้วย ข้ามจากคาบสมุทรไอบีเรีย (Iberian Peninsula) ผ่านเทือกเขาพิรินี (Pyrenees) และเทือกเขาแอลป์ (Alps) เข้าสู่อิตาลี ช่วงแรกที่เขาอยู่อิตาลีนั้น เขามีชัยในการยุทธ์หลายสนาม เช่น เทรบเบีย (Trebbia), แทรซิมีน (Trasimene), และแคนนี (Cannae) ที่ซึ่งเขาสร้างความโดดเด่นให้แก่ตนเองด้วยความสามารถในการกำหนดจุดแข็งจุดอ่อนของตนและศัตรูแล้วจึงวางแผนการยุทธ์ตามนั้น ชัยชนะดังกล่าวยังทำให้เขาได้สมัครพรรคพวกเป็นอันมากในโรม แฮนนิบัลยึดครองดินแดนส่วนใหญ่ในอิตาลีเป็นเวลา 15 ปี แต่ไม่สามารถยกทัพไปบุกโรม และเมื่อถูกศัตรูรุกรานแอฟริกาเหนือกลับ เขาก็จำต้องถอยร่นคืนไปยังคาร์เธจบ้านเกิดที่ซึ่งเขาพ่ายแพ้ยับเยินต่อซิปพิโอ แอฟริกานัส (Scipio Africanus) ในยุทธการที่ซามา (Battle of Zama)
เมื่อสิ้นสงครามแล้ว แฮนนิบัลได้รับตำแหน่งชอเฟต (shophet) และได้ริเริ่มปฏิรูปทางการคลังและการเมืองหลายประการเพื่อเอื้อการชำระค่าปฏิกรรมสงครามที่โรมเรียกร้อง แต่การปฏิรูปของเขาไม่เป็นที่สบอารมณ์ของกลุ่มชนชั้นนำในคาร์เธจและโรม เขาจึงลี้ภัยไปราชสำนักจักรวรรดิซิลูซิด (Seleucid Empire) ที่ซึ่งเขาได้เป็นกุนซือทหารของแอนไทโอคัสที่ 3 มหาราช (Antiochus III the Great) ในการศึกต่อต้านโรม แต่แอนไทโอคัสปราชัยในยุทธการที่แมกนีเชีย (Battle of Magnesia) จึงต้องยอมตามคำเรียกร้องของโรม ส่วนแฮนนิบัลก็ลี้ภัยอีกครั้ง โดยแวะพัก ณ อาณาจักรอาร์มีเนีย (Kingdom of Armenia) แล้วไปพำนักเป็นการถาวร ณ ราชสำนักบีทิเนีย (Bithynia) ที่ซึ่งเขาได้นำทัพเรือต่อต้านเพอร์กามัน (Pergamon) และได้ชัยอย่างดงาม แต่ภายหลัง เขาถูกบีทิเนียหักหลังโดยมอบตัวเขาให้แก่โรม แล้วเขาก็เสียชีวิต สาเหตุว่ากันไปหลายอย่าง พอซิเนียสแห่งดาแมสกัส (Pausanias of Damascus) บันทึกว่า เขาเสียชีวิตหลังจากชักดาบขณะอยู่บนหลังม้าแล้วดาบบาดนิ้วจนติดเชื้อและเป็นไข้นำไปสู่ความตายในสามวันถัดมา แต่จูเวอนัล (Juvenal) อ้างว่า เขากินยาฆ่าตัวตายที่ลิบิสซา (Libyssa) บนฝั่งตะวันออกของทะเลมาร์มารา (Sea of Marmara) โดยยาพิษนั้นเขาบรรจุไว้ในหัวแหวนมานานแล้ว
ถือกันว่า แฮนนิบัล ตลอดจนฟิลิปแห่งแมซิดอน (Philip of Macedon), อะเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great), จูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar), และซิปพิโอ แอฟริกานัส เป็นนักยุทธศาสตร์ทางทหารที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ทั้งเป็นขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของแว่นแคว้นเมดิเตอร์เรเนียโบราณ ปรัชญาเมธีพลูทาร์ก (Plutarch) ระบุว่า ซิปพิโอเคยถามแฮนนิบัลว่า ใครบ้างเป็นแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แฮนนิบัลตอบว่า ไม่อะเล็กซานเดอร์ก็พิรัสแห่งอีไพรัส (Pyrrhus of Epirus) แล้วจึงเป็นตัวเขาแฮนนิบัลเอง แต่บางบันทึกก็ว่า เขาตอบว่า ได้แก่ พิรัส, ซิปพิโอ, แล้วตัวเขาเอง ตามลำดับ