Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
ไวรัสโรคระบาด เอช 1 เอ็น 1/09
Influenza A virus | |
---|---|
ภาพของไวรัสไข้หวัดใหญ่เอช 1 เอ็น 1 จากกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนที่ห้องปฏิบัติการไข้หวัดใหญ่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 80–120 นาโนเมตร | |
การจำแนกชนิดไวรัส | |
ไม่ได้จัดลำดับ: | ไวรัส |
Realm: | Riboviria |
อาณาจักร: | Orthornavirae |
ไฟลัม: | Negarnaviricota |
ชั้น: | Insthoviricetes |
อันดับ: | Articulavirales |
วงศ์: | Orthomyxoviridae |
สกุล: | Alphainfluenzavirus |
สปีชีส์: | Influenza A virus |
เซโรไทป์ | |
Pandemic H1N1/09 virus |
ไวรัสโรคระบาด เอช 1 เอ็น 1/09 (อังกฤษ: pandemic H1N1/09 virus) เป็นสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ที่มีต้นกำเนิดจากสุกร ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องต่อการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 สื่อทั่วไปเรียกไวรัสชนิดนี้ว่า ไข้หวัดสุกร
ลักษณะไวรัส
ไวรัสนี้เป็นไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งไม่มีวัคซีนกำจัดไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่มีอยู่ในตอนนั้นป้องกันได้ งานวิจัยจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา (CDC) ของประเทศสหรัฐที่เผยแพร่ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2009 พบว่าเด็กไม่มีภูมิคุ้มกันที่มีมาก่อนต่อสายพันธุ์ใหม่ ในทางกลับกัน ผู้ใหญ่ โดยเฉพาะคนที่มีอายุมากกว่า 60 มีภูมิคุ้มกันอยู่บ้าง เด็กไม่แสดงปฏิกิริยาแอนตีบอดีข้ามกันต่อสายพันธุ์ใหม่ ในขณะที่ผู้ใหญ่อายุ 18 ถึง 64 พบร้อยละ 6–9 และผู้สูงอายุร้อยละ 34 รายงานการวิเคราะห์ช่วงแรกส่วนใหญ่บันทึกว่า สายพันธุ์นี้มียีนจากไวรัสไข้หวัด 5 ชนิด: ไข้หวัดใหญ่สุกรอเมริกาเหนือ, ไข้หวัดนกอเมริกาเหนือ, ไข้หวัดมนุษย์ และไวรัสไข้หวัดใหญ่สุกร 2 ชนิดในเอเชียและยุโรป มีการวิเคราะห์เพิ่มเติมว่าโปรตีนของไวรัสบางส่วนมีความคล้ายกับสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดอาการไม่รุนแรงในมนุษย์ ทำให้นักวิทยาไวรัส Wendy Barclay แนะนำว่าไวรัสไม่อาจก่อให้เกิดอาการรุนแรงต่อผู้คนส่วนใหญ่ นักวิจัยบางส่วนระบุไวรัสทุกส่วนมาจากสุกร ถึงแม้ว่าจะมีการเข้าชุดยีนใหม่หลายครั้งก็ตาม
ต้นกำเนิดไวรัส
การวิเคราะห์ความแตกต่างทางพันธุกรรมของไวรัสตัวอย่างจากจากกรณีต่าง ๆ ระบุว่าไวรัสเริ่มเข้าไปในตัวมนุษย์ใน ค.ศ. 2008 น่าจะหลังเดือนมิถุนายน และไม่นานไปกว่าสิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน ซึ่งอาจเป็นช่วงรอบ ๆ เดือนกันยายน ค.ศ. 2008 จากรายงานนักวิจัยที่คณะแพทยศาสตร์ของมอนต์ไซนายใน ค.ศ. 2016 พบว่า ไวรัส 2009 H1N1 น่าจะมีต้นกำเนิดจากสุกรในภูมิภาคขนาดเล็กมากในภาคกลางของประเทศเม็กซิโก
ในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 2009 ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC) ระบุว่ามีเด็กในเทศมณฑลของเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนียเป็นไข้ทางเดินหายใจจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสุกร เอ (H1N1) จำนวน 2 ราย ซึ่งต้านทานอะแมนตาดีนกับไรแมนตาดีน และมียีนที่ไม่พบในไวรัสไข้หวัดสุกรหรือมนุษย์ในสหรัฐหรือที่อื่น หลังการปรากฎตัวของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในฤดูไบไม้ผลิ ค.ศ. 2009 มันเริ่ทแพร่ทั่วสหรัฐเม็กซิโก และทั่วโลก
ในช่วงปลายเดือนเมษายน ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้โรคนี้เป็น"ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ"ครั้งแรกของโลก และในเดือนมิถุนายน ทาง WHO และ CDC ของสหรัฐหยุดนับจำนวนผู้ติดเชื้อและประกาศให้โรคนี้เป็นโรคระบาดทั่ว
ศักยภาพก่อโรค
ศักยภาพก่อโรคของไวรัสไข้หวัดใหญ่สุกรอยู่ในระดับอ่อนและอัตราการตายต่ำมาก
ในช่วงกลางปี 2009 ทาง CDC ของสหรัฐรายงานว่า ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการหนัก มีความคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล และสามารถฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็ว ในเดือนกันยายน 2009 กล่าวกันว่า จำนวนผู้เสียชีวิตมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนผู้เสียชีวิตรายปีจากไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล อย่างไรก็ตาม การเทียบกับจำนวนผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลมีแนวโน้มว่าประเมินค่าโรคระบาดทั่วต่ำไป และไวรัสระบาดทั่ว H1N1/09 เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์หลักที่ทำให้มีผู้ป่วยในช่วงฤดูไข้หวัดใหญ่ใน ค.ศ. 2009/10
งานวิจัยจากอิมพิเรียลคอลเลจลอนดอนเปิดเผยว่า ไม่เหมือนกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล H1N1/09 สามารถทำให้เซลล์ปอดติดเชื้อ ในขณะที่ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลจะติดเชื้อแค่เซลล์ที่มีหน่วยรับความรู้สึกประเภท a2-6 ซึ่งมักอยู่ในจมูกและลำคอ แต่ H1N1/09 สามารถติดเชื้อเซลล์ที่มีหน่วยรับความรู้สึกประเภท a2-3 ได้ ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่าทำไมผู้ป่วยบางคนถึงมีอาการทางเดินหายใจรุนแรง
ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงพฤศจิกายน ค.ศ. 2009 มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสระบาดทั่ว H1N1 ในสหรัฐ 3,900 คน ซึ่งบางครั้งนำไปเทียบกับผู้เสียชีวิตรายปีจาก"ไข้หวัดใหญ่" 36,000 คนต่อปี ซึ่งมักเสียชีวิตในฤดูหนาว แม้ว่าจำนวนนี้เป็นแค่จำนวนประมาณการ อัตราผู้เสียชีวิตจาก H1N1 ในสหรัฐ ถูกคำนวณไว้ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2009 จาก CDC อยู่ที่น้อยกว่าร้อยละ 0.02 และมีการคำนวณในอังกฤษอย่างชัดเจนที่ร้อยละ 0.026
วัคซีน
วัคซีนที่มีไว้ป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลไม่สามารถป้องกันได้ ในปลายเดือนตุลาคม มีการจำหน่วยวัคซีนในอเมริกาเหนือ และมีการผลิตวัคซีนสามพันล้านโดสต่อปีแทนที่จะเป็นห้าล้านโดสต่อปี
การกลายพันธุ์
ในวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 สถาบันสาธารณสุขนอร์เวย์เผยแพร่รายงานว่า มีการค้นพบกรกลายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่ H1N1 ที่อาจก่อให้เกิดอาการรุนแรงที่สุดในหมู่ผู้ติดเชื้อ ในรายงานนี้กล่าวด้วยว่า "การกลายพันธุ์ส่งผลต่อทักษะไวรัสให้เข้าไปในระบบหายใจลึกกว่าเดิม ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยที่รุนแรงมากขึ้น"
การต่อต้าน
ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2010 WHO รายงานตัวอย่างไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 2009 ที่ถูกทดสอบ 314 แบบ มีการต่อต้านโอเซลทามิเวียร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง เพราะ 99.6% ของสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ตามฤดู H1N1 ถูกพัฒนาให้ต้านอะแมนตาดีนและไรแมนตาดีนแล้ว ข้อมูลเมื่อ สิงหาคม ค.ศ. 2009 ไม่มีไข้หวัดใหญ่ชนิดใดที่ต่อต้านซานามิเวียร์เลย
ดูเพิ่ม
- การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
- การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศเม็กซิโก
- การระบาดทั่วของโควิด-19
- สาธารณสุข
- ไข้หวัดใหญ่ในสุกร
แหล่งข้อมูลอื่น
- Gene sequence information from Influenza Research Database
- Graphical Image of the viral makeup of the 2009 pandemic h1n1 virus เก็บถาวร 2010-03-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน—NEJM
- Health-EU portal EU response to influenza
- European Commission—Public Health EU coordination on Pandemic (H1N1) 2009
- Microscopic image of the H1N1 virus
- Microscopic image of the H1N1 virus