โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
| โรคมัลติเพิล สเกลอโรซิส (Multiple sclerosis) | |
|---|---|
| ชื่ออื่น | Disseminated sclerosis, encephalomyelitis disseminata |
| ภาพขยาย 1:100 ย้อมสี CD68 แสดงให้เห็นแมโครฟาจจำนวนมากในบริเวณซึ่งมีการทำลายปลอกไมอีลินที่เกิดใน MS | |
| สาขาวิชา | ประสาทวิทยา |
| อาการ | เห็นภาพซ้อน, ตาบอดข้างเดียว, กล้ามเนื้ออ่อนแรง, การรับสัมผัสผิดปกติ, การทรงตัวผิดปกติ |
| การตั้งต้น | อายุ 20–50 ปี |
| ระยะดำเนินโรค | เรื้อรัง |
| สาเหตุ | ไม่ทราบสาเหตุ |
| วิธีวินิจฉัย | Based on symptoms and medical tests |
| การรักษา | Medications, physical therapy |
| พยากรณ์โรค | 5–10 year shorter life expectancy |
| ความชุก | 1 ล้านคนในสหรัฐ (2022) และประมาณ 2.8 ล้านคนทั่วโลก (2020) |
โรคมัลติเพิล สเกลอโรซิส (อังกฤษ: multiple sclerosis, MS, disseminated sclerosis, encephalomyelitis disseminata) เป็นโรคซึ่งทำให้มีการทำลายปลอกไมอีลินซึ่งหุ้มใยประสาทของสมองและไขสันหลังเอาไว้ ทำให้ใยประสาทไม่มีปลอกไมอีลินหุ้ม เกิดเป็นเนื้อเยื่อแผลเป็น และมีอาการและอาการแสดงอื่นๆ ตามมา ส่วนใหญ่เริ่มมีอาการในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น และมักพบในเพศหญิง มีความชุกอยู่ระหว่าง 2 - 150 ต่อ 100,000 ประชากร โดยพบครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1868 โดยฌอง-มาร์ติน ชาร์โคต์
MS ส่งผลต่อการทำหน้าที่ส่งต่อข้อมูลระหว่างกันของเซลล์ประสาทในสมองและไขสันหลัง ปกติเซลล์ประสาทจะติดต่อกันโดยส่งสัญญาณไฟฟ้าที่เรียกว่าศักยะงานไปตามแกนประสาทซึ่งปกติจะถูกห่อหุ้มด้วยปลอกไมอีลิน ในผู้ป่วย MS นั้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะทำลายไมอีลินไป เมื่อไม่มีไมอีลิน แกนประสาทจะไม่สามารถนำสัญญาณได้ดีเท่าเดิม ชื่อโรคมัลติเพิล สเกลอโรซิสนั้นหมายถึงแผลเป็นที่เกิดขึ้นในเนื้อขาวของสมองและไขสันหลัง ซึ่งปกติจะประกอบด้วยไมอีลินเป็นส่วนใหญ่ แม้ปัจจุบันกลไกของโรคนี้จะเป็นที่ทราบกันดี แต่สาเหตุที่แน่ชัดนั้นยังไม่เป็นที่ทราบ มีทฤษฎีว่าสาเหตุอาจมาจากพันธุกรรมหรือการติดเชื้อ นอกจากนี้ยังมีการค้นพบปัจจัยเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อมหลายตัวที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรค
ผู้ป่วยอาจมีอาการทางระบบประสาทได้แทบทุกรูปแบบ ส่วนใหญ่มักดำเนินไปจนทำให้เกิดความพิการทั้งทางร่างกายและการนึกคิด โรคนี้มีการดำเนินโรคหลายรูปแบบ คือแบบเป็นโรคกลับซึ่งมีอาการใหม่ๆ เพิ่มในช่วงที่มีอาการกำเริบแต่ละครั้ง หรือแบบลุกลามซึ่งค่อยๆ มีอาการเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ระหว่างการกำเริบแต่ละครั้งผู้ป่วยอาจไม่มีอาการใดๆ แต่เมื่อโรคเป็นมากขึ้นมักเริ่มมีความบกพร่องของระบบประสาทที่เป็นถาวร
ปัจจุบัน MS ยังไม่มีวิธีรักษาให้หาย วิธีรักษาในปัจจุบันมุ่งไปที่การช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาทำงานได้ตามปกติหลังการกำเริบ การป้องกันการกำเริบ และการป้องกันความพิการ ยาที่ใช้รักษา MS มักมีผลข้างเคียงมากจนผู้ป่วยหลายคนไม่สามารถรับยาต่อเนื่องได้ จึงมีผู้ป่วยหลายคนพยายามใช้การรักษาทางเลือกซึ่งยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ พยากรณ์โรคนั้นทำนายได้ยาก ขึ้นอยู่กับชนิดย่อยของโรค ลักษณะโรคของผู้ป่วยแต่ละคน อาการแรกเริ่ม และระดับความพิการเมื่อโรคดำเนินไปมาก อายุขัยจะสั้นกว่าคนทั่วไปประมาณ 5-10 ปี
พยากรณ์โรค
พยากรณ์โรคของผู้ป่วย MS แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดย่อยของโรคที่เป็น เพศ อายุ อาการแรกเริ่ม และระดับความพิการ อาการของโรคจะรุนแรงขึ้นในช่วงเวลาเป็นสิบปี โดยมีค่าเฉลี่ยของช่วงเวลาตั้งแต่เริ่มมีอาการจนกระทั่งเสียชีวิตอยู่ที่ 30 ปี
ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการมีการดำเนินโรคที่ดีได้แก่ เพศหญิง ชนิดย่อยแบบกลับเป็นซ้ำสลับหาย การมีอาการแรกเริ่มเป็นเส้นประสาทตาอักเสบหรืออาการทางระบบรับสัมผัส การมีอาการกำเริบน้อยครั้งในช่วงปีแรก และโดยเฉพาะการเริ่มเป็นโรคตั้งแต่อายุน้อย
อายุขัยของผู้ป่วย MS สั้นกว่าคนปกติประมาณ 5-10 ปี ผู้ป่วย 40% มีอายุได้ถึงวัย 70 ปี อย่างไรก็ดีสองในสามของผู้ป่วยเท่านั้นที่เสียชีวิตจากสาเหตุซึ่งเกี่ยวข้องกับ MS โดยตรง ในกลุ่มผู้ป่วย MS ที่ค่อนข้างมีสุขภาพดีนั้นการฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญสาเหตุหนึ่ง ในขณะที่ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการมากนั้นมักมีความทุพพลภาพซึ่งเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการเป็นมากจนถึงขั้นเดินไม่ได้ก่อนจะเสียชีวิต แต่ผู้ป่วย 90% ก็สามารถเดินได้เป็นเวลา 10 ปี หลังเริ่มมีอาการ และ 75% สามารถเดินได้เป็นเวลา 15 ปีหลังเริ่มมีอาการ
แหล่งข้อมูลอื่น
- โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ที่เว็บไซต์ Curlie
- Database for analysis and comparison of global data on the epidemiology of MS
- NIH listing of clinical trials related to MS
- Abstract index เก็บถาวร 2010-06-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน of the Cochrane Library
- GeneReview/NCBI/NIH/UW entry on Multiple Sclerosis Overview
| การจำแนกโรค | |
|---|---|
| ทรัพยากรภายนอก |
| Signs and symptoms | |||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| Diagnosis and evolution following | |||||||||
| Investigation | |||||||||
| Treatment | |||||||||
| Borderline forms | |||||||||
| Other | |||||||||
| |||||||||
| Inflammation |
|
||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
Brain/ encephalopathy |
|
||||||||||||||||||||||||
|
Spinal cord/ myelopathy |
|||||||||||||||||||||||||
| Both/either |
|
||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||
|
Type I/allergy/atopy (IgE) |
|
||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
Type II/ADCC (IgM, IgG) |
|
||||||||
|
Type III (Immune complex) |
|
||||||||
|
Type IV/cell-mediated (T-cells) |
|
||||||||
| Unknown/ multiple |
|
||||||||
| |||||||||