ธีโอฟิลลีน
| ข้อมูลทางคลินิก | |
|---|---|
| ชื่อทางการค้า | Theolair, Slo-Bid |
| AHFS/Drugs.com | โมโนกราฟ |
| MedlinePlus | a681006 |
| ระดับความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ | |
| ช่องทางการรับยา | oral, IV, rectal |
| รหัส ATC | |
| กฏหมาย | |
| สถานะตามกฏหมาย | |
| ข้อมูลเภสัชจลนศาสตร์ | |
| ชีวประสิทธิผล | 100% |
| การจับกับโปรตีน | 40%, primarily to albumin |
| การเปลี่ยนแปลงยา | hepatic to 1-methyluric acid |
| ครึ่งชีวิตทางชีวภาพ | 5–8 ชั่วโมง |
| ตัวบ่งชี้ | |
| |
| เลขทะเบียน CAS | |
| PubChem CID | |
| IUPHAR/BPS | |
| DrugBank |
|
| ChemSpider |
|
| UNII | |
| KEGG |
|
| ChEBI | |
| ChEMBL | |
| ECHA InfoCard | 100.000.350 |
| ข้อมูลทางกายภาพและเคมี | |
| สูตร | C7H8N4O2 |
| มวลต่อโมล | 180.164 g/mol |
| แบบจำลอง 3D (JSmol) | |
| |
| (verify) | |
ธีโอฟิลลีน (อังกฤษ: Theophylline) หรือ 1,3-ไดเมทิลแซนทีน (อังกฤษ: 1,3-dimethylxanthine) เป็นยาประเภทสารขยายหลอดลม ใช้ในการรักษาโรคระบบหายใจ อาทิ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และ โรคหืด
ธีโอฟิลลีนเป็นสารที่สกัดได้จากใบชา ถูกค้นพบโดย อัลเบรชท์ ค็อดเซิล นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันในปี ค.ศ. 1888 จากนั้นมีการนำมาพัฒนาโดยสามารถสังเคราะห์ขึ้นภายในปี ค.ศ. 1900 ในครั้งแรกทีโอฟิลลีนถูกใช้เป็นยาขับปัสสาวะ จากนั้นก็นำมาใช้รักษาโรคหืด ด้วยมีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกและปอดคลายตัว ส่งผลให้ภาวะหลอดลมเกร็งตัวทุ เลาเบาบางลง หลังจากร่างกายได้รับยาธีโอฟิลลีน ยาจะถูกส่งไปเปลี่ยนโครงสร้างที่อวัยวะตับ และ 50% ของระดับยาในร่างกายจะถูกกำจัดออกโดยทางปัสสาวะภายในเวลา 5-8 ชั่วโมง ในต่างประเทศสามารถพบรูปแบบของการจัดจำหน่ายยานี้ ทั้งชนิดรับประทาน ชนิดฉีด และชนิดเหน็บทวาร
ธีโอฟิลลีน จัดอยู่ในหมวดยาอันตราย การใช้ยาต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์ผู้ทำการรักษาเท่านั้น ไม่สมควรซื้อยามาใช้เอง
การใช้งานทางการแพทย์
ผลจากการใช้ธีโอฟิลลีน มีดังต่อไปนี้:
- ขยายหลอดลมของกล้ามเนื้อเรียบ
- เพิ่มแรงบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ
- เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ
- เพิ่มความดันโลหิต
- เพิ่มการไหลเวียนโลหิตที่ไต
- ป้องกันการเกิดการอักเสบ
- ระบบประสาทกลางไปกระตุ้นศูนย์ควบคุมการหายใจที่สมองส่วนใน
ข้อควรระวัง
การใช้ยาทีโอฟิลลีนร่วมกับยาแก้ปวดบางประเภท อาจมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอา การชัก โดยเฉพาะการนำมาใช้กับผู้ที่เคยมีประวัติด้วยโรคลมชัก ผู้ที่ติดเหล้า ผู้สูงอายุ ผู้ที่เคยได้รับบาดเจ็บที่สมอง หรือผู้ที่ป่วยเป็นเนื้องอกสมอง ยาแก้ปวดดังกล่าว เช่น Tramadol การใช้ทีโอฟิลลีนร่วมกับยาลดความดันโลหิตบางกลุ่ม สามารถลดประสิทธิภาพในการควบคุมความดันโลหิตของยาลดความดันโลหิตให้ด้อยประสิทธิภาพลงไป พร้อมกับมีอาการต่างๆเหล่านี้ตามมาเช่น คลื่นไส้ อาเจียน นอนไม่หลับ มือเท้าสั่น หายใจติดขัด เป็นต้น ยาลดความดันโลหิตที่กล่าวถึง เช่น Acebutolol, Atenolol, Esmolol, Metoprolol และ Nadolol เป็นต้น
การใช้ทีโอฟิลลีนร่วมกับยาปฏิชีวนะ บางประเภทสามารถทำให้ปริมาณยาทีโอฟิลลีนในกระแสเลือดมีระดับสูงขึ้น จนอาจก่อให้เกิดอาการข้างเคียงตามมา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ ชัก ใจสั่น
การใช้ทีโอฟิลลีนร่วมกับการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาเฟอีน สามารถกระตุ้นให้เกิดผลข้างเคียงของทีโอฟิลลีนติดตามมาเช่น คลื่นไส้ อาเจียน นอนไม่หลับ มือเท้าสั่น เป็นต้น จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาทีโอฟิลลีนร่วมกับการดื่มหรือรับประทานอาหารที่มีกาเฟอีนเป็นส่วนผสม