Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
ไฮโปเมเนีย
อาการเกือบฟุ้งพล่าน (Hypomania) | |
---|---|
กราฟทำให้ง่ายที่แสดงอารมณ์ของคนไข้โรคอารมณ์สองขั้วแบบย่อยต่าง ๆ และโรคซึมเศร้า เส้นเขียวแสดงอารมณ์ของคนทั่วไป เส้นน้ำเงินของคนไข้โรคซึมเศร้าขั้วเดียว เส้นม่วงอ่อนของโรคอารมณ์สองขั้วประเภท 1 เส้นม่วงกลางของโรคอารมณ์สองขั้วประเภท 2 และเส้นม่วงเข้มของโรคไซโคลไทเมีย แกนนอนแสดงระยะเวลาที่เกิดอารมณ์ แกนตั้งแสดงอารมณ์ บนสุดสีแดงเข้มเป็นอาการฟุ้งพล่านบริบูรณ์ ต่อจากบนสุดสีแดงอ่อนเป็นอาการเกือบฟุ้งพล่าน ล่างสุดสีเขียวเป็นอาการซึมเศร้า คราวฟุ้งพล่านของโรคประเภทที่ 1 ต้องมีอาการฟุ้งพล่านเต็มตัวอย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์ คราวเกือบฟุ้งพล่านของโรคที่ 2 ต้องมีอาการเกือบฟุ้งพล่านโดยไม่ถึงเป็นอาการฟุ้งพล่านเต็มตัวอย่างน้อย 4 วัน | |
สาขาวิชา | จิตเวช |
ไฮโปเมเนีย หรือ อาการเกือบฟุ้งพล่าน (อังกฤษ: hypomania แปลตรง ๆ ว่า ใต้อาการฟุ้งพล่าน หรือน้อยกว่าอาการฟุ้งพล่าน) เป็นภาวะทางอารมณ์ที่มีอาการเป็นการไม่ยับยั้งชั่งใจและความครึ้มใจอย่างคงยืน มีพฤติกรรมที่ต่างกับปกติเมื่อไม่ได้มีภาวะซึมเศร้า อาจหงุดหงิด ทั่วไปเป็นภาวะที่รุนแรงน้อยกว่าอาการฟุ้งพล่าน (mania) อย่างเต็มตัว ตามเกณฑ์ของคู่มือการวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิตรุ่น 5 (DSM-5) อาการเกือบฟุ้งพล่านต่างกับอาการฟุ้งพล่านเพราะไม่ขัดการดำเนินชีวิตอย่างสำคัญ คืออาการฟุ้งพล่านต้องขัดการดำเนินชีวิตและอาจมีอาการโรคจิต
พฤติกรรมที่เป็นอาการของภาวะนี้ก็คือจำเป็นต้องนอนน้อยลง มีกำลัง มีพฤติกรรมและการกระทำที่ไม่ปกติ คุยเก่งขึ้นและมั่นใจขึ้นอย่างสำคัญซึ่งมักปรากฏเป็นความคิดสร้างสรรค์เป็นชุด ๆ อาการอื่น ๆ ที่อาจสัมพันธ์กับอาการนี้รวมความรู้สึกว่าตนเขื่อง (grandiosity) วอกแวกง่าย และมีเพศสัมพันธ์เกิน แม้พฤติกรรมเกือบฟุ้งพล่านมักจะสร้างความตื่นแต้นและให้ทำงานได้ดี แต่ก็อาจเป็นปัญหาถ้าคนไข้มีพฤติกรรมที่เสี่ยงหรือไม่ควรทำ และ/หรือสร้างปัญหากับเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน ถ้าคราวฟุ้งพล่าน (manic episode) สามารถแบ่งเป็นระยะ ๆ ตามความหนักเบาของอาการ อาการเกือบฟุ้งพล่านก็จะเป็นระยะแรกของอาการ ที่อาการหลัก ๆ (ภาวะครึ้มใจหรือหงุดหงิดง่าย การพูดเร็วและทำอะไรเร็ว มีกำลังเพิ่ม จำเป็นต้องนอนน้อยลง มีความคิดเป็นชุด ๆ) จะเห็นได้ชัดที่สุด
อาการ
บุคคลที่มีภาวะเกือบฟุ้งพล่านจำเป็นต้องนอนน้อยลง ชอบเข้าสังคมและชอบแข่งขันมาก และมีกำลังมาก แต่ก็สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ ไม่เหมือนกับคนไข้ที่มีคราวฟุ้งพล่านอย่างเต็มตัว
ตัวบ่งชี้
โดยเฉพาะแล้ว อาการเกือบฟุ้งพล่านต่างกับอาการฟุ้งพล่านเพราะไม่มีอาการโรคจิตและอาการคิดว่าตนเขื่อง (grandiosity) และมีผลน้อยต่อการดำเนินชีวิต
อาการนี้เป็นอาการอย่างหนึ่งของโรคอารมณ์สองขั้วประเภทที่ 2 และโรคไซโคลไทเมีย แต่ก็สามารถเกิดในโรค schizoaffective disorder ได้ด้วย มันเป็นอาการอย่างหนึ่งของโรคอารมณ์สองขั้วประเภทที่ 1 ด้วยโดยเกิดเป็นลำดับเมื่อโรคแปรจากมีอารมณ์ปกติเป็นอาการฟุ้งพล่าน คนไข้โรคอารมณ์สองขั้วประเภท 1 บางคนมีทั้งคราวเกือบฟุ้งพล่านและคราวฟุ้งพล่าน อาการเกือบฟุ้งพล่านยังสามารถเกิดเมื่ออารมณ์แปรจากฟุ้งพล่านกลับเป็นอารมณ์ปกติ อาการนี้บางครั้งได้เครดิตว่า เพิ่มความสร้างสรรคถและพลังทำงาน คนไข้โรคอารมณ์สองขั้วจำนวนมากให้เครดิตกับอาการเกือบฟุ้งพล่านว่า ทำให้ตนได้เปรียบในอาชีพของตน
คนที่จัดว่ามีไฮเปอร์ไทเมีย (hyperthymia) หรืออาการเกือบฟุ้งพล่านเรื้อรัง (chronic hypomania) ก็จะมีอาการเหมือนอาการเกือบฟุ้งพล่านแต่นานกว่า
โรคที่สัมพันธ์กัน
โรคไซโคลไทเมียซึ่งเป็นภาวะที่อารมณ์แปรปรวนอย่างต่อเนื่อง มีอาการเป็นการสลับเปลี่ยนภาวะเกือบฟุ้งพล่านกับความซึมเศร้าที่ไม่ผ่านเกณฑ์วินิจฉัยของคราวฟุ้งพล่าน (manic episode) หรือคราวเกือบฟุ้งพล่าน (hypomanic episode) หรือคราวซึมเศร้า (major depressive episode) ระยะเหล่านี้บ่อยครั้งขั้นด้วยระยะที่สามารถดำเนินชีวิตเป็นปกติ
เมื่อคนไข้มีประวัติคราวเกือบฟุ้งพล่านและคราวซึมเศร้าอย่างน้อยอย่างละหนึ่งครั้ง แต่ละครั้งผ่านเกณฑ์วินิจฉัยของโรค ก็จะวินิจฉัยเป็นโรคอารมณ์สองขั้วประเภทที่ 2 ในบางกรณี คราวซึมเศร้าปกติจะเกิดเป็นปกติในช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูหนาว และคราวเกือบฟุ้งพล่านในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ในกรณีนี้ แพทย์จะระบุว่าเป็นตามฤดู (seasonal pattern)
ในคนที่อ่อนแอและไม่รักษา อาการเกือบฟุ้งพล่านอาจแย่ลงเป็นอาการฟุ้งพล่านเต็มตัว ซึ่งอาจมีอาการโรคจิต และวินิจฉัยว่าเป็น โรคอารมณ์สองขั้วประเภท 1
จิตพยาธิวิทยา
อาการฟุ้งพล่านและอาการเกือบฟุ้งพล่านปกติจะศึกษาด้วยกันเป็นองค์ประกอบของโรคอารมณ์สองขั้ว โดยจิตพยาธิสภาพของทั้งสองปกติก็จะสมมุติว่าเหมือนกัน เพราะทั้งยา norepinephrine และยาโดพามีนอาจจุดชนวนภาวะเกือบฟุ้งพล่าน จึงมีทฤษฎีว่าโรคมีมูลฐานจากระบบประสาทมอโนอะมีน (monoamine) ทำงานเกิน ทฤษฎีหนึ่งที่รวมอธิบายทั้งภาวะซึมเศร้าและภาวะฟุ้งพล่านสำหรับคนไข้โรคอารมณ์สองขั้วเสนอว่า การควบคุมระบบประสาทมอโนอะมีนอื่น ๆ ที่ลดลงของระบบประสาทเซโรโทนิน (ซึ่งเป็นมอโนอะมีนอย่างหนึ่ง) อาจเป็นเหตุให้เกิดอาการซึมเศร้าหรืออาการฟุ้งพล่าน อนึ่ง รอยโรคที่ซีกขวาของสมองกลีบหน้าและกลีบขมับยังได้สัมพันธ์กับอาการฟุ้งพล่านด้วย
เหตุ
บ่อยครั้งในคนไข้ที่เกิดคราวเกือบฟุ้งพล่านเป็นคราวแรกและทั่วไปไม่มีอาการโรคจิต ก็จะมีประวัติความซึมเศร้าเป็นเวลานานหรือเร็ว ๆ นี้ หรือประวัติอาการฟุ้งพล่านผสมกับความซึมเศร้า (เป็นภาวะอารมณ์ผสม) ก่อนเกิดอาการฟุ้งพล่าน ซึ่งเริ่มในวัยรุ่นตอนกลางหรือตอนปลายอย่างสามัญ เพราะวัยรุ่นเป็นช่วงที่มีอารมณ์รุนแรงหลากหลาย จึงโทษได้อย่างไม่แปลกว่า เป็นพฤติกรรมทางฮอร์โมนที่เป็นปกติของวัยรุ่น จึงพลาดวินิจฉัยว่าเป็นโรคอารมณ์สองขั้ว จนกระทั่งเกิดภาวะฟุ้งพล่านหรือเกือบฟุ้งพล่านที่ชัดเจน
ในกรณีที่เกิดคราวเกือบฟุ้งพล่านเพราะยาสำหรับคนไข้โรคซึมเศร้าแบบขั้วเดียว อาการเกือบฟุ้งพล่านสามารถกำจัดได้เกือบแน่นอนโดยลดระดับยา หรือเลิกยา หรือเปลี่ยนไปใช้ยาอื่นถ้าเลิกรักษาไม่ได้
อารมณ์เกือบฟุ้งพล่านอาจสัมพันธ์กับความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบหลงตัวเอง (ที่คนไข้หลงตนเอง ต้องการความชื่นชมเกินปกติ และไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น)
วินิจฉัย
DSM-IV-TR นิยาม คราวเกือบฟุ้งพล่าน (hypomanic episode) ว่ามีอาการต่าง ๆ ซึ่งเกิดเป็นอย่างน้อย 4 วัน อาการคืออารมณ์ดีบวกกับอาการต่อไปนี้ 3 อย่าง หรือ อารมณ์หงุดหงิดบวกกับอาการต่อไปนี้ 4 อย่าง โดยเป็นพฤติกรรมต่างกับตอนเป็นปกติเมื่อไม่ซึมเศร้า
- พูดเร็วอย่างตื่นเต้น (pressured speech)
- ภูมิใจในตนเองเกิน หรือคิดว่าตนเขื่อง (grandiosity)
- จำเป็นต้องนอนน้อยลง
- เกิดไอเดียเร็วเป็นชุด ๆ หรือรู้สึกว่า ความคิดกำลังแล่น
- วอกแวกง่าย
- เพิ่มการกระทำที่มีเป้าหมาย (ไม่ว่าจะทางสังคม ในอาชีพ ในการมีเพศสัมพันธ์เกิน) หรือกายใจไม่สงบ (psychomotor agitation)
- ทำกิจกรรมที่ให้ความสุขแต่มีโอกาสเกิดผลลบทางจิตสังคมหรือทางกายสูง (เช่น ซื้อของไม่อั้น มีเพศสัมพันธ์ไม่เลือก ขับรถอย่างบ้าบิ่น ตบตีหรือทะเลาะกับผู้อื่น ลงทุนไม่เข้าท่า ลาออกจากงานเพื่อจะทำอะไรใหญ่โต)
รากศัพท์
แพทย์กรีกโบราณฮิปพอคราทีสเรียกบุคลิกภาพชนิดหนึ่งว่า 'hypomanic' (กรีก: ὑπομαινόμενοι, hypomainómenoi) ในจิตเวชศาสตร์ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 เมื่อคำว่า mania มีความหมายกว้าง ๆ ว่าบ้า คำว่า hypomania จึงเท่ากับแนวคิดในเรื่อง บ้าเป็นบางส่วน หรือที่เรียกว่า monomania จิตแพทย์ชาวเยอรมัน Emanuel Mendel เสนอการใช้ที่เฉพาะเจาะจงกว่าในปี 1881 โดยเขียนว่า "ผมแนะนำว่า เมื่อพิจารณาคำที่ใช้โดยฮิปพอคราทีส ให้ตั้งชื่อความบ้า (mania) ที่แสดงอาการหนักน้อยกว่าว่า 'hypomania' " ส่วนนิยามเชิงปฏิบัติการ (operational definition) ที่แคบกว่าเกิดขึ้นในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960 และ 1970
ยา
ยาต้านฟุ้งพล่าน (antimanic) ใช้ควบคุมอาการปัจจุบัน และใช้ป้องกันการเกิดคราวเกือบฟุ้งพล่านอีกร่วมกับการบำบัดทางจิตอื่น ๆ แนะนำให้รักษาเป็นระยะ 2-5 ปี ยาแก้ซึมเศร้าอาจจำเป็นสำหรับคนไข้ที่กินยาเพื่อรักษาอยู่ แต่มักหลีกเลี่ยงกับคนไข้ที่มีประวัติเร็ว ๆ นี้ว่ามีอาการเกือบฟุ้งพล่าน ยาแก้ซึมเศร้าคือ sertraline บ่อยครั้งถกเถียงกันว่ามีผลข้างเคียงจุดชนวนอาการเกือบฟุ้งพล่านหรือไม่
ยาที่ใช้รักษารวม
|
ยาที่ไม่ใช่ยารักษาโรคจิต
|
ยาอื่นที่มีประสิทธิผลน้อยกว่า
|
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
การจำแนกโรค | |
---|---|
ทรัพยากรภายนอก |
- Hypomanic Episode - Bipolar Disorder
- Depression and Bipolar Support Alliance - Depression and Bipolar Support Alliance
- Advice for Bipolar Disorder Sufferers and Their Loved Ones
ประวัติ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
อาการ | |||||||||
สเปตรัม | |||||||||
การรักษา |
|