Мы используем файлы cookie.
Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.

ปอดบวม

Подписчиков: 0, рейтинг: 0
ปอดบวม
ชื่ออื่น ปอดอักเสบ
PneumonisWedge09.JPG
ภาพเอกซเรย์ปอดแสดงให้เห็นบริเวณของปอดที่กำลังอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย เป็นบริเวณสีขาวรูปลิ่มในปอดขวา
การออกเสียง
สาขาวิชา วิทยาปอด, โรคติดเชื้อ
อาการ ไอ, อาการหายใจลำบาก , หายใจเร็วกว่าปกติ , fever
ระยะดำเนินโรค ไม่กี่สัปดาห์
สาเหตุ แบคทีเรีย, ไวรัส, การสูดสำลัก
ปัจจัยเสี่ยง ซิสติก ไฟโบรซิส, โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง, โรคหืด, เบาหวาน, ภาวะหัวใจวาย, การสูบบุหรี่, สูงอายุ
วิธีวินิจฉัย วินิจฉัยตามอาการ, การถ่ายภาพรังสีทรวงอก
โรคอื่นที่คล้ายกัน ปอดอุดกั้นเรื้อรัง, โรคหืด, ปอดบวมน้ำ, หลอดเลือดอุดตันในปอด
การป้องกัน วัคซีน, การล้างมือ, ไม่สูบบุหรี่
ยา ยาปฏิชีวนะ, ยาต้านไวรัส, oxygen therapy
ความชุก 450 ล้านคนต่อปี (7%)
การเสียชีวิต 4 ล้านคนต่อปี

โรคปอดบวม (อังกฤษ: pneumonia) หรือ โรคปอดอักเสบ (อังกฤษ: pneumonitis) เป็นโรคของระบบหายใจอย่างหนึ่งซึ่งมีการอักเสบของปอด โดยเฉพาะของถุงลม ทำให้มีไข้ มีอาการทางปอด มีการสูญเสียของพื้นที่แลกเปลี่ยนก๊าซ ซึ่งเห็นได้จากการเอกซเรย์ปอด ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อรา หรือพยาธิ เชื้อแบคทีเรียชื่อ "นิวโมคอคคัส" (Pneumococcal Disease) เป็นสาเหตุหลัก แต่ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่นได้รับสารเคมีหรือการกระทบกระเทีอนทางกายภาพได้เช่นกัน

ผู้ป่วยโรคปอดบวมจะมีอาการโดยทั่วไปได้แก่ ไอ เจ็บหน้าอก มีไข้สูง และหายใจหอบ การวินิจฉัยจะกระทำโดยการถ่ายภาพเอกซเรย์ปอดและการตรวจเสมหะ ปอดบวมบางชนิดมีวัคซีนป้องกัน ส่วนวิธีการรักษาจะขึ้นกับสาเหตุของโรค เช่น โรคปอดบวมจากเชื้อแบคทีเรียจะรักษาด้วยการให้ยาปฏิชีวนะ

ในอดีตปอดบวมเป็นโรคที่ร้ายแรงมากจนเคยมีคำกล่าวว่าปอดบวมเป็น "นายของสาเหตุการตายของมนุษย์" (ศตวรรษที่ 19 วิลเลียม ออสเลอร์) แต่หลังจากที่มีการคิดค้นการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะและวัคซีนในศตวรรษที่ 20 ทำให้ผลการรักษาปอดบวมดีขึ้นมาก อย่างไรก็ดีปอดบวมยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของผู้ป่วยสูงอายุ ผู้ป่วยอายุน้อย และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง รวมถึงผู้ป่วยในโลกที่สามด้วย

การป้องกัน

วารสาร แลนเซ็ต ฉบับเดือนเมษายนปี 2007 เผยรายงานทีมแพทย์สหรัฐอเมริกาพบว่า วัคซีนไอพีดีที่ฉีดป้องกันโรคปอดอักเสบที่ติดเชื้อแบคทีเรีย ที่ชื่อว่า นิวโมคอคคัส สามารถช่วยป้องกันโรคปอดอักเสบในเด็กเล็กได้ วัคซีนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมี 2 ชนิด คือ วัคซีนนิวโมคอคคัสแบบคอนจูเกต และวัคซีนนิวโมคอคคัสแบบโพลีแซคคาไรด์

ประวัติศาสตร์

โปสเตอร์ของ WPA ช่วง ค.ศ. 1936/1937

ปอดบวมเป็นโรคที่พบได้บ่อยและมีการบันทึกมาตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์ มีการบรรยายอาการของโรคเอาไว้ตั้งแต่ช่วงหลายร้อยปีก่อนคริสตกาลโดยฮิปโปคราเตส (c. 460 BC - 370 BC) ว่า "สามารถสังเกตเห็นผลที่เกิดกับเนื้อรอบปอดบวมและเยื่อหุ้มปอดได้ อาจมีไข้อย่างเฉียบพลัน มีอาการเจ็บทรวงอกข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง มีอาการไอ มีเสมหะสีเหลืองหรือไม่มีสี หรือพบมีเสมหะเหลว หรือเป็นฟอง หรือมีสีแดง หรือลักษณะอื่นๆ ที่แตกต่างจากเสมหะปกติ หากเป็นมากเสียแล้วโรคนี้ไม่อาจรักษาได้ จะยิ่งแย่หากมีอาการเหนื่อย ปัสสาวะออกน้อยหรือมีกลิ่นแรง หากมีเหงื่อออกที่ศีรษะหรือที่คอนั้นยิ่งแย่ อาจกำเริบมากขึ้นจนหายใจไม่ออก หายใจมีเสียงกรอบแกรบ แสดงว่าโรคในระยะนั้นเป็นมากจนไม่อาจย้อนกลับได้แล้ว" อย่างไรก็ดีแม้ฮิปโปคราเตสก็ยังระบุว่าปอดบวมเป็นโรคที่ "เป็นที่รู้จักมาแต่โบราณ" และยังบรรยายวิธีการระบายหนองออกจากทรวงอกเอาไว้ด้วย ไมโมนิเดส (1134-1204 AD) ได้บรรยายอาการของปอดบวมเอาไว้ว่า "อาการพื้นฐานของผู้ป่วยปอดบวมซึ่งต้องมีเสมอ คือ มีไข้ เจ็บสีข้าง หายใจสั้นเร็ว ชีพจรถี่ และไอ" คำบรรยายอาการเช่นนี้คล้ายคลึงกับที่เขียนไว้ในตำราแพทย์สมัยใหม่ และสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาของวิชาแพทย์จากสมัยกลางจนถึงศตวรรษที่ 19

มีการค้นพบแบคทีเรียในทางเดินหายใจของผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากปอดบวมใน ค.ศ. 1875 โดยเอดวิน เคลบส์Carl Friedländerlคาร์ล ฟรีดแลนเดอร์ ค้นพบ Streptococcus pneumoniae ใน ค.ศ. 1882 และอัลเบิร์ต ฟรานเคล ค้นพบ Klebsiella pneumoniae ใน ค.ศ. 1884 การศึกษาวิจัยในช่วงแรกของฟรีดแลนเดอร์เป็นรากฐานของการนำสีย้อมกรัมมาใช้ในการตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นวิธีตรวจที่ยังมีการใช้แพร่หลายในปัจจุบัน บทความวิจัยของคริสเตียน กรัม ได้บรรยายวิธีการย้อมสีเช่นนี้เอาไว้ใน ค.ศ. 1884 ว่าสามารถแยกแบคทีเรียออกได้เป็น 2 กลุ่ม แสดงให้เห็นว่าปอดบวมอาจมีเชื้อก่อโรคมากกว่าหนึ่งชนิด

เซอร์วิลเลียม ออสเลอร์ ผู้เป็นบิดาของการแพทย์สมัยใหม่ รู้ซึ้งดีถึงความตายและความพิการที่เกิดจากปอดบวม จนขนานนามปอดบวมว่าเป็น "นายแห่งสาเหตุการเสียชีวิตของมนุษย์" ("captain of the men of death") เอาไว้ใน ค.ศ.1918 จากการที่ในช่วงนั้นอัตราการเสียชีวิตของปอดบวมมีมากเหนือกว่าวัณโรค วลีนี้เสนอใช้ครั้งแรกโดยจอห์น บันแยน ในการอ้างถึงวัณโรค นอกจากนี้ออสเลอร์ยังบรรยายว่าปอดบวมเป็น "เพื่อนของคนแก่" ("the old men's friend") ด้วยเห็นว่าปอดบวมทำให้เสียชีวิตได้อย่างรวดเร็วและไม่เจ็บปวด ในขณะที่ช่วงเวลานั้นยังมีสาเหตุการเสียชีวิตอื่นๆ ที่เจ็บปวดทรมานและใช้เวลานานกว่ามาก

ในศตวรรษที่ 19 มีการพัฒนาทางการแพทย์มากมายที่ทำให้ผลการรักษาปอดบวมดีขึ้นอย่างมาก จากการประดิษฐ์เพนนิซิลลินและยาปฏิชีวนะอื่นๆ เทคนิกการผ่าตัดสมัยใหม่ และการพัฒนาเวชบำบัดวิกฤตในศตวรรษที่ 20 อัตราการตายของปอดบวมในประเทศพัฒนาแล้วที่เคยสูงถึง 30% ได้ลดลงอย่างมาก ค.ศ. 1988 เริ่มมีโครงการเสริมภูมิคุ้มกัน Haemophilus influenzae ชนิด B แก่ทารก ทำให้จำนวนผู้ป่วยปอดบวมยิ่งลดลงไปอีก การให้วัคซีนต่อ Streptococcus pneumoniae ในผู้ใหญ่ที่เริ่มใน ค.ศ. 1977 และในเด็กที่เริ่มใน ค.ศ. 2000 ก็ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยลดลงในลักษณะเดียวกัน

แหล่งข้อมูลอื่น

การจำแนกโรค
ทรัพยากรภายนอก

Новое сообщение