Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
อาการเจ็บหู
อาการเจ็บหู | |
---|---|
ชื่ออื่น | Otalgia, earache |
การตรวจช่องหูและแก้วหู | |
สาขาวิชา | ENT surgery |
อาการเจ็บหู (อังกฤษ: ear pain, earache, otalgia) เป็นความเจ็บปวดในหู อาการเจ็บหูปฐมภูมิเป็นความเจ็บปวดซึ่งเกิดที่หู ส่วนอาการเจ็บหูทุติยภูมิเป็นรูปแบบหนึ่งของอาการปวดต่างที่ คือส่วนที่เป็นเหตุให้เจ็บจะต่างกับส่วนที่รู้สึกเจ็บ เหตุโดยมากของการเจ็บหูจะไม่มีอันตรายต่อชีวิต อาการเจ็บหูปฐมภูมิจะสามัญกว่าอาการเจ็บหูทุติยภูมิ และบ่อยครั้งเกิดจากการติดเชื้อหรือการบาดเจ็บ ส่วนเหตุของอาการเจ็บหูทุติยภูมิค่อนข้างกว้างเริ่มตั้งแต่การทำหน้าที่ผิดปรกติของข้อต่อขากรรไกรจนกระทั่งถึงคออักเสบ เหตุของความเจ็บปวดโดยทั่วไปจะหาด้วยการสอบประวัติคนไข้และตรวจร่างกาย โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือสร้างภาพต่าง ๆ เช่นเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ดี การตรวจเพิ่มอาจจำเป็นถ้ามีอาการน่าเป็นห่วง เช่น เสียการได้ยิน เวียนศีรษะ ได้ยินเสียงในหู หรือน้ำหนักลดโดยไม่มีเหตุ การรักษาจะขึ้นอยู่กับเหตุ ถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรีย บางครั้งก็จะใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษา และยาแก้ปวดที่ซื้อหาได้เองอาจช่วยลดความไม่สบาย เหตุบางอย่างจะต้องรักษาด้วยหัตถการ ไม่ว่าที่ทำในห้องตรวจหรือห้องผ่าตัดงานทบทวนวรรณกรรมปี 2015 พบว่า เด็ก 83% จะติดเชื้อในหูชั้นกลางอย่างน้อยครั้งหนึ่งก่อนอายุจะเลย 3 ปี
อาการ
อาการเจ็บหูอาจเกิดที่หูข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง อาจเกิดร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น เป็นไข้ อาการรู้สึกหมุน คันหู หรือหูอื้อ อาจเจ็บมากขึ้นเมื่อเคี้ยว และอาจเจ็บอย่างต่อเนื่องหรือเป็นหยุด ๆ หาย ๆ
การเจ็บหูเพราะติดเชื้อสามัญที่สุดในเด็กและเกิดในทารกได้ด้วย ผู้ใหญ่อาจต้องตรวจเพิ่มถ้าเสียการได้ยิน เวียนศีรษะ หรือได้ยินเสียงในหู อาการที่น่าเป็นห่วงอื่น ๆ รวมทั้งโรคเบาหวาน ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ มีอาการบวมในหูชั้นนอกหรือตามขากรรไก
พยาธิสรีรวิทยา
การเจ็บหูปฐมภูมิ
หูสามารถแบ่งโดยกายวิภาคออกเป็นหูชั้นนอก ช่องหูชั้นนอก หูชั้นกลาง และหูชั้นใน แต่ความเจ็บก็ไม่ได้แตกต่างกันในส่วนเหล่านี้
การเจ็บหูทุติยภูมิ
เส้นประสาทสมองหลายเส้นวิ่งไปยังส่วนต่าง ๆ ของหู รวมทั้งประสาทสมองเส้นที่ 5 (trigeminal) เส้นที่ 7 (facial) เส้นที่ 9 (glossopharyngeal) เส้นที่ 10 (vagus) และเส้นประสาทคอระดับ C2-C3 (great auricular nerve) แต่เส้นประสาทเหล่านี้ก็ยังดำเนินไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายอีกด้วยเริ่มตั้งแต่ปาก จนไปถึงหน้าอกและท้อง ดังนั้น ความระคายเคืองต่อเส้นประสาทเหล่านี้เพราะส่วนอื่น ๆ ของร่างกายอาจทำให้เจ็บหู ซึ่งเป็นอาการปวดต่างที่อย่างหนึ่ง การระคายเคืองที่ประสาทสมองเส้นที่ 5 ซึ่งทำให้สามารถรู้สึกที่ใบหน้าและควบคุมกล้ามเนื้อต่าง ๆ เพื่อกัดและเคี้ยวเป็นต้น เป็นเหตุสามัญที่สุดของการเจ็บหูต่างที่
เหตุ
การเจ็บหูมีเหตุหลายอย่าง โดยมากไม่มีอันตรายต่อชีวิต อาการอาจเริ่มมาจากบางส่วนของหูเอง คือเป็นการเจ็บหูปฐมภูมิ หรือจากโครงสร้างหรืออวัยวะนอกหูแต่กลับรู้สึกเจ็บที่หู คือเป็นการเจ็บหูทุติยภูมิ ซึ่งเป็นอาการปวดต่างที่อย่างหนึ่ง คือส่วนที่เป็นปัญหาต่างกับส่วนที่รู้สึกเจ็บ การเจ็บหูปฐมภูมิจะสามัญกว่าในเด็ก และการเจ็บหูทุติยภูมิจะสามัญกว่าในผู้ใหญ่
การเจ็บหูปฐมภูมิมีเหตุมากที่สุดจากการติดเชื้อและการบาดเจ็บที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของหู
หูชั้นนอก
ปัญหาที่หูชั้นนอกปกติจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า เพราะเป็นส่วนที่เปิดรับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดจึงบาดเจ็บได้ง่าย การบาดเจ็บเนื่องกับวัตถุภายนอก เช่น มีอะไรมากระแทกหู อาจมีผลเป็น hematoma คือเลือดออกไปสะสมที่ระหว่างกระดูกอ่อนกับเยื่อหุ้มกระดูกอ่อน (perichondrium) ของหู ซึ่งสามัญเป็นพิเศษในการเล่นกีฬาที่กระทบกระทั่ง เช่น มวยปล้ำ หรือชกมวย การบาดเจ็บเนื่องจากสิ่งแวดล้อมรวมทั้งถูกแดดเผา ถูกความเย็นจัด หรือผิวหนังอักเสบเหตุสิ่งที่แพ้หรือระคายเคือง (contact dermatitis) เหตุที่สามัญน้อยกว่ารวมทั้ง
- เซลล์เนื้อเยื่อในหูอักเสบ (auricular cellulitis) เป็นการติดเชื้อไม่รุนแรงของหูที่อาจเริ่มมาจากการบาดเจ็บ ถูกแมลงกัดต่อย หรือการเจาะหู
- เยื่อหุ้มกระดูกอ่อนอักเสบ (perichondritis) เป็นการติดเชื้อที่เยื่อหุ้มกระดูกอ่อน (perichondrium) หรือพังผืดรอบ ๆ กระดูกอ่อน ซึ่งอาจเกิดโดยเป็นภาวะแทรกซ้อนของเซลล์เนื้อเยื่อในหูอักเสบที่ไม่ได้รักษา การระบุและรักษาอาการนี้ด้วยยาปฏิชีวนะเป็นเรื่องสำคัญเพื่อไม่ให้หูเสียรูปอย่างถาวร
- relapsing polychondritis เป็นการอักเสบที่กระดูกอ่อนในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งบ่อยครั้งรวมกระดูกอ่อนที่หูทั้งสอง ความรุนแรงและพยากรณ์โรคจะต่างกันมากในบุคคลต่าง ๆ
หูชั้นนอกอักเสบ (otitis externa)
หูชั้นนอกอักเสบ ซึ่งเกิดบ่อย ๆ ในผู้ว่ายน้ำ เป็นการอักเสบของเซลล์เนื้อเยื่อที่ช่องหูชั้นนอก ในอเมริกาเหนือ 98% เกิดจากติดเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อโรคที่เป็นเหตุก็คือ Pseudomonas และ Staphylococcus aureus ปัจจัยเสี่ยงรวมการได้รับความชื้นเกิน (เช่น จากการว่ายน้ำ หรืออยู่ในอากาศร้อน) และการขาดขี้หูที่เป็นตัวช่วยป้องกัน ซึ่งอาจเกิดได้ถ้าทำความสะอาดมากเกินไปหรือใส่สิ่งของต่าง ๆ เข้าในหู
หูชั้นนอกอักเสบร้ายแรง (malignant otitis externa) เกิดน้อยแต่เมื่อมีก็เป็นภาวะแทรกซ้อนที่มีภัยต่อชีวิต เพราะการติดเชื้อจะกระจายไปจากช่องหูเข้าไปยังกระดูกศีรษะรอบ ๆ คือกลายเป็นโรคกระดูกอักเสบเป็นหนอง (osteomyelitis) ซึ่งเกิดโดยมากในคนไข้โรคเบาหวาน และเกิดน้อยมากในเด็ก แต่ก็พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยมีเชื้อโรค Pseudomonas เป็นเหตุอย่างสามัญที่สุด และมักจะเจ็บมากกว่าหูชั้นนอกอักเสบธรรมดา งานวิจัยได้พบตัวบ่งชี้การอักเสบที่สูงขึ้น (คือ ESR และ CRP) เชื้ออาจจะกระจายไปถึงประสาทสมอง แต่น้อยมากที่จะไปถึงเยื่อหุ้มสมองหรือสมอง การตรวจช่องหูอาจพบเนื้อเยื่อแกรนูเลชัน (เนื้อเยื่อผิวมะระ) ที่ด้านล่างของช่องหู อาการนี้รักษาด้วยยาปฏิชีวนะที่ให้ทางปากหรือทางเส้นเลือดดำ ปกติด้วยยา fluoroquinolones
การอุดหู
- ขี้หูอัดแน่น - นี่เป็นเหตุให้คนไปหาหมอ 12 ล้านครั้งต่อปีในสหรัฐ แม้ขี้หูอาจจะทำให้หูเจ็บ แต่ความเจ็บปวดก็ยังอาจเกิดจากเหตุอื่น ๆ ซึ่งอาจไม่ตรวจเมื่อพบขี้หูอัดแน่นแล้ว
- มีของแปลกปลอมอุดอยู่ในหู ที่สามัญที่สุดคือแมลงและวัสดุเล็ก ๆ เช่น ลูกปัดเล็ก ๆ
เหตุที่มีน้อยกว่า
- โรคงูสวัด ซึ่งมีเหตุจากไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์ สามารถกำเริบเกิดขึ้นในเขตต่าง ๆ รวมทั้งหู ซึ่งทำให็เจ็บและก่อตุ่มพองภายในช่องหู และถ้าเกิดร่วมกับอัมพาตที่ใบหน้าเนื่องกับเส้นประสาทเฟเชียล นี่ก็จะเรียกว่า Ramsay Hunt syndrome (type 2)
- เนื้องอก ที่เกิดบ่อยที่สุดเป็นมะเร็งเยื่อบุแบบ squamous cell อาการอาจคล้ายกับหูชั้นนอกอักเสบ ดังนั้น จึงควรพิจารณาว่าเป็นมะเร็งถ้าอาการไม่ดีขึ้นหลังจากรักษาอย่างถูกต้องแล้ว
หูชั้นกลางและหูชั้นใน
หูชั้นกลางอักเสบฉับพลัน (Acute otitis media)
หูชั้นกลางอักเสบเกิดในเด็กเกิน 80% อย่างน้อยครั้งหนึ่งก่อนอายุจะเลย 3 ปี< และสามัญที่สุดในเด็ก 3 ขวบและน้อยกว่า แม้ก็เกิดในเด็กที่โตกว่าเหมือนกัน เชื้อแบคทีเรียที่เป็นเหตุสามัญที่สุดก็คือ Streptococcus pneumoniae, Haemophilus influenzae, และ Moraxella catarrhalis
หูชั้นกลางอักเสบมักเกิดพร้อมกับหรือเกิดหลังจากเป็นหวัด การวินิจฉัยจะทำอาศัยอาการต่าง ๆ และการตรวจแก้วหูว่าแดง บวม และ/หรือมีน้ำสะสมอยู่ในหูชั้นกลางหรือไม่ ภาวะแทรกซ้อนรวมทั้งการเสียการได้ยิน อัมพาตเส้นประสาทเฟเชียล การติดเชื้อกระจายไปยังโครงสร้างรอบ ๆ รวมทั้ง
- Mastoiditis (ปุ่มกกหูอักเสบ) คือ การติดเชื้อของ air cell ในปุ่มกกหูที่ศีรษะหลังหู
- Petrositis เป็นการติดเชื้อของส่วน petrous ในกระดูกขมับ
- หูชั้นในอักเสบ (labyrinthitis)
- เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- ฝีใต้เยื่อดูรา
- ฝีในสมอง
การบาดเจ็บ
- การบาดเจ็บจากแรงกดดัน เป็นผลของการเปลี่ยนแปลงความดันอากาศซึ่งเกิดเมื่อเครื่องบินลดความสูงหรือเนื่องจากการดำน้ำลึก คือ เพราะความดันอากาศภายนอกเพิ่มขึ้นเมื่อเครื่องบินลดความสูง ท่อหูจะแฟบเพราะความดันในหูชั้นกลางจะน้อยกว่าในหูชั้นนอก ซึ่งทำให้เจ็บ ในกรณีรุนแรง หูชั้นกลางอาจเลือดออกหรือแก้วหูอาจทะลุ
- แก้วหูทะลุ ซึ่งอาจเกิดเพราะหูถูกกระทบอย่างรุนแรง เกิดเพราะระเบิด การบาดเจ็บจากแรงกดดัน หรือวัตถุที่เข้าไปในหูทะลุผ่านแก้วหู
การเจ็บหูทุติยภูมิ
สภาวะโรคหลายอย่างระคายเส้นประสาทที่วิ่งไปทางหู ภาวะที่ระคายประสาทสมองเส้นที่ 5 (trigeminal) รวมทั้ง
- การทำหน้าที่ผิดปรกติของข้อต่อขากรรไกร (temporomandibular joint dysfunction) ซึ่งเป็นการอักเสบหรือการเคลื่อนไหวผิดปกติของข้อต่อขากรรไก เกิดบ่อยที่สุดในหญิงในวัยที่มีลูกได้ และไม่สามัญในเด็กอายุน้อยกว่า 10 ขวบ
- Myofascial pain syndrome เป็นความเจ็บปวดที่กล้ามเนื้อซึ่งทำการเคี้ยวอาหาร โดยอาจจะมีบางส่วนของกล้ามเนื้อหรือเอ็น (ที่ยึดกล้ามเนื้อเข้ากับกระดูก) ที่เจ็บเป็นพิเศษเมื่อกด
- อาการปวดประสาทไทรเจมินัล (trigeminal neuralgia) เป็นการเจ็บวิ่งลงที่ใบหน้าซึ่งอาจเริ่มโดยแตะใบหน้าหรืออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง
- ปวดฟันเนื่องจากฟันผุหรือฝี
- มะเร็งเยื่อบุในช่องปาก
ส่วนภาวะที่ระคายประสาทสมองเส้นที่ 7 (เส้นประสาทเฟเชียล) หรือเส้นที่ 9 (glossopharyngeal) รวมทั้ง
- ทอนซิลอักเสบ
- ความเจ็บปวดหลังผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออก
- คอหอยอักเสบ
- โพรงอากาศอักเสบ
- ต่อมพารอทิดอักเสบ (ต่อมน้ำลายหน้าหูอักเสบ, Parotitis)
- มะเร็งเยื่อบุของคอหอยหลังช่องปาก (รวมทั้งโคนลิ้น เพดานอ่อน ผนังคอหอย และต่อมทอนซิล)
ภาวะที่ก่อความระคายเคืองให้แก่ประสาทสมองเส้นที่ 9 (vagus) รวมทั้ง
- โรคกรดไหลย้อน
- myocardial ischemia - เป็นภาวะที่ไม่มีออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจพอ
ภาวะที่ระคายเคืองต่อเส้นประสาทคอระดับ C2-C3 รวมทั้ง
- กระดูกสันหลังบาดเจ็บ ข้ออักเสบ หรือเนื้องอก
- หลอดเลือดแดง Temporal อักเสบ/Giant-cell arteritis - เป็นโรคภูมิต้านตนเองที่ทำให้เส้นเลือดแดง temporal ซึ่งเป็นหลอดเลือดขนาดใหญ่ในศีรษะ อักเสบ โดยมักเกินขึ้นในผู้มีอายุมากกว่า 50 ปี
การวินิจฉัย
ในขณะที่โรคบางอย่างอาจต้องอาศัยการทำภาพหรือการตรวจชนิดใดชนิดหนึ่งโดยเฉพาะ ๆ แต่มูลฐานที่ทำให้หูเจ็บโดยมากแพทย์สามารถวินิจฉัยได้เลย เพราะการวินิจฉัยแยกโรคของหูเจ็บมีมากมาย จึงไม่มีความเห็นพ้องว่าอะไรเป็นกรอบวินิจฉัยได้ดีที่สุด วิธีการหนึ่งก็คือแยกโดยเวลาที่เกิดอาการต่าง ๆ เพราะหูเจ็บปฐมภูมิมักจะเป็นแบบฉับพลัน ในขณะที่หูเจ็บทุติยภูมิมักจะเรื้อรัง
เหตุแบบฉับพลันอาจเแยกว่ามีไข้ (ซึ่งแสดงการติดเชื้อ) หรือไม่มีไข้ (แสดงปัญหาที่อวัยวะ/โครงสร้าง เช่น การบาดเจ็บ หรือการบาดเจ็บที่หู) สมุฏฐานที่ก่อความเจ็บเรื้อรังอาจแยกเป็นแบบมีหรือไม่มีอาการที่น่าเป็นห่วง
อาการน่าเป็นห่วงอย่างหนึ่งก็คือการมีปัจจัยเสี่ยงหนึ่งอย่างหรือมากกว่านั้นรวมทั้งการสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาก (มากกว่า 3.5 แก้วต่อวัน) โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ และอายุมาก (มากกว่า 50 ปี) ปัจจัยเหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดเหตุร้ายแรงที่ทำให้หูเจ็บ เช่น มะเร็งหรือการติดเชื้อที่รุนแรง โดยเฉพาะก็คือ การอยู่ร่วมกับผู้สูบบุหรี่อาจเพิ่มความเสี่ยงหูอักเสบอย่างฉับพลันในเด็ก อนึ่ง การว่ายน้ำเป็นปัจจัยเสี่ยงซึ่งสำคัญที่สุดสำหรับหูชั้นนอกอักเสบ แม้ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ รวมทั้งช่องหูชื้น ผิวหนังอักเสบออกผื่น (eczema) และ/หรือการบาดเจ็บที่หู
ถ้ามีอาการน่าเป็นห่วง ก็อาจต้องตรวจเพิ่ม เช่น ใช้เอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์หรือการตัดเนื้อออกตรวจเพื่อกันว่ามีโรคที่ร้ายแรงกว่า ซึ่งรวมหูชั้นนอกอักเสบร้ายแรง (malignant) หรือแบบทำให้เนื้อตาย (necrotizing), ปุ่มกกหูอักเสบ, หลอดเลือดแดง Temporal อักเสบ/Giant-cell arteritis, และมะเร็ง ให้สังเกตว่า แม้อาการน่าเป็นห่วงอาจทำให้สงสัยโรค 4 อย่างเหล่านี้ แต่ก็ไม่ได้ยืนยันวินิจฉัยเพราะอาการเหล่านี้เห็นได้ในสถานการณ์อื่น ๆ อีกด้วย เช่น อาการปวดขากรรไกรเมื่อเคี้ยวอาจมีเพราะหลอดเลือดแดง Temporal อักเสบ แต่ก็มีในการทำหน้าที่ผิดปรกติของข้อต่อขากรรไกรด้วย ดั้งนั้น ถ้าไม่มีอาการน่าเป็นห่วง เหตุอื่น ๆ ของการปวดหูต่างที่ก็มีโอกาสมากขึ้นและดังนั้นจึงสมควรตรวจดู
วินิจฉัย | Features | ||
---|---|---|---|
หูชั้นกลางอักเสบฉับพลัน | ประวัติการติดเชื้อทางเดินลมหายใจส่วนบน (URI) ภายใน 10 วัน | เด็กดึงหู | เจ็บมากโดยอยู่ลึกในหู |
เป็นไข้ | เสียการได้ยิน | ความเจ็บอาจกวนการนอน | |
แก้วหูทะลุ | เมื่อน้ำ/หนองไหลออก จะลดอาการเจ็บ | ||
ปุ่มกกหูอักเสบ (mastoiditis)* | เป็นเด็ก | ประวัติมี URI มากกว่า 10 วัน | มี URI หรือติดเชื้อที่หูเร็ว ๆ นี้ |
เป็นไข้/หนาว | อาจเห็นอาการหูอักเสบเมื่อตรวจ | ความเจ็บอยู่หลังหู โดยส่วนหลังใบหู (postauricular) จะบวม (ใกล้กับปุ่มกกหู)* | |
ตรวจด้วยเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ | |||
หูชั้นกลางอักเสบมีหนองเรื้อรัง (CSOM) | การเสียการได้ยินเหตุกระดูกสื่อ | หนองออกซึ่งบรรเทาอาการแล้วเป็นอีก หรือหนองออกอย่างเรื้อรัง | อาจเห็นแก้วหูทะลุหรือ cholesteatoma เมื่อตรวจ |
หูชั้นกลางอักเสบแบบสะสมน้ำ (serous otitis mediao/titis media with effusion) | ไม่มีอาการว่าติดเชื้อ | เสียการได้ยินอย่างชัดเจน | อาจมีประวัติ URI หรือหูชั้นกลางอักเสบแบบฉับพลัน |
หูชั้นนนอกอักเสบ | ว่ายน้ำ | โรคสะเก็ดเงิน | ผิวหนังที่มันอักเสบ (seborrhoeic dermatitis) |
ปั่นหูด้วยไม้สำลี | เจ็บหูทั้งสองข้าง | มีเกล็ด (scaling) | |
คัน | เจ็บเพิ่มถ้าดึงหู | อาจเห็นเนื้อเยื่อแกรนูเลชันเมื่อตรวจช่องหู | |
หูชั้นนอกอักเสบร้ายแรง (malignant) หรือแบบทำให้เนื้อตาย (necrotizing)* | โรคเบาหวาน | ภูมิคุ้มกันบกพร่อง | เจ็บอย่างต่อเนื่องโดยเจ็บมากขึ้นตอนกลางคืน* |
หนองไหล* | รู้สึกเจ็บเกินอาการที่ตรวจพบ* | ตัดเนื้อเยื่อแกรนูเลชันเพื่อเพาะตรวจ | |
กระดูกอ่อนอักเสบ เทียบกับ เยื่อหุ้มกระดูกอ่อนอักเสบ | หูได้บาดเจ็บเร็ว ๆ นี้ (เช่น เจาะหู) | ใบหูปรากฏว่าอักเสบ | กระดูกอ่อนอักเสบมีโอกาสมากกว่าเยื่อหุ้มกระดูกอ่อนอักเสบ ถ้าหูมีรูปบิดเบือน |
วินิจฉัย | Features | |
---|---|---|
โรคกรดไหลย้อน | เจ็บหูทั้งสองข้าง | |
อาการปวดประสาท (neuralgia) | คนไข้บอกว่าเจ็บแบบชา ๆ หรือแสบ โดยอาจเริ่มจากแตะหูเบา ๆ | |
แบบร้าย* | น้ำหนักลด* | |
ข้ออักเสบที่คอ | เจ็บมากขึ้นเมื่อขยับคอ | |
Eagle syndrome | เจ็บเพิ่มเมื่อกลืน | |
ฟันกรามซี่สุดท้าย (3) ติดเชื้อ | อาหารเย็นร้อนทำให้เจ็บเพิ่ม | |
หลอดเลือดแดง Temporal อักเสบ* | อายุมากกว่า 50 ปี* | การเคี้ยวทำให้เจ็บเพิ่ม* |
การทำหน้าที่ผิดปรกติของข้อต่อขากรรไกร | คนไข้ขบ/บดฟัน | เจ็บหูทั้งสองข้าง |
เมื่อคลำตรวจที่ข้อต่อขากรรไกร เจ็บและมีเสียงกรอบแกรบ | ขากรรไกทำเสียงกริ๊ก ๆ |
- *บ่งอาการที่ไม่ควรพลาด ที่น่าเป็นห่วง หรือควรระวัง
วินิจฉัย | Features | ||
---|---|---|---|
การบาดเจ็บจากแรงกดดัน | บาดเจ็บที่หูเมื่อเร็ว ๆ นี้ | ขึ้นเครื่องบินหรือดำน้ำเมื่อเร็ว ๆ นี้ (+/- อาการเจ็บเกิดร่วมกับเหตุการณ์) | เสียการได้ยิน |
ท่อหูทำงานผิดปกติ | คนไข้บอกว่าเหมือนมีอะไรกดที่หูหรือมีอะไรมาปิดหู | เสียการได้ยินที่หูข้างเดียว | ได้ยินเสียงกรอบแกรบ/เสียงน้ำไหล |
ประวัติโรคภูมิแพ้ตามฤดู | รีเฟล็กซ์ปรับรูม่านตารับแสงไม่ดีและข้อต่อขากรรไกรขยับได้ไม่ดี | เห็นเส้นน้ำที่แก้วหู (air-fluid level) / น้ำในหูชั้นกลาง | |
ขี้หูอัด | ใช้ไม้สำลีในช่องหู | คนไข้บอกว่าเหมือนมีอะไรกดหรือปิดหู | อาจต้องเอาขี้หูออกเพื่อกันว่านี่เป็นเหตุ |
การรักษา
การรักษาหูเจ็บจะขึ้นอยู่กับเหตุ
ยาปฏิชีวนะ
แม้การเจ็บหูทุกอย่างจะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะไม่ได้ แต่ที่มีเหตุจากหูติดเชื้อแบคทีเรียทั่วไปก็จะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ซึ่งรู้ว่าสามารถจัดการกลุ่มแบคทีเรียที่เป็นตัวการสามัญของการติดเชื้อในรูปแบบนั้น ๆ การติดเชื้อแบคทีเรียหลายอย่างจะรักษาด้วยการทำความสะอาดส่วนนั้น ให้ยาปฏิชีวนะแบบทาหรือแบบทาน/ฉีด และให้ยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาความเจ็บ การประคบน้ำอุ่นอาจช่วยในการติดเชื้อหลายอย่าง
เหตุเจ็บหูที่ปกติสามารถรักษาด้วยยาปฏิชีวนะแบบทาหรือแบบทาน/ฉีดรวมทั้ง
- หูชั้นนอกอักเสบฉับพลัน (AOE) ที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน สำหรับอาการที่ไม่ตอบสนองภายใน 10 วัน แพทย์ก็ควรจะตรวจว่ามีหูชั้นนอกอักเสบแบบทำให้เนื้อตาย (necrotizing) หรือไม่
- หูชั้นกลางอักเสบฉับพลัน (AOM) จะหายเองภายใน 24-48 ชม. ในกรณี 80% ถ้าไม่หายเอง ก็จะสันนิษฐานว่ามีเหตุจากแบคทีเรียแล้วรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหลังจากทานยา 1 อาทิตย์ แพทย์ก็จะตรวจดูว่ามีปุ่มกกหูอักเสบหรือไม่
- ปุ่มรากผมอักเสบเฉียบพลัน (acute folliculitis)
- เซลล์เนื้อเยื่อหูอักเสบ (auricular cellulitis)
- หูชั้นกลางอักเสบมีหนอง (suppurative otitis media) ซึ่งเสี่ยงต่อแก้วหูทะลุด้วย
- Perichondritis - แพทย์หูคอจมูกควรตรวจว่ามีวัตถุแปลกปลอมอยู่ในกระดูกอ่อนหรือไม่ ถ้ามีก็จะต้องเอาออก ถ้ามีปัญหาในเพราะเหตุกระดูกอ่อน อาจจะต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อให้รักษาได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
- โพรงอากาศอักเสบ (sinusitis) สามารถก่อการเจ็บหูทุติยภูมิ (คือเจ็บต่างที่) การรักษาเหตุจะช่วยบรรเทาการเจ็บหู การติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดอาจต้องให้แพทย์หูคอจมูกรักษา ให้ยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือด และเข้าโรงพยาบาล
- หูชั้นนอกอักเสบแบบทำให้เนื้อตาย (necrotizing external otitis) อาจมีอันตรายถึงชีวิต และดังนั้น จึงควรให้แพทย์หูคอจมูกตรวจ อาจต้องเข้าโรงพยาบาลและให้ยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือด
- ปุ่มกกหูอักเสบฉับพลันอาจรักษาด้วยการเข้าโรงพยาบาล ให้แพทย์หูคอจมูกตรวจ และการลองให้ยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือด กรณีที่มีปัญหากระจายไปถึงกะโหลกศีรษะจะรักษาด้วยการตัดปุ่มกกหู (mastoidectomy) และการเจาะแก้วหูเอาหนองออก (myringotomy)
- กระดูกอ่อนอักเสบ
หัตถการ
เหตุบางอย่างของการเจ็บหูต้องรักษาด้วยหัตถการแพทย์อย่างเดียว หรือเพิ่มนอกเหนือจากการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
- Keratosis obturans คือเยื่อบุผิวสะสมที่ช่องหูชั้นนอก ซึ่งรักษาด้วยการเอาเศษเคอราทินที่ลอกหลุดแล้วอัดแน่นออกจากช่องหู
- เยื่อหุ้มกระดูกอ่อนอักเสบเรื้อรัง (chronic perichondritis) และกระดูกอ่อนอักเสบ (chondritis) ที่คงยืนแม้จะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะที่สมควรแล้วอาจจำเป็นต้องตัดเล็มออกการเจาะใส่ท่อระบายน้ำ/หนองก็อาจจำเป็นด้วย
- แก้วหูอักเสบแบบมีเม็ดพุพอง (bullous myringitis) ซึ่งก่อเม็ดพุพองบนแก้วหู สามารถเจาะบรรเทาความเจ็บปวด
- สิ่งแปลกปลอมที่อยู่ในช่องหูอาจทำให้เจ็บ จะรักษาด้วยการเอาออกอย่างระมัดระวัง
- sebaceous cyst ที่ติดเชื้อสามารถรักษาด้วยการผ่าแล้วเอาหนองออกและให้ยาปฏิชีวนะ
การรักษาอื่น ๆ
เพราะมีเหตุการเจ็บหูมากมาย เหตุบางอย่างจึงต้องรักษาด้วยวิธีนอกเหนือจากยาปฏิชีวนะและหัตถการ
- relapsing polychondritis เป็นการอักเสบที่กระดูกอ่อนในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งบ่อยครั้งรวมกระดูกอ่อนที่หูทั้งสอง เป็นภาวะภูมิต้านตนเองที่รักษาด้วยยาควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน
- การทำหน้าที่ผิดปรกติของข้อต่อขากรรไกร (temporomandibular joint dysfunction) สามารถก่อการเจ็บหูทุติยภูมิ และเบื้องแรกจะรักษาด้วยการทานอาหารนิ่ม ๆ ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตอรอยด์ การประคบด้วยความร้อน การนวดที่บริเวณนั้น และการไปหาทันตแพทย์
- myofascial pain syndrome เป็นความเจ็บปวดที่กล้ามเนื้อซึ่งทำหน้าที่เคี้ยวอาหาร ซึ่งเบื้องแรกรักษาด้วยยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตอรอยด์และกายภาพบำบัด การฉีดยาระงับความรู้สึกเข้าไปในจุดสำคัญของกล้ามเนื้อ อาจพิจารณาใช้สำหรับคนไข้ที่อาการหนัก
- อาการปวดประสาทลิ้นคอหอย (glossopharyngeal neuralgia) สามารถรักษาด้วยยารักษาโรคเส้นประสาท คือคาร์บามาเซพีน
การระบาด
2/3 ของคนไข้ที่เจ็บหูจะวินิจฉัยว่าเป็นการเจ็บหูปฐมภูมิและ 1/3 การเจ็บหูทุติยภูมิ
เหตุสามัญของการเจ็บหูปฐมภูมิก็คือหูชั้นกลางอักเสบ ซึ่งหมายถึงการติดเชื้อในหูหลังแก้วหู เด็กที่ได้วินิจฉัยนี้มากที่สุดอยู่ในวัย 6-24 เดือน งานทบทวนวรรณกรรมงานหนึ่งพบว่า เด็ก 83% จะมีหูชั้นกลางอักเสบฉับพลันอย่างน้อยครั้งหนึ่งก่อนอายุจะเกิน 3 ขวบ ทั่วโลก มีกรณีคนไข้หูชั้นกลางอักเสบ 709 ล้านคนต่อปี การเสียการได้ยินเนื่องจากการติดเชื้อประเมินที่ 30 คนต่อประชากร 10,000 คน มีคนเสียชีวิตประมาณ 21,000-28,000 คนรอบโลกเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อในหู ภาวะแทรกซ้อนรวมทั้งฝีในสมองและเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
หูชั้นนอกอักเสบเกิดมากที่สุดในเด็กวัย 7-12 ขวบ และคนราว ๆ 10% ทั้งหมดเคยมีโรคนี้มาก่อน ขี้หูอัดแน่นเกิดขึ้นในเด็ก 1 ใน 10 คน ผู้ใหญ่ 1 ใน 20 คน และผู้สูงอายุ 1 ใน 3 คน การบาดเจ็บจากแรงกดดันเกิดกับคนราว ๆ 1 คนทุก ๆ 1,000 คน ผู้ที่มาหาหมอเนื่องจากเจ็บหู เพียงแค่ 3% จะวินิจฉัยว่าท่อหูทำงานผิดปกติ
ประวัติ
มีข้อมูลเกี่ยวกับการเจ็บหูและหูชั้นกลางอักเสบฉับพลันก่อนคริสต์ทศวรรษที่ 17 น้อยมาก เป็นโรคที่สามัญและปกติไม่ได้รักษา แล้วจึงได้เปลี่ยนไปเมื่อโสตแพทย์ชาวเยอรมัน Anton von Tröltsch ได้ประดิษฐ์กล้องส่องตรวจหู (otoscope) ขึ้นในคริสต์ทศวรรษที่ 1840 และก็เปลี่ยนไปอีกเมื่อประดิษฐ์ยาปฏิชีวนะขึ้น เพราะก่อนจะมียา การติดเชื้อที่แพร่ไปยังกระดูกรอบ ๆ หูเกิดในอัตราสูง แต่ปัจจุบันเป็นภาวะแทรกซ้อนที่มีน้อย
สังคมและวัฒนธรรม
เมื่อก่อนแพทย์มักจะรักษาหูชั้นกลางอักเสบด้วยอะม็อกซีซิลลิน จนกระทั่งมีคำพูดจากคริสต์ทศวรรษ 1980 หนึ่งที่กล่าวว่า "เด็กที่หูเจ็บขาดอะม็อกซีซิลลินอย่างหนัก" ต่อมาจึงรู้กันว่า การใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไปทำให้แบคทีเรียดื้อยา และการดื้อยาที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก็ทำให้ยาปฏิชีวนะมีประสิทธิผลลดลง แล้วจึงเกิดโปรแกรมที่ทำอย่างเป็นระบบซึ่งแนะนำให้ผู้ที่สั่งยาปฏิชีวนะให้ยาเมื่อจำเป็นเท่านั้น โดยเฉพาะในเด็ก ที่การเจ็บหูโดยมากจะหายเองโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนอะไร มีแม้แต่แนวทางการรักษาที่ช่วยกำหนดว่าเมื่อไรควรใช้ยาปฏิชีวนะสำหรับอาการเจ็บหูในเด็ก
หูมีบทบาทในการรักษาด้วยการฝังเข็ม ซึ่งเรียกในภาษาอังกฤษว่า auriculotherapy คือการฝังเข็มที่หูเชื่อว่าแก้ความไม่สมดุลในร่างกาย เป็นวิธีการที่มีมาตั้งแต่ยุคหินแล้ว ส่วนการรักษาเช่นนี้ในยุโรปมีบันทึกไว้เป็นครั้งแรกในคริสต์ทศวรรษที่ 1600 คือแพทย์คนหนึ่งกล่าวถึงการกระตุ้น (โดยเอาไฟเผาหรือทำแผล) หูเพื่อรักษาอาการปวดหลังร้าวไปที่ขา ส่วนแพทย์อีกคนหนึ่งใช้เพื่อรักษาการปวดฟัน ประสาทแพทย์ Paul Nogier รู้จักว่าเป็นบิดาของการฝังเข็มที่หู เพราะทฤษฎีของเขาว่า ส่วนต่าง ๆ ของหูสัมพันธ์กับส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่างคงเส้นคงวา
งานวิจัย
ปัจจุบันมีงานวิจัยหาวิธีส่งยาปฏิชีวนะเข้าไปในหูชั้นกลางโดยตรง
เชิงอรรถ
แหล่งข้อมูลอื่น
การจำแนกโรค | |
---|---|
ทรัพยากรภายนอก |
หูชั้นนอก | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
หูชั้นกลางและโพรงกระดูกกกหู | |||||||||||||||
หูชั้นในและ ทางเดินประสาทส่วนกลาง |
|
||||||||||||||
|