Мы используем файлы cookie.
Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.

การระบาดทั่วของโควิด-19

Подписчиков: 0, рейтинг: 0
การระบาดทั่วของไวรัสโควิด-19
COVID-19 Outbreak World Map per Capita.svg
แผนที่แสดงจำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันเฉลี่ยต่อ 100,000 คน ณ 20 พฤศจิกายน 2022
  ผู้ติดเชื้อยืนยันมากกว่า 3,000 คน
  ผู้ติดเชื้อยืนยัน 1,000–3,000 คน
  ผู้ติดเชื้อยืนยัน 300–1,000 คน
  ผู้ติดเชื้อยืนยัน 100–300 คน
  ผู้ติดเชื้อยืนยัน 30–100 คน
  ผู้ติดเชื้อยืนยัน 0–30 คน
  ไม่มีผู้ติดเชื้อยืนยันหรือไม่มีข้อมูล
แผนที่แสดงจำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันทั้งหมด
COVID-19 Outbreak World Map.svg
แผนที่การระบาดทั่ว ณ 20 พฤศจิกายน 2022
  ประเทศที่ยืนยันผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 1,000,000 คนขึ้นไป
  ประเทศที่ยืนยันผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 100,000– 999,999 คน
  ประเทศที่ยืนยันผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 10,000–99,999 คน
  ประเทศที่ยืนยันผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 1,000–9,999 คน
  ประเทศที่ยืนยันผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 100–999 คน
  ประเทศที่ยืนยันผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 1–99 คน
  ไม่มีผู้ติดเชื้อยืนยันหรือไม่มีข้อมูล
แผนที่แสดงผู้เสียชีวิตเฉลี่ยต่อหัว
COVID-19 Outbreak World Map Total Deaths per Capita.svg
แผนที่แสดงผู้เสียชีวิตต่อหัว ณ 20 พฤศจิกายน 2022
  ผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คนต่อล้านคน
  ผู้เสียชีวิต 10–100 คนต่อล้านคน
  ผู้เสียชีวิต 1–10 คนต่อล้านคน
  ผู้เสียชีวิต 0.1–1 คนต่อล้านคน
  ผู้เสียชีวิต 0–0.1 คนต่อล้านคน
  ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือไม่มีข้อมูล
Coronavirus patients at the Imam Khomeini Hospital in Tehran, Iran--1 March 2020.jpg
2020 coronavirus task force.jpg
蔡總統視導33化學兵群 02.jpg
Emergenza coronavirus (49501382461).jpg
Dried pasta shelves empty in an Australian supermarket.jpg
(ตามเข็มนาฬิกาจากบนสุด)
โรค โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19)
สถานที่ ทั่วโลก
ผู้ป่วยต้นปัญหา อู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน
30°35′14″N 114°17′17″E / 30.58722°N 114.28806°E / 30.58722; 114.28806
วันที่ 1 ธันวาคม 2019 – 18 พฤษภาคม 2023
(3 ปี 5 เดือน 17 วัน)
ผู้ป่วยยืนยันสะสม 688,579,069 คน
หาย 660,957,571 คน
เสียชีวิต 6,876,409 คน
ดินแดน 223 ดินแดน

การระบาดทั่วของโควิด-19 เป็นการระบาดทั่วโลกที่กำลังดำเนินไปของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19; โควิด-19) โดยมีสาเหตุมาจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เริ่มต้นขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 โดยพบครั้งแรกในนครอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีนองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้การระบาดนี้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ ในวันที่ 30 มกราคม 2563 และประกาศให้เป็นโรคระบาดทั่ว ในวันที่ 11 มีนาคม 2563

ไวรัสมีการแพร่เชื้อระหว่างคนในลักษณะเดียวกับไข้หวัดใหญ่ โดยผ่านการติดเชื้อจากละอองเสมหะจากการไอ ระยะระหว่างการสัมผัสเชื้อและมีอาการโดยทั่วไปแล้วอยู่ที่ 5 วัน แต่มีช่วงอยู่ระหว่าง 2 ถึง 14 วัน อาการที่พบบ่อย ได้แก่ มีไข้ ไอ และหายใจลำบาก ภาวะแทรกซ้อนอาจรวมไปถึงปอดบวม และกลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน โดยยังไม่มีวัคซีนที่ได้รับอนุญาตหรือยาต้านไวรัสจำเพาะ แต่กำลังมีการวิจัยอยู่ขณะนี้ การรักษาจึงพยายามมุ่งเป้าไปที่การจัดการกับอาการ และรักษาแบบประคับประคอง มาตรการป้องกันที่มีการแนะนำ คือ การล้างมือ การอยู่ห่างจากบุคคลอื่น (โดยเฉพาะกับบุคคลที่ป่วย) ติดตามอาการ และกักตนเองเป็นเวลา 14 วัน ในกรณีที่สงสัยว่าตนอาจติดเชื้อ

การตอบสนองทางสาธารณสุขทั่วโลก ประกอบด้วย การจำกัดการท่องเที่ยว การกักด่าน การห้ามออกจากเคหสถานเวลาค่ำคืน การยกเลิกการจัดงาน และการปิดสถานศึกษา นอกจากนี้ยังมีการกักด่านทั้งหมดของประเทศอิตาลีและมณฑลหูเป่ย์ของประเทศจีน และมีการใช้มาตรการการห้ามออกจากเคหสถานเวลาค่ำคืนอย่างหลากหลายในประเทศจีนและประเทศเกาหลีใต้ มีการคัดกรองตามท่าอากาศยานและสถานีรถไฟ และมีการออกคำแนะนำเกี่ยวกับการเดินทางไปยังภูมิภาคที่มีการแพร่เชื้อในระดับประชาคม มีการปิดสถานศึกษาทั่วประเทศหรือส่วนท้องถิ่นในอย่างน้อย 115 ประเทศ ส่งผลกระทบกับนักเรียนนักศึกษามากกว่า 1.2 พันล้านคน

การระบาดทั่วยังก่อให้เกิดอุบัติการณ์ ประกอบด้วย ความไม่มั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจอาการกลัวคนแปลกหน้าและการเหยียดเชื้อชาติชาวจีนและชาวเอเชียตะวันออก และการแพร่กระจายของข้อมูลที่ผิด ๆ และทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับไวรัส

จำนวนผู้ป่วยที่พบโรคนี้ลดจำนวนลงเรื่อย ๆ และวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 อธิบดีองค์การอนามัยโลก เตโวโดรส อัดฮาโนม ได้ประกาศว่าการระบาดทั่วของโควิด-19 สิ้นสุดลงแล้ว ข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า มีเสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่า 6,921,601 คนทั่วโลก

วิทยาการระบาด

ประเทศและดินแดน ผู้ป่วย เสียชีวิต อ้างอิง
252 765,222,168 6,921,601
Flag of the United States.svg สหรัฐ 103,266,404 1,124,063
Flag of the People's Republic of China.svg สาธารณรัฐประชาชนจีน 99,248,443 120,961
Flag of India.svg อินเดีย 44,952,996 531,564
Flag of France.svg ฝรั่งเศส 38,930,489 162,868
Flag of Germany.svg เยอรมนี 38,403,667 173,044
Flag of Brazil.svg บราซิล 37,449,418 701,494
Flag of Japan.svg ญี่ปุ่น 33,720,739 74,542
Flag of South Korea.svg เกาหลีใต้ 31,176,660 34,487
Flag of Italy.svg อิตาลี 25,788,387 189,738
Flag of the United Kingdom (3-5).svg สหราชอาณาจักร 24,581,706 224,106
Flag of Russia.svg รัสเซีย 22,858,855 398,366
Flag of Turkey.svg ตุรกี 17,004,677 101,419
Flag of Spain.svg สเปน 13,825,052 120,715
Flag of Vietnam.svg เวียดนาม 11,561,848 43,191
Flag of Australia.svg ออสเตรเลีย 11,210,651 20,119
Flag of Argentina.svg อาร์เจนตินา 10,044,957 130,472
Flag of the Republic of China.svg ไต้หวัน 9,970,937 17,672
Flag of the Netherlands.svg เนเธอร์แลนด์ 8,610,372 22,992
Flag of Iran.svg อิหร่าน 7,607,744 146,058
Flag of Mexico.svg เม็กซิโก 7,587,447 333,908
Flag of Indonesia.svg อินโดนีเซีย 6,776,984 161,327
Flag of Poland.svg โปแลนด์ 6,513,979 119,555
Flag of Colombia.svg โคลอมเบีย 6,364,636 142,713
Flag of Austria.svg ออสเตรีย 6,065,711 22,372
Flag of Greece.svg กรีซ 6,018,544 36,754
Flag of Portugal.svg โปรตุเกส 5,581,619 26,575
Flag of Ukraine.svg ยูเครน 5,529,459 112,128
Flag of Chile.svg ชิลี 5,283,908 61,384
Flag of Malaysia.svg มาเลเซีย 5,071,840 37,020
Flag of Israel.svg อิสราเอล 4,822,313 12,493
Flag of Belgium.svg เบลเยียม 4,793,425 34,237
Flag of Thailand.svg ไทย 4,732,301 33,957
Flag of Canada.svg แคนาดา 4,659,971 52,121
Flag of the Czech Republic.svg เช็กเกีย 4,640,354 42,767
Flag of Peru.svg เปรู 4,501,130 220,122
 Flag of Switzerland (with spacing).svg สวิสเซอร์แลนด์ 4,402,432 13,995
Flag of North Korea.svg เกาหลีเหนือ 4,304,380 80
Flag of the Philippines.svg ฟิลิปปินส์ 4,092,158 66,444
Flag of South Africa.svg แอฟริกาใต้ 4,072,533 102,595
Flag of Denmark.svg เดนมาร์ก 3,411,909 8,556
Flag of Romania.svg โรมาเนีย 3,393,902 68,089
Flag of Hong Kong.svg ฮ่องกง 2,876,106 13,466
Flag of Sweden.svg สวีเดน 2,706,122 24,070
Flag of Serbia.svg เซอร์เบีย 2,534,886 18,021
Flag of Iraq.svg อิรัก 2,465,545 25,375
Flag of Singapore.svg สิงคโปร์ 2,368,597 1,722
Flag of New Zealand.svg นิวซีแลนด์ 2,251,440 2,736
Flag of Hungary.svg ฮังการี 2,201,355 48,762
Flag of Bangladesh.svg บังกลาเทศ 2,038,250 29,446
Flag of Slovakia.svg สโลวาเกีย 1,866,470 21,167
Flag of Georgia.svg จอร์เจีย 1,840,187 17,059
Flag of Jordan.svg จอร์แดน 1,746,997 14,122
Flag of Ireland.svg ไอร์แลนด์ 1,710,302 8,849
Flag of Pakistan.svg ปากีสถาน 1,580,631 30,656
Flag of Kazakhstan.svg คาซัคสถาน 1,502,667 19,072
Flag of Norway.svg นอร์เวย์ 1,483,222 5,435
Flag of Finland.svg ฟินแลนด์ 1,473,603 9,308
Flag of Slovenia.svg สโลวีเนีย 1,343,485 9,304
Flag of Lithuania.svg ลิทัวเนีย 1,318,513 9,668
Flag of Bulgaria.svg บัลแกเรีย 1,304,393 38,328
Flag of Morocco.svg โมร็อกโก 1,273,463 16,297
Flag of Croatia.svg โครเอเชีย 1,272,886 18,180
Flag of Guatemala.svg กัวเตมาลา 1,248,171 20,189
Flag of Lebanon.svg เลบานอน 1,236,702 10,900
Flag of Costa Rica.svg คอสตาริกา 1,228,659 9,351
Flag of Bolivia.svg โบลิเวีย 1,197,239 22,377
Flag of Tunisia.svg ตูนิเซีย 1,152,612 29,387
Flag of Puerto Rico.svg ปวยร์โตรีโก 1,116,823 5,891
Flag of Cuba.svg คิวบา 1,113,088 8,530
Flag of the United Arab Emirates.svg สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1,062,321 2,349
Flag of Ecuador.svg เอกวาดอร์ 1,061,100 36,019
Flag of Uruguay.svg อุรุกวัย 1,037,893 7,625
Flag of Panama.svg ปานามา 1,036,733 8,621
Flag of Mongolia.svg มองโกเลีย 1,007,970 2,136
 Flag of Nepal (with spacing, aspect ratio 4-3).svg เนปาล 1,003,004 12,030
Flag of Belarus.svg เบลารุส 994,037 7,118
Flag of Latvia.svg ลัตเวีย 977,667 6,346
Flag of Saudi Arabia.svg ซาอุดีอาระเบีย 840,337 9,643
Flag of Azerbaijan.svg อาเซอร์ไบจาน 831,386 10,242
Flag of Paraguay.svg ปารากวัย 735,759 19,880
Flag of Palestine.svg ปาเลสไตน์ 703,228 5,708
Flag of Bahrain.svg บาห์เรน 696,614 1,536
Flag of Sri Lanka.svg ศรีลังกา 672,177 16,843
Flag of Kuwait.svg คูเวต 665,741 2,570
Flag of the Dominican Republic.svg สาธารณรัฐโดมินิกัน 661,045 4,384
Flag of Cyprus.svg ไซปรัส 658,450 1,354
Flag of Myanmar.svg พม่า 635,102 19,492
Flag of Moldova.svg มอลโดวา 620,253 12,112
Flag of Estonia.svg เอสโตเนีย 618,173 3,001
Flag of Venezuela.svg เวเนซุเอลา 552,578 5,856
Flag of Egypt.svg อียิปต์ 515,970 24,826
Flag of Libya.svg ลิเบีย 507,250 6,437
Flag of Qatar.svg กาตาร์ 506,323 690
Flag of Ethiopia.svg เอธิโอเปีย 500,837 7,574
Flag of Honduras.svg ฮอนดูรัส 472,533 11,112
Flag of Armenia.svg อาร์มีเนีย 449,062 8,747
Flag of Bosnia and Herzegovina.svg บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา 402,848 16,337
Flag of Oman.svg โอมาน 399,449 4,628
Flag of North Macedonia.svg มาซิโดเนียเหนือ 348,142 9,673
Flag of Zambia.svg แซมเบีย 343,910 4,058
Flag of Kenya.svg เคนยา 343,060 5,688
Flag of Albania.svg แอลเบเนีย 334,090 3,604
Flag of Botswana.svg บอตสวานา 329,852 2,796
Flag of Luxembourg.svg ลักเซมเบิร์ก 319,959 1,232
Flag of Mauritius.svg มอริเชียส 301,096 1,046
Flag of Montenegro.svg มอนเตเนโกร 289,292 2,808
Flag of Brunei.svg บรูไน 288,051 157
Flag of Kosovo.svg คอซอวอ 273,852 3,206
Flag of Algeria.svg แอลจีเรีย 271,719 6,881
Flag of Nigeria.svg ไนจีเรีย 266,675 3,155
Flag of Zimbabwe.svg ซิมบับเว 264,685 5,686
Flag of Uzbekistan.svg อุซเบกิสถาน 253,009 1,637
Flag of Mozambique.svg โมซัมบิก 233,417 2,243
Flag of Laos.svg ลาว 218,077 671
Flag of Afghanistan (2013–2021).svg อัฟกานิสถาน 214,880 7,892
Flag of Iceland.svg ไอซ์แลนด์ 209,191 260
Flag of Kyrgyzstan.svg คีร์กีซสถาน 206,888 2,991
Flag of El Salvador.svg เอลซัลวาดอร์ 201,785 4,230
Flag of Trinidad and Tobago.svg ตรินิแดดและโตเบโก 191,350 4,387
Flag of Maldives.svg มัลดีฟส์ 186,435 313
Flag of Ghana.svg กานา 171,653 1,462
Flag of Namibia.svg นามิเบีย 171,222 4,090
Flag of Uganda.svg ยูกันดา 170,602 3,632
Flag of Jamaica.svg จาเมกา 154,786 3,536
Flag of Cambodia.svg กัมพูชา 138,733 3,056
Flag of Rwanda.svg รวันดา 133,194 1,468
Flag of Cameroon.svg แคเมอรูน 124,983 1,971
Flag of Malta.svg มอลตา 118,524 835
Flag of Barbados.svg บาร์เบโดส 107,466 588
Flag of Angola.svg แองโกลา 105,384 1,934
Flag of the Democratic Republic of the Congo.svg สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก  96,212 1,464
Flag of Senegal.svg เซเนกัล 88,997 1,971
Flag of Malawi.svg มาลาวี 88,638 2,686
Flag of Côte d'Ivoire.svg โกตดิวัวร์ 88,325 834
Flag of Suriname.svg ซูรินาม 82,495 1,404
Flag of France.svg นิวแคลิโดเนีย 80,058 314
Flag of French Polynesia.svg เฟรนช์พอลินีเชีย 78,488 649
Flag of Eswatini.svg เอสวาตีนี 74,627 1,425
Flag of Guyana.svg กายอานา 73,162 1,298
Flag of Belize.svg เบลีซ 70,782 688
Flag of Fiji.svg ฟีจี 68,918 883
Flag of Madagascar.svg มาดากัสการ์ 68,236 1,424
Flag of Jersey.svg เจอร์ซีย์ 66,391 161
Flag of Sudan.svg ซูดาน 63,993 5,046
Flag of Mauritania.svg มอริเตเนีย 63,617 997
Flag of Cape Verde.svg กาบูเวร์ดี 63,473 413
Flag of Bhutan.svg ภูฏาน 62,666 21
Flag of Syria.svg ซีเรีย 57,423 3,163
Flag of Burundi.svg บุรุนดี 53,740 15
Flag of Guam.svg กวม 51,179 413
Flag of Seychelles.svg เซเชลส์ 50,937 172
Flag of Transnistria (state).svg ทรานส์นีสเตรีย 49,186 1,192
Flag of Gabon.svg กาบอง 48,981 306
Flag of Andorra.svg อันดอร์รา 47,974 159
Flag of Papua New Guinea.svg ปาปัวนิวกินี 46,842 670
Flag of Curaçao.svg กือราเซา 45,798 301
Flag of Aruba.svg อารูบา 44,114 287
Flag of Tanzania.svg แทนซาเนีย 42,973 846
Flag of Togo.svg โตโก 39,487 290
Flag of Donetsk People's Republic.svg สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ 38,851 2,927
Flag of Guinea.svg กินี 38,462 467
Flag of the Bahamas.svg บาฮามาส 38,084 844
Flag of the Isle of Man.svg ไอล์ออฟแมน 38,008 116
Flag of Guernsey.svg เกิร์นซีย์ 35,326 67
Flag of the Faroe Islands.svg หมู่เกาะแฟโร 34,658 28
Flag of Lesotho.svg เลโซโท 34,490 706
Flag of Haiti.svg เฮติ 34,228 860
Flag of Mali.svg มาลี 33,144 743
Flag of the Cayman Islands.svg หมู่เกาะเคย์แมน 31,472 37
Flag of Saint Lucia.svg เซนต์ลูเชีย 30,052 409
Flag of Benin.svg เบนิน 28,014 163
Flag of Somalia.svg โซมาเลีย 27,334 1,361
Flag of the Federated States of Micronesia.svg สหพันธรัฐไมโครนีเซีย 26,080 64
Flag of the Republic of the Congo.svg สาธารณรัฐคองโก 25,192 389
Flag of the United States Virgin Islands.svg หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐ 24,919 130
Flag of the Solomon Islands.svg หมู่เกาะโซโลมอน 24,575 153
Flag of San Marino.svg ซานมารีโน 24,132 125
Flag of East Timor.svg ติมอร์-เลสเต 23,428 138
Flag of Burkina Faso.svg บูร์กินาฟาโซ 22,056 396
Flag of Liechtenstein.svg ลิกเตนสไตน์ 21,464 87
Flag of Gibraltar.svg ยิบรอลตาร์ 20,550 113
Flag of Grenada.svg เกรเนดา 19,693 238
Flag of Bermuda.svg เบอร์มิวดา 18,860 165
Flag of South Sudan.svg ซูดานใต้ 18,368 138
Flag of Tajikistan.svg ทาจิกิสถาน 17,786 125
Flag of Equatorial Guinea.svg อิเควทอเรียลกินี 17,130 183
Flag of Tonga.svg ตองงา 16,814 12
Flag of Monaco.svg โมนาโก 16,749 67
Flag of Samoa.svg ซามัว 16,737 31
Flag of the Marshall Islands.svg สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ 16,081 17
Flag of Dominica.svg โดมินิกา 15,760 74
Flag of Nicaragua.svg นิการากัว 15,697 245
Flag of Djibouti.svg จิบูตี 15,690 189
Flag of the Central African Republic.svg สาธารณรัฐแอฟริกากลาง 15,367 113
Flag of the Republic of Abkhazia.svg อับคาเซีย 15,292 230
Flag of the Northern Mariana Islands.svg หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา 13,839 41
Flag of The Gambia.svg แกมเบีย 12,626 372
Flag of Vanuatu.svg วานูอาตู 12,016 14
Flag of Greenland.svg กรีนแลนด์ 11,971 21
Flag of Yemen.svg เยเมน 11,945 2,159
Flag of Sint Maarten.svg ซินต์มาร์เติน 11,030 92
Flag of Eritrea.svg เอริเทรีย 10,189 103
Flag of Saint Vincent and the Grenadines.svg เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ 9,611 124
Flag of Niger.svg ไนเจอร์ 9,513 315
Flag of Guinea-Bissau.svg กินี-บิสเซา 9,350 176
Flag of the Comoros.svg คอโมโรส 9,109 160
Flag of Antigua and Barbuda.svg แอนติกาและบาร์บูดา 9,106 146
Flag of American Samoa.svg อเมริกันซามัว 8,329 34
Flag of Liberia.svg ไลบีเรีย 8,090 294
Flag of Chad.svg ชาด 7,820 194
Flag of Sierra Leone.svg เซียร์ราลีโอน 7,762 125
Flag of the British Virgin Islands.svg หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน 7,305 64
Flag of the Turkish Republic of Northern Cyprus.svg นอร์เทิร์นไซปรัส 7,139 33
Flag of the Cook Islands.svg หมู่เกาะคุก 7,062 2
Flag of Saint Kitts and Nevis.svg เซนต์คิตส์และเนวิส 6,598 46
Flag of the Turks and Caicos Islands.svg หมู่เกาะเติกส์และเคคอส 6,565 38
Flag of São Tomé and Príncipe.svg เซาตูเมและปรินซีปี 6,562 80
Flag of Palau.svg ปาเลา 5,999 9
Flag of Nauru.svg นาอูรู 5,393 1
Flag of Kiribati.svg คิริบาส 5,025 24
Flag of the Luhansk People's Republic.svg สาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์ 4,723 437
Flag of Somaliland.svg โซมาลีแลนด์ 4,608 311
Flag of Anguilla.svg แองกวิลลา 3,904 12
Flag of Macau.svg มาเก๊า 3,514 121
Flag of Wallis and Futuna.svg วาลิสและฟูตูนา 3,427 7
Flag of France.svg แซงปีแยร์และมีเกอลง 3,426 2
Flag of South Ossetia.svg เซาท์ออสซีเชีย 3,339 60+
Flag of Tuvalu.svg ตูวาลู 2,779
Flag of Artsakh.svg สาธารณรัฐอาร์ทซัค 2,751 31
Flag of Saint Helena.svg เซนต์เฮเลนา อัสเซนชัน และตริสตันดากูนยา 2,166
Flag of the Falkland Islands.svg หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ 1,923
Flag of Bonaire.svg โบแนเรอ 1,586 17
Flag of Montserrat.svg มอนต์เซอร์รัต 1,403 8
Flag of Niue.svg นีอูเอ 747
Flag of the Sahrawi Arab Democratic Republic.svg สาธารณรัฐประชาธิปไตยอาหรับซาห์ราวี 732 42
Flag of the Antarctic Treaty.svg แอนตาร์กติกา 58 0
Flag of the Vatican City.svg นครรัฐวาติกัน 26 0
Flag of Sint Eustatius.svg ซินต์เอิสตาซียึส 20 0
Flag of Saba.svg ซาบา 7 0
Flag of the Commissioner of the British Indian Ocean Territory.svg บริติชอินเดียนโอเชียนเทร์ริทอรี 5 0
Flag of Tokelau.svg โตเกเลา 5 0
Flag of the Pitcairn Islands.svg หมู่เกาะพิตแคร์น 4
Flag of the United States.svg อ่าวกวนตานาโม 2 0
พาหนะระหว่างประเทศ 
Flugzeugträger Silhouette.svg เรือยูเอสเอส ทีโอดอร์รูสเวลต์ 1,102 1
Flugzeugträger Silhouette.svg เรือชาร์ลเดอโกล 1,081 0
Cruise ship side view.svg เรือไดมอนด์พรินเซส 712 14
Cruise ship side view.svg เรือคอสตาแอตแลนติกา 148 0
Cruise ship side view.svg เรือเกร็กมอร์ติเมอร์ 128 1
Cruise ship side view.svg เรือเอ็มเอส ซานดัม 13 4
Cruise ship side view.svg เรือคอรัลพรินเซส 12 3
Cruise ship side view.svg เรือซีดรีมวัน 9 0
Sub.svg เรือฮาเอ็นเอลเอ็มเอส ดลแฟง 8 0
ณ วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2566
 หมายเหตุ 

ในปลายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 โดยที่ผู้ติดเชื้อกลุ่มแรกจำนวนมากมีความเชื่อมโยงกับตลาดค้าอาหารทะเลหฺวาหนานมาก่อน ชี้ให้เห็นว่าไวรัสดังกล่าว "น่าจะมีต้นกำเนิดมาจากสัตว์" ไวรัสที่ก่อให้เกิดการระบาดนั้นรู้จักกันในชื่อ SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นไวรัสใหม่ที่สัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับไวรัสโคโรนาในค้างคาว ไวรัสโคโรนาในลิ่น และไวรัสโคโรนาสายพันธุ์กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง โดยเชื่อว่าไวรัสอาจมีต้นกำเนิดมาจากค้างคาวในสกุลค้างคาวมงกุฎ

อาการแรกสุดมีรายงานในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ในบุคคลที่ไม่ได้มีการสัมผัสกับตลาดค้าอาหารทะเลหฺวาหนานหรืออีก 40 คนที่เหลือของกลุ่มผู้มีอาการครั้งแรกจากไวรัส ขณะที่ 2 ใน 3 ของกลุ่มแรกนี้พบว่ามีความเชื่อมโยงกับตลาดสดซึ่งค้าสัตว์มีชีวิตแห่งนี้

องค์การอนามัยโลกประกาศให้การระบาดนี้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 30 มกราคม โดยเทดรอส อัดเฮนอม ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ยังคงกล่าวชื่นชมการตอบสนองของประเทศจีนต่อไวรัส เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ว่า "เป็นการหลีกเลี่ยงการมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย" แม้ว่าโรคจะมีศักยภาพในการแพร่ภายในท้องถิ่นในบริเวณอื่น ๆ ของโลกด้วยก็ตาม

ในช่วงเริ่มแรก จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในทุก ๆ เจ็ดวันครึ่ง ในช่วงต้นและกลางเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 ไวรัสเกิดการแพร่กระจายไปยังมณฑลอื่น ๆ ของประเทศจีน ผ่านการโยกย้ายของประชากรในช่วงตรุษจีน และเนื่องจากนครอู่ฮั่นเป็นศูนย์กลางการขนส่งในประเทศจีน ผู้ติดเชื้อจึงเดินทางไปได้อย่างรวดเร็วทั่วประเทศ

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 องค์การอนามัยโลกรายงานว่า จากการที่ผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศจีนลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศอิตาลี ประเทศอิหร่าน และประเทศเกาหลีใต้ ทำให้จำนวนผู้ป่วยรายใหม่นอกประเทศจีนเพิ่มสูงกว่าจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศจีนเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังมีรายงานการพบในเด็ก ซึ่งพบได้ "น้อยมาก" ด้วย จากรายงานขององค์การอนามัยโลกระบุว่า มีผู้ป่วยที่อายุ 19 ปี และต่ำกว่าเพียงร้อยละ 2.4 จากจำนวนผู้ป่วยทั่วโลก

การวิเคราะห์วิทยาการระบาดของการระบาดทั่ว ทำให้องค์การอนามัยโลกและหลายรัฐบาลยอมรับว่าเหตุนี้เป็นการระบาดทั่วครั้งแรก ที่สามารถควบคุมได้อย่างน้อยในหลายภูมิภาคของโลก

ในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ซึ่งตรงกับวันสิ้นปี รายงานจำนวนผู้เสียชีวิต ทั่วโลก ตั้งแต่ เวลามาตรฐานกรีนิช 23:59 น. รายงานผู้เสียชีวิตที่ 1,824,074 ราย

ในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ซึ่งตรงกับวันสิ้นปี รายงานจำนวนผู้เสียชีวิต ทั่วโลก รายงานผู้เสียชีวิตที่ 5,453,867 ราย

การเสียชีวิต

ผู้ที่เสียชีวิตจากโรค มีระยะเวลาตั้งแต่การพัฒนาอาการของโรคโควิด-19 ไปจนถึงแก่ชีวิตนั้นมีช่วงอยู่ระหว่าง 6 ถึง 41 วัน โดยมีมัธยฐานอยู่ที่ 14 วัน

ณ วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2563 มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 7,900 คน จากโควิด-19 จากข้อมูลของ NHC ประเทศจีนพบว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ประมาณร้อยละ 80 ของผู้เสียชีวิตพบว่าเป็นผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 60 ปี และร้อยละ 75 มีภาวะทางสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว เช่น เบาหวาน และโรคหัวใจหลอดเลือด

มีการยืนยันผู้เสียชีวิตรายแรกในวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2563 ในนครอู่ฮั่น ส่วนผู้เสียชีวิตนอกประเทศจีนรายแรกเกิดขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และผู้ป่วยนอกเอเชียรายแรกเกิดขึ้นในกรุงปารีส วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ผู้เสียชีวิตมากกว่าสิบสองรายนอกประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เกิดขึ้นในประเทศอิหร่าน ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศอิตาลี วันที่ 13 มีนาคม มีรายงานผู้เสียชีวิตมากกว่า 40 ประเทศและดินแดน ในทุกทวีป (ยกเว้นทวีปแอนตาร์กติกา)

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 รายงานผู้เสียชีวิต ทั่วโลก เวลามาตรฐานกรีนิช 08:37 น. จำนวน 5,949,015 ราย นอกจากนั้นมีจำนวน 16 ประเทศที่มีผู้เสียมากกว่า 100000 ราย โดยประเทศยูเครน ซึ่งอยู่ระหว่างวิกฤตการณ์รัสเซีย–ยูเครน (พ.ศ. 2564–2565) เป็นอันดับที่ 16 จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 105,505 ราย

แผนภาพ

อาการและอาการแสดง

ดูบทความหลักที่: โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
อาการ %
ไข้ 87.9%
ไอแห้ง 67.7%
ล้า 38.1%
มีเสมหะ 33.4%
หายใจลำบาก 18.6%
ปวดกล้ามเนื้อหรือปวดในข้อ 14.8%
เจ็บคอ 13.9%
ปวดศีรษะ 13.6%
หนาวสะท้าน 11.4%
คลื่นไส้หรืออาเจียน 05.0%
คัดจมูก 04.8%
อาการท้องร่วง 03.7%
ไอเป็นเลือด 00.9%
การคั่งในเยื่อตา 00.8%
อาการของโควิด-19
หยุดการแพร่เชื ้อโรค

อาการของโรคโควิด-19 นั้นไม่เจาะจงและผู้ติดเชื้ออาจไม่แสดงอาการหรือมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ได้ เช่น ไข้ ไอ ล้า หายใจลำบาก หรือปวดกล้ามเนื้อ โดยอาการทั่วไปและความชุกแสดงไว้ดังตาราง

การพัฒนาต่อไปของโรคอาจนำไปสู่การปอดบวม กลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ ช็อกเหตุพิษติดเชื้อ และเสียชีวิตได้ ผู้ติดเชื้อบางรายอาจไม่มีการแสดงอาการ ซึ่งให้ผลการทดสอบที่ยืนยันว่าติดเชื้อแต่ไม่มีอาการแสดง ดังนั้น นักวิจัยจึงได้ออกคำแนะนำว่าบุคคลที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อแล้ว ควรมีการติดตามและทดสอบการติดเชื้ออย่างใกล้ชิด

ระยะฟักตามปกติ (เวลาระหว่างที่ได้รับเชื้อและมีอาการเกิดขึ้น) มีช่วงตั้งแต่ 1 ถึง 14 วัน โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 5 วัน อย่างไรก็ตาม มีการรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อรายหนึ่งที่มีระยะฟักถึง 27 วัน

สาเหตุ

การแพร่เชื้อ

วีดีโออภิปรายค่าระดับการติดเชื้อพื้นฐานและอัตราป่วยตายในบริบทของการระบาดทั่วของโรคโควิด-19

การแพร่เชื้อหลักนั้นเป็นการแพร่ผ่านละอองเสมหะ (droplets) ที่บุคคลขับออกมา เช่น เมื่อไอหรือจาม ละอองเสมหะจะค้างอยู่ในอากาศเป็นช่วงสั้น ๆ เท่านั้น แต่อาจคงอยู่ต่อได้บนพื้นผิวที่เป็นโลหะ แก้ว หรือพลาสติก รายละเอียดของไวรัสโควิด-19 นั้นไม่มีเพิ่มเติมตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 และมีการสันนิษฐานว่ามันนั้นคล้ายไวรัสโคโรนาอื่น ซึ่งสามารถอยู่รอดได้นานถึงเก้าวันที่อุณหภูมิห้องสารฆ่าเชื้อที่ใช้บนพื้นผิวอาจใช้สาร เช่น เอทานอล 62–71% บนพื้นผิวเป็นเวลาหนึ่งนาที

องค์การอนามัยโลกระบุว่าความเสี่ยงของการแพร่จากบุคคลที่ไม่มีอาการนั้น "ต่ำมาก" และการส่งผ่านอุจจาระนั้นก็ "ต่ำ" แต่การวิเคราะห์การติดเชื้อในประเทศสิงคโปร์และเมืองเทียนจิน ประเทศจีน ได้เปิดเผยว่าการติดเชื้อไวรัสโคโรนาในหลายคนอาจแพร่ผ่านคนที่เพิ่งติดเชื้อไวรัส และยังไม่ได้เริ่มแสดงอาการ การค้นพบนี้หมายความว่า การแยกกักบุคคลเมื่อเริ่มต้นรู้สึกป่วยนั้นมีประสิทธิภาพน้อยกว่าที่คาดไว้

ค่าระดับการติดเชื้อพื้นฐาน (จำนวนเฉลี่ยของบุคคลที่บุคคลที่ติดเชื้อมีแนวโน้มจะแพร่ใส่) สำหรับการแพร่เชื้อระหว่างมนุษย์สู่มนุษย์ของไวรัสอยู่ที่ประมาณ 2.13 ถึง 4.82 ซึ่งคล้ายกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS-CoV)

วิทยาไวรัส

ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง 2 (SARS-CoV-2) เป็นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงสายพันธุ์ใหม่ ผู้ป่วยสายรายแรกที่ถูกแยกมีอาการปอดบวมที่เชื่อมกับกลุ่มของผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจในอู่ฮั่น เป็นสาเหตุของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

SARS-CoV-2 มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ SARS-CoV แรกเริ่ม โดยมีแนวคิดว่ามีต้นกำเนิดมาจากสัตว์ (zoonotic) การวิเคราะห์ทางพันธุกรรม เปิดเผยว่ากลุ่มพันธุกรรมของไวรัสโคโรนากับสกุลเบตาไวรัสโคโรนา ในสกุลย่อยซาร์เบโคไวรัส (เชื้อสาย B) ร่วมกับไวรัสโคโรนาสองสายพันธุ์ที่ได้จากค้างคาว พบว่ามีความเหมือนกันในระดับจีโนมทั้งหมดร้อยละ 96 กับไวรัสโคโรนาตัวอย่างอื่น (BatCov RaTG13) ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 นักวิจัยชาวจีนพบว่า มีความแตกต่างของกรดอะมิโนเพียงตัวเดียวในลำดับจีโนมบางอย่าง ระหว่างไวรัสที่พบในตัวลิ่นและจากมนุษย์ ซึ่งหมายความว่า ตัวลิ่น อาจเป็นพาหะขั้นกลางของไวรัส

การวินิจฉัย

การติดเชื้อไวรัสนั้นสามารถวินิจฉัยเป็นการชั่วคราวบนพื้นฐานของอาการ โดยการยืนยันการติดเชื้อในท้ายที่สุดแล้วจะใช้ปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรสแบบย้อนกลับ (rRT-PCR) จากสิ่งคัดหลั่งที่ติดเชื้อ (ความไวร้อยละ 71) และการใช้การถ่ายภาพรังสีส่วนตัดอาศัยคอมพิวเตอร์ (CT scan) (ความไวร้อยละ 98)

การทดสอบไวรัส

องค์การอนามัยโลกเผยแพร่เกณฑ์วิธีการทดสอบอาร์เอ็นเอสำหรับ SARS-CoV-2 มาหลายฉบับ โดยฉบับแรกเมื่อวันที่ 17 มกราคม ซึ่งใช้ปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรสแบบย้อนกลับแบบตามเวลาจริง การทดสอบสามารถทำได้โดยใช้ตัวอย่างจากระบบหายใจหรือเลือด และโดยทั่วไป ผลจะพร้อมใช้ได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงจนถึงเป็นวัน

บุคคลที่ถือว่ามีความเสี่ยง หากมีการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดภายใน 14 วันก่อนหน้า หรือมีการสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ จะมีตัวชี้วัดที่สำคัญ ได้แก่ มีไข้ ไอ หายใจลำบาก ส่วนตัวชี้วัดอื่น ๆ ได้แก่ ล้า อาการปวดกล้ามเนื้อ ภาวะเบื่ออาหาร มีเสมหะ และเจ็บคอ

การถ่ายภาพ

สมบัติการถ่ายภาพแบบการถ่ายภาพรังสีและการถ่ายภาพรังสีส่วนตัดอาศัยคอมพิวเตอร์ได้รับการอธิบายในผู้คิดเชื้อจำนวนจำกัด สมาคมรังสีวิทยาอิตาลีกำลังรวบรวมข้อมูลออนไลน์ระหว่างประเทศ เกี่ยวกับการถ่ายภาพที่นำไปสู่การค้นพบผู้ติดเชื้อยืนยัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการทับซ้อนกับการติดเชื้ออื่น เช่น Adenoviridae การถ่ายภาพโดยไม่มีการยืนยันโดยวิธี PCR จึงถูกใช้ยืนยันการป่วยโรคโควิด-19 อย่างจำกัด

การป้องกัน

อธิบายวิธีการหยุดการแพร่ของเชื้อโรค

คำแนะนำในการป้องกัน ได้แก่ การรักษาสุขอนามัยที่ดี เช่น ล้างมือเมื่อเหมาะสม หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตา จมูก หรือปากด้วยมือที่ไม่ได้ล้าง ไอและจามใส่กระดาษชำระและทิ้งกระดาษชำระนั้นลงถังขยะโดยตรง และ (สำหรับผู้ที่ติดเชื้อแล้ว) สวมหน้ากากในที่สาธารณะ มาตรการการทิ้งระยะทางสังคมก็เป็นหนึ่งในวิธีการที่แนะนำเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดด้วย

รัฐบาลหลายแห่งแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น ไปยังประเทศและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด ในประเทศจีนมีการห้ามการค้าและการบริโภคสัตว์ป่าด้วย

สำหรับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพที่ต้องดูแลบุคคลอื่น อาจดำเนินการตามข้อระวังมาตรฐานการติดเชื้อ (infected standard precautions) ข้อระวังการสัมผัส (contact precautions) และข้อระวังทางอากาศ (airborne precautions) โดยแนะนำให้ป้องกันดวงตา

ผู้สัมผัสโรค (contact tracing) เป็นวิธีการที่สำคัญสำหรับหน่วยงานสาธารณสุข ในการกำหนดแหล่งของการติดเชื้อ และป้องกันการแพร่ต่อของเชื้อ

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวิธีการป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ นั้นกำลังถูกเผยแพร่ไป เช่น การล้างจมูก การบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก และการกินกระเทียม ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสแต่อย่างใด

การล้างมือ

มีการแนะนำให้ล้างมือ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค โดยศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐ (CDC) แนะนำให้ล้างมือด้วยสบู่และน้ำให้บ่อยครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลาอย่างน้อย 20 วินาที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากเข้าห้องน้ำหรือเมื่อมือสกปรกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนรับประทานอาหาร และหลังจากไอหรือจาม นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเพิ่มเติมให้ใช้สารล้างมือที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์อย่างน้อยร้อยละ 60 โดยปริมาตร เมื่อไม่สามารถใช้สบู่และน้ำได้ องค์การอนามัยโลกยังแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตา จมูก หรือปากเมื่อไม่ได้ล้างมือด้วย

การเว้นระยะทางสังคม

การเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) รวมถึงการควบคุมการติดเชื้อ มีจุดมุ่งหมายในการชะลอการแพร่ระบาดของโรค ด้วยการลดการสัมผัสใกล้ชิดระหว่างบุคคลให้น้อยลง วิธีการนี้ประกอบด้วย การกักด่าน การจำกัดการเดินทาง และการปิดสถานศึกษา สถานที่ทำงาน สนามกีฬา โรงภาพยนตร์ หรือศูนย์การค้า โดยบุคคลอาจใช้การทิ้งระยะทางสังคม โดยการอยู่แต่บ้าน จำกัดการเดินทาง หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด ไม่สัมผัสมือผู้อื่น และทิ้งระยะทางกายจากผู้อื่น ขณะนี้หลายรัฐบาลกำลังสั่งการหรือแนะนำให้มีการทิ้งระยะทางสังคมในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด

ผู้สูงอายุที่ป่วยโรคเรื้อรังรุนแรงจะมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการป่วยรุนแรงและภาวะแทรกซ้อน โดย CDC ของสหรัฐแนะนำให้คนกลุ่มนี้หลีกเลี่ยงฝูงชนและอยู่แต่บ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในพื้นที่ที่เกิดการระบาดในระดับชุมชน

อนามัยทางเดินหายใจ

ผู้คนสวมใส่ผ้าปิดจมูกในกว่างโจว

องค์การด้านอนามัยแนะนำให้ปิดปากและจมูกโดยการงอศอกเข้ามาปิด หรือใช้กระดาษชำระเมื่อไอหรือจาม (ซึ่งกระดาษชำระนั้นควรกำจัดทิ่งในทันที)

มีการแนะนำให้ใช้ผ้าปิดจมูกในผู้ที่อาจติดเชื้อ เนื่องจากสามารถจำกัดปริมาณและระยะในการเดินทางของละอองเสมหะลงได้ เมื่อพูดตุย จาม และไอ โดยองค์การอนามัยโลกได้ออกคำแนะนำเกี่ยวกับเมื่อใดที่ควรใช้ผ้าปิดจมูกและควรใช้อย่างไร

นอกจากนี้ยังมีการใช้ผ้าปิดจมูกสำหรับผู้ที่ดูแลบุคคลที่อาจเป็นโรคด้วย นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพยังได้รับคำแนะนำให้สวมหน้ากากที่มีการป้องกันอย่างน้อยในระดับ N95 (ตามมาตรฐาน NIOSH), FFP2 (มาตรฐานสหภาพยุโรป) หรือเทียบเท่า นอกเหนือจากอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลอื่น ๆ

แต่หน้ากากนั้นไม่ได้มีการแนะนำสำหรับคนส่วนใหญ่ โดยมีหลักฐานอย่างจำกัดว่า การสวมผ้าปิดจมูกในบุคคลที่ไม่ติดเชื้อนั้นมีประสิทธิภาพต่ำ แม้ว่าอาจช่วยให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าได้ ผ้าปิดปาก (Surgical masks) นั้นมีระดับการป้องกันต่ำที่สุด และได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันผู้อื่นจากผู้สวมใส่เป็นหลัก หน้ากากที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันผู้สวมใส่เป็นทางเทคนิคเรียกว่า "เครื่องช่วยหายใจ" (respirators) แต่โดยทั่วไปแล้วจะเรียกว่า "หน้ากาก" (masks) โดยมีเพียงประเทศจีนเท่านั้น ที่มีการแนะนำให้ใช้หน้ากากในสาธารณชนที่มีสุขภาพดี อย่างไรก็ตาม การใช้หน้ากากอย่างกว้างขวางก็ถูกใช้โดยคนที่มีสุขภาพดีในฮ่องกง ประเทศญี่ปุ่น ประเทศมาเลเซีย และประเทศสิงคโปร์

การกักตัว

การกักตนเอง (self-isolation) ที่บ้านนั้นเป็นที่แนะนำสำหรับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19 และผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อ

เป็นที่เชื่อกันว่าไวรัสได้ไปถึงจุดที่มีการระบาดในชุมชนในส่วนใหญ่ของโลก ซึ่งหมายความว่า ไวรัสจะแพร่กระจายในชุมชนที่สมาชิกที่ไม่ได้เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง หน่วยงานด้านสุขภาพแนะนำให้บุคคลมีการกักตนเอง หากบุคคลเหล่านั้นมีอาการไออย่างต่อเนื่อง หรือมีไข้สูง โดยระยะเวลาการกักตนเองควรใช้เวลาอย่างน้อย 14 วัน แต่ควรนานกว่านั้น นอกจากนี้ บุคคลที่เพิ่งเดินทางไปยังประเทศที่มีการแพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง หรือผู้ที่มีการสัมผัสโดยตรงกับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยโรคโควิด-19 ก็จะถูกเรียกร้องจากหน้วยงานให้ทำการกักตนเอง หรือทิ้งระยะทางสังคมเป็นระยะเวลา 14 วัน นับตั้งแต่เวลาที่ได้สัมผัสที่เป็นไปได้ล่าสุด

บริการอนามัยแห่งชาติสหราชอาณาจักร (National Health Services) ได้แนะนำให้ผู้ที่กักตนเองที่บ้าน อยู่ให้ห่างจากผู้อื่นในบ้านเป็นระยะสองเมตร บุคคลที่กำลังกักตนเองควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้ที่กำลังกักตนเองควรล้างมือเป็นประจำเพื่อไม่ให้เป็นแพร่กระจายโรคไปสู่ผู้อื่นในบ้าน หรือบนพื้นผิวที่ผู้อื่นอาจจะสัมผัสได้ และตราบใดที่อาการไม่ได้แย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ควรติดต่อกับบริการด้านสุขภาพ

การวิจัยวัคซีน

ณ วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2563 ยังไม่มีวัคซีนต้านโควิด-19 ได้ บริษัทเอกชนและสถาบันวิจัยหลายแห่งกำลังพัฒนาวัคซีนขึ้น โดยโครงการวิจัยระดับนานาชาติ ซึ่งมีการประสานงานโดยพันธมิตรเพื่อการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาด ได้ให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนแก่ผู้สมัครที่เป็นไปได้จำนวนสามราย อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะไม่มีการทดลองทางคลินิกก่อนปี พ.ศ. 2564

การจัดการ

การระบาด

เป้าหมายของการบรรเทาชุมชน (1) ชะลอจุดสูงสุดของการระบาด (2) ลดภาระสูงสุดของสาธารณสุข ทำให้เส้นโค้งแบนลง (3) ลดจำนวนผู้ติดเชื้อและผลกระทบทางสุขภาพในภาพรวม

กลยุทธ์พื้นฐานสองข้อในการควบคุมการระบาด คือ การยับยั้ง (containment) และ การบรรเทา (mitigation) การยังยั้งจะกระทำในระยะแรกของการระบาด และมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการติดตามและแยกผู้ติดเชื้อออก เพื่อหยุดโรคมิให้แพร่กระจายไปยังประชากรส่วนที่เหลือ เมื่อไม่สามารถยับยั้งการแพร่ของโรคได้อีกต่อไป จะมีการเปลี่ยนความพยายามไปเป็นการบรรเทาแทน โดยมาตรการจะถูกนำมาใช้เพื่อลดการแพร่และบรรเทาผลกระทบจากการระบาดต่อระบบสาธารณสุขและสังคม การรวมกันของทั้งมาตรการการยับยั้งและการบรรเทาอาจถูกนำมาใช้ไปพร้อมกัน

ส่วนหนึ่งของการจัดการโรคระบาดติดเชื้อ คือการพยายามที่ลดลงจุดสูงสุดของการระบาด (epidemic peak) ลง เรียกว่า การทำให้เส้นโค้งการระบาดแบนลง (flattening the epidemic curve) โดยสิ่งนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของการบริการด้านสาธารณสุขที่กำลังจะพ่ายแพ้ และให้มีเวลาที่มากขึ้นในการพัฒนาวัคซีนและยารักษา

การแทรกแซงที่ไม่ใช่ทางเภสัชภัณฑ์ที่อาจจัดการการระบาดได้ ประกอบด้วย มาตรการการป้องกันส่วนบุคคล เช่น การรักษาสุขอนามัยของมือ การสวมหน้ากากอนามัย และการกักตนเอง มาตรการทางชุมชนที่มุ่งเน้นไปที่การทิ้งระยะทางสังคม เช่น การปิดสถานศึกษา และการยกเลิกกิจกรรมที่ทำให้เกิดการรวมกันของฝูงชน การทำข้อตกลงของชุมชนเพื่อให้มีการส่งเสริมยอมรับ และมีส่วนร่วมในการแทรกแซงดังกล่าว รวมไปถึงมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัส

การกระทำเหล่านี้รุนแรงมากขึ้นในประเทศจีน เมื่อความรุนแรงของการระบาดชัดเจนขึ้น เช่น มีการกักด่านเมืองทั้งเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชากร 60 ล้านคนในมณฑลหูเป่ย์ และการห้ามการท่องเที่ยวอย่างเข้มงวด ขณะที่ประเทศอื่นก็มีการใช้มาตรการที่หลากหลาย เพื่อกำจัดการแพร่ของไวรัส ตัวอย่างเช่น เกาหลีใต้มีการนำการตรวจคัดกรองมวลชน การกักด่านในท้องถิ่น และใช้การแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของบุคคลที่ได้รับผลกระทบมาใช้ สิงคโปร์ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ติดเชื้อที่ทำการกักตนเอง ในทางกลับกันก็มีการตั้งค่าปรับจำนวนมากสำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามเช่นกัน ไต้หวันเพิ่มการผลิตหน้ากาก และมีแนวทางการลงโทษสำหรับการกักตุนเวชภัณฑ์ ส่วนบางประเทศได้มีการกำหนดให้พลเมืองต้องรายงานอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ต่อแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเพิ่งมีการเดินทางไปยังจีนมา

การป่วย

ยังไม่มียาต้านไวรัสเฉพาะกับไวรัสนี้ แต่อยู่ในระหว่างการพยายามพัฒนา ความพยายามในการบรรเทาอาการจึงอาจประกอบด้วย การรับประทานยาแก้ไข้ตามปกติ (ยาที่สามารถซื้อขายกันได้โดยตรงโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์) การดื่มน้ำ และพักผ่อน อาจต้องใช้การรักษาด้วยออกซิเจน การฉีดเข้าหลอดเลือดดำ และการช่วยหายใจ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ส่วนการใช้สเตียรอยด์อาจทำให้ผลลัพธ์ออกมาแย่ลง และยังมีการตรวจสอบสารประกอบหลายชนิด ที่ซึ่งได้รับการอนุมัติให้ใช้สำหรับการรักษาไวรัสตัวอื่น เช่น ฟาวิพิราเวียร์, ไรบาวิริน, เรมเดซิเวียร์, และกาลิเดซิเวียร์

ประวัติ

กรณีผู้ป่วยในแต่ละประเทศ มาตราส่วนกึ่งเชิงลอการิทึม

มีหลายทฤษฎีว่าผู้ป่วยรายแรก (First case) หรือผู้ป่วยต้นปัญหา (Index Case) อาจเกิดที่ใด กรณีที่เป็นที่ทราบกันครั้งแรกของผู้ป่วยจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ถูกตรวจสอบย้อนกลับไปในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ในนครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน การกล่าวอ้างที่ไม่ยืนยันในภายหลังได้อ้างถึงเอกสารรัฐบาลจีนที่แสดงให้เห็นว่า ผู้ป่วยกรณีแรกเป็นชายอายุ 55 ปีที่ป่วยเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม กลุ่มแพทย์จากโรงพยาบาลกลางอู่ฮั่นนำโดย พญ. อ้าย เฟิน (艾芬) ได้เริ่มเผยแพร่การแจ้งเตือนเรื่อง "ไวรัสโคโรนา-คล้ายโรคซาร์ส" แพทย์ชาวจีนแปดคนถูกรัฐบาล จับกุมตัวในข้อหาแพร่ข่าวลือที่เป็นเท็จ รวมถึงนายแพทย์ หลี่ เหวินเลี่ยง (李文亮) ในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร เหรินวู่ (人物) อ้าย เฟิน กล่าวว่าเธอถูกตำหนิหลังจากแจ้งผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานของเธอเกี่ยวกับการพบกรณี ไวรัส-คล้ายโรคซาร์ส ในผู้ป่วยในเดือนธันวาคม

ภายในเดือนถัดมา จำนวนผู้ป่วยกรณีไวรัสโคโรนาในมณฑลหูเป่ย์ ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเป็นสองร้อยคนก่อนที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 ในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 มีการรายงานผู้ป่วยโรคปอดบวมที่ไม่ทราบสาเหตุจำนวนหนึ่งต่อหน่วยงานด้านสุขภาพในนครอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย์ ซึ่งทำให้เกิดการเริ่มต้นสอบสวนโรค กรณีเหล่านี้ส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับตลาดขายส่งอาหารทะเลหวฺหนาน ซึ่งขายสัตว์มีชีวิตด้วย ดังนั้นจึงเชื่อว่าโรคจากไวรัสนี้เป็นโรครับจากสัตว์

ในช่วงแรกของการระบาดจำนวนผู้ป่วยเพิ่มเป็นสองเท่าทุก 7 1/2 วัน ในช่วงต้นและกลางเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 ไวรัสแพร่กระจายไปยังมณฑลอื่น ๆ ของจีน โดยอาจเกิดจากช่วงเวลาชุน-ยฺวิ่น หรือการเดินทางในช่วงเทศกาลตรุษจีน เมื่อวันที่ 20 มกราคม จีนได้รายงานผู้ป่วยรายใหม่เกือบ 140 กรณีในหนึ่งวัน รวมถึงสองรายในนครปักกิ่ง และอีกหนึ่งรายในเชินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง ข้อมูลอย่างเป็นทางการในภายหลังได้แสดงว่ามี 6,174 คนที่มีอาการป่วยแล้วภายในวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2563

เมื่อวันที่ 10 มกราคมจากรายงานของทางการจีน องค์การอนามัยโลกได้ออกคำแนะนำการเดินทางเพื่อขอให้นักท่องเที่ยวปฏิบัติตามแนวทาง "เพื่อลดความเสี่ยงโดยทั่วไปของการติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน ขณะเดินทางในหรือจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ (นครอู่ฮั่น)" ในขณะที่ข้อสังเกตรูปแบบของการแพร่กระจายของไวรัสนั้นไม่ชัดเจน แต่ก็ไม่แนะนำให้ใช้ "การใช้การ จำกัดการเดินทางหรือการค้ากับจีน" เมื่อวันที่ 12 มกราคม ตามข้อมูลเพิ่มเติมจากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน ทาง WHO ระบุว่า "ในขั้นตอนนี้ไม่มีการติดเชื้อในหมู่คนทำงานด้านการดูแลสุขภาพ และไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามนุษย์มีการถ่ายทอดสู่มนุษย์"

ในวันที่ 13 มกราคม กรณีผู้ติดเชื้อไวรัสที่ทราบกันเป็นครั้งแรกนอกประเทศจีนได้รับการยืนยันในประเทศไทย โดยเป็นกรณีนักเดินทางชาวจีน องค์การอนามัยโลกระบุว่าคาดว่าจะมีกรณีเช่นนี้และเรียกร้องให้ "มีการติดตามและเตรียมความพร้อมในประเทศอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง" เมื่อวันที่ 20 มกราคมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนยืนยันว่า การติดเชื้อโรค COVID-19 จากมนุษย์สู่มนุษย์ได้ปรากฏขึ้นแล้ว เมื่อวันที่ 24 มกราคม องค์การอนามัยโลก ได้ปรับปรุงคำแนะนำการเดินทาง โดยแนะนำการคัดกรองการผ่านเข้าออกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ในขณะที่ยังคงให้คำแนะนำต่อการจำกัดการเดินทาง เมื่อวันที่ 27 มกราคม WHO ประเมินความเสี่ยงของโรค COVID-19 ว่า "สูงในระดับโลก"

เมื่อวันที่ 30 มกราคม องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศว่าการแพร่ระบาดของโรคเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ โดยเตือนว่า "ทุกประเทศควรเตรียมพร้อมสำหรับการกักกันโรค รวมถึงการเฝ้าระวังอย่างแข็งขัน การตรวจหาเชื้อแต่เนิ่น ๆ การแยกผู้ป่วยและการจัดการรายกรณี การติดตามการติดต่อของผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย และการป้องกันการเพิ่มการแพร่กระจายโรค

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก เทดรอส อัดเฮนอม เตือนว่าไวรัสอาจกลายเป็น "โรคระบาดทั่ว (Pandemic)" เนื่องจากมีผู้ป่วยนอกประเทศจีนเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ WHO ได้เพิ่มการประเมินความเสี่ยงของการแพร่ระบาดไปทั่วโลกว่า "สูงมาก"

ในวันที่ 11 มีนาคม องค์การอนามัยโลกได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า การระบาดของโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็น "โรคระบาดทั่ว" หลังจากมีการติดต่อเชื้อในระดับชุมชนอย่างต่อเนื่องช่วงเวลาหนึ่งในหลายภูมิภาคของโลก ในวันที่ 13 มีนาคม WHO ได้ประกาศให้ยุโรปเป็นศูนย์กลางของการระบาดใหญ่ครั้งใหม่ หลังจากที่อัตราผู้ป่วยรายใหม่ในยุโรปสูงกว่าภูมิภาคอื่นของโลกนอกเหนือจากจีน เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2563 จำนวนกรณีผู้ป่วยทั่วโลกที่อยู่นอกประเทศจีนมีจำนวนมากกว่าในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ในวันที่ 19 มีนาคม 2563 ประเทศจีนรายงานว่าไม่มีกรณีผู้ป่วยในประเทศกรณีใหม่ (ยกเว้นกรณีผู้ป่วยเดินทางมาจากต่างประเทศ) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการระบาด ในขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดในอิตาลีมากกว่าในประเทศจีน

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563 นักวิทยาศาสตร์จีนได้รายงานว่า มากถึง 10% ของผู้ที่รักษาหายจากโรคติดเชื้อ COVID-19 และมีผลทดสอบการติดเชื้อเป็นลบ สามารถมีผลทดสอบการติดเชื้อเป็นบวกอีกครั้ง

การตอบสนองระหว่างประเทศ

การวิจัยการรักษา

หลายองค์กรทั่วโลกกำลังพัฒนาวัคซีน หรือทำการทดสอบยาต้านไวรัส โดยองค์กรที่กำลังพยายามอยู่ประกอบด้วย:

  • สถาบันอนามัยแห่งชาติสหรัฐ (NIH) คาดว่าจะมีการทดลองวัคซีนในมนุษย์ภายในเดือนเมษายน พ.ศ. 2563
  • ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งจีน (CCDC) ได้เริ่มพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และกำลังทดสอบประสิทธิภาพของยาที่มีอยู่กับโรคปอดบวม
  • ศูนย์ร่วมนวัตกรรมการเตรียมพร้อมโรคระบาด (CEPI) กำลังระดมทุนสำหรับวัคซีนรวมสามโครงการ และหวังว่าจะมีวัคซีนทดลองใช้ภายในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 และอนุมัติพร้อมใช้ภายในปีนี้ โดยมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ได้รับเงินทุนจำนวน 10.6 ล้านดอลลาร์จาก CEPI เพื่อพัฒนา "molecular clamp" vaccine platform.
  • บริษัทโมเดอร์นา กำลังพัฒนาวัคซีน mRNA ขึ้นด้วยเงินทุนจาก CEPI ขณะที่ Inovio Pharmaceuticals ก็ได้รับเงินอุดหนุนจาก CEPI เช่นกัน และได้ออกแบบวัคซีนภายในสองชั่วโมงหลังจากได้รับลำดับยีน โดยวัคซีนที่กำลังผลิตนั้น สามารถนำไปใช้ทดลองกับสัตว์ได้เป็นครั้งแรก
  • Yuen Kwok-yung นักวิจัยชาวฮ่องกงและทีมในมหาวิทยาลัยฮ่องกง ประกาศว่าได้พัฒนาวัคซีนขึ้นใหม่แล้ว แต่จำเป็นต้องนำไปทดลองกับสัตว์เสียก่อน ก่อนที่จะนำมาทดสอบทางคลินิกกับมนุษย์

ผลกระทบ

ผลกระทบทางเศรษฐกิจ-สังคม

การซื้อจากความตื่นตระหนกในการระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาในสิงคโปร์และที่อื่น ๆ รวมถึงกระดาษชำระ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมปังข้าว ผัก ยาฆ่าเชื้อ และแอลกอฮอล์

การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นเหตุให้เกิดการขาดแคลนอุปทานสินค้าในหลายภาคส่วนอันเนื่องมาจาก การใช้อุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกเพื่อต่อสู้กับการระบาด, การซื้อจากความตื่นตระหนกและการหยุดชะงักของโรงงานและห่วงโซ่อุปทาน องค์การอาหารและยาของสหรัฐได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับการขาดแคลนยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เนื่องจากความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น และการหยุดชะงักของผู้ผลิตและจัดหาสินค้า หลายท้องที่เช่นสหรัฐ, อิตาลี และฮ่องกง มีปรากฏการณ์การซื้อจากความตื่นตระหนกที่นำไปสู่ชั้นวางสินค้าอุปโภคจำเป็นในร้านขายของชำที่ว่างเปล่า เช่น อาหาร, กระดาษชำระ และน้ำดื่มบรรจุขวด ซึ่งทำให้เกิดการขาดแคลนอุปทานสินค้าตามมา อุตสาหกรรมเทคโนโลยีได้รับคำเตือนโดยเฉพาะ เกี่ยวกับความล่าช้าในการจัดส่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ คุณ Tedros Adhanom ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกระบุว่า ความต้องการอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 100 เท่า และความต้องการนี้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาสูงถึงยี่สิบเท่าของราคาปกติ และทำให้เกิดความล่าช้าในการจัดหาเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ประมาณสี่ถึงหกเดือน

ผู้บริหารระดับจังหวัดจำนวนมากของพรรคคอมมิวนิสต์จีนถูกให้ออกตำแหน่ง จากปัญหาการจัดการการกักกันโรคในภาคกลางของจีน ซึ่งเป็นสัญญาณที่แสดงความไม่พอใจต่อหน่วยงานทางการเมืองในการแก้ปัญหาการระบาดของโรคในภูมิภาคนั้น นักวิจารณ์บางคนเสนอว่าการกล่าวร้องออกมาดัง ๆ ในเรื่องโรคอาจเป็นการประท้วงที่เกิดขึ้นไม่บ่อยต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน นอกจากนี้การประท้วงในเขตการปกครองพิเศษของฮ่องกง มีความเข้มข้นเนื่องจากความกลัวการอพยพจากจีนแผ่นดินใหญ่ไต้หวันก็แถลงแสดงความกังวลเกี่ยวกับการถูกรวมอยู่ในการห้ามการเดินทางใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสาธารณรัฐประชาชนจีนเนื่องจาก "นโยบายจีนเดียว" และสถานะทางการเมืองที่ขัดแย้งกัน

เนื่องจากจีนแผ่นดินใหญ่เป็นระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่และเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้า การระบาดของไวรัสจึงเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลก Agathe Demarais จากหน่วยข่าวกรองเศรษฐศาสตร์ (EIU) ได้คาดการณ์ว่าตลาดจะยังคงมีความผันผวนจนกว่าภาพที่ชัดเจนจะปรากฏในผลของเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ นักวิเคราะห์บางคนคาดการณ์ว่า อัตราการล่มสลายทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโรคในครั้งนี้ ที่มีต่อการเจริญเติบโตของโลกอาจเกินกว่าครั้งการระบาดของโรคซาร์สได้ ดร. Panos Kouvelis ผู้อำนวยการ "ศูนย์โบอิง" ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตันในนครเซนต์หลุยส์ คาดการณ์ผลกระทบมากกว่า 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐในระบบห่วงโซ่อุปทานของโลก ที่อาจกินเวลานานถึงสองปี องค์การของประเทศผู้ส่งออกปิโตรเลียม (โอเปก) รายงานว่า "มีการโต้เถียงกัน" หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวลงอย่างหนักเนื่องจากความต้องการที่ลดลงจากจีนตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกร่วงลงเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เนื่องจากจำนวนผู้ป่วย COVID-19 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนอกจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ดัชนีหุ้นของสหรัฐ หลายดัชนีรวมถึง แนสแด็ก-100, ดัชนี เอสแอนด์พี 500 และดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมของดาวน์โจนส์ ติดลบมากที่สุดนับตั้งแต่ พ.ศ. 2551 โดยดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 1,191 จุด ซึ่งมากที่สุดในการลดลงในหนึ่งวันนับตั้งแต่การเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินใน พ.ศ. 2550-2551 ดัชนีทั้งสามลดลงกว่าร้อยละ 10 เมื่อสิ้นสุดสัปดาห์ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์บริษัทจัดอันดับเครดิต สโคปเรตติง (Scope Ratings) จากเยอรมัน ยืนยันการจัดอันดับเครดิตของจีน แต่ยังคงมุมมองเชิงลบ หุ้นตกต่ำอีกครั้งตามความวิตกเรื่องไวรัสโคโรนา ซึ่งการร่วงของราคาที่มากที่สุดเกิดขึ้นในวันที่ 16 มีนาคม 2563. ทำให้มีหลายความคิดเห็นคาดว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

สภาพเกือบร้างของโถงผู้โดยสารขาเข้าที่ ท่าอากาศยานนานาชาติอินช็อน ในเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2563

การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในภาคที่ได้รับผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดเนื่องจากการห้ามเดินทาง การปิดสถานที่สาธารณะ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยว และการให้คำแนะนำของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ เกี่ยวกับการระมัดระวังการท่องเที่ยวใด ๆ ทั่วโลก เป็นผลให้สายการบินจำนวนมากยกเลิกเที่ยวบินเนื่องจากความต้องการลดลงรวมถึงบริติชแอร์เวย์, ไชน่าอีสเทิร์น และควอนตัส ในขณะที่สายการบินภูมิภาคของอังกฤษ ฟลายบี (Flybe) ต้องปิดกิจการ สถานีรถไฟและท่าเรือเฟอร์รีหลายแห่งก็ปิดตัวลงเช่นกัน การแพร่ระบาดของโรคใกล้เคียงกับ ชุน-ยฺวิ่น หรือ ฤดูเดินทางแห่งเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ที่เกี่ยวข้องกับวันหยุดปีใหม่ของจีน เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับฝูงชนจำนวนมาก ถูกยกเลิกโดยรัฐบาลระดับชาติและระดับภูมิภาครวมถึงงานเทศกาลปีใหม่ บริษัทเอกชนต่างก็ปิดร้านค้าและแหล่งท่องเที่ยวเช่น ดิสนีย์แลนด์ฮ่องกง และเซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์พาร์ก กิจกรรมวันตรุษจีนและสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งถูกปิด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก รวมถึงนครต้องห้ามในปักกิ่ง และงานประเพณีในวัดแบบดั้งเดิม ใน 24 จาก 31 มณฑล, เขตเทศบาล และภูมิภาคของจีน เจ้าหน้าที่ได้ขยายวันหยุดปีใหม่จนถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ โดยสั่งให้สถานที่ทำงานส่วนใหญ่ไม่เปิดทำการใหม่จนกระทั่งถึงวันนั้น ภูมิภาคเหล่านี้คิดเป็น 80% ของจีดีพีของประเทศและ 90% ของการส่งออก ฮ่องกงยกระดับการตอบสนองต่อโรคติดเชื้อให้อยู่ในระดับสูงสุด และประกาศภาวะฉุกเฉิน สั่งปิดโรงเรียนจนถึงเดือนมีนาคม และยกเลิกการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน

แม้จะมีความชุกของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสูงในภาคเหนือของอิตาลี และพื้นที่บริเวณนครอู่ฮั่น และความต้องการผลิตภัณฑ์อาหารที่สูงขึ้นในทั้งสองพื้นที่ทำให้เกิดผลกระทบจากการขาดแคลนอาหารเฉียบพลัน มาตรการที่มีประสิทธิภาพโดยจีนและอิตาลีต่อการกักตุนและการค้าผลิตภัณฑ์ที่สำคัญนั้นประสบความสำเร็จ โดยหลีกเลี่ยงการขาดแคลนอาหารเฉียบพลันที่มีการคาดว่าจะเกิดขึ้นในยุโรปและรวมทั้งในอเมริกาเหนือ ภาคเหนือของอิตาลีซึ่งมีการผลิตทางการเกษตรที่สำคัญไม่ได้มีผลผลิตลดลงมาก แต่ราคาอาจเพิ่มขึ้นจากการค้าของผู้แทนจำหน่าย ชั้นวางอาหารเปล่าพบเพียงชั่วคราวแม้กระทั่งในนครอู่ฮั่น ในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนได้ปล่อยโควตาสำรองเนื้อสุกร เพื่อให้มั่นใจว่าประชากรมีอาหารบริโภคที่เพียงพอ มีกฎหมายที่คล้ายกันในอิตาลีที่กำหนดให้ผู้ผลิตอาหารต้องเก็บสำรองในกรณีฉุกเฉิน

ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลกนั้นปรากฏขึ้นในประเทศจีน ตามรายงานของสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ว่าเศรษฐกิจในประเทศจีนได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงสองเดือนแรกของ พ.ศ. 2563 อันเนื่องมาจากมาตรการของรัฐบาลในการกำจัดการระบาดของไวรัส โดยตัวเลขยอดขายปลีกลดลงถึง 20.5%


ดูเพิ่ม


บทอ่านเพิ่มเติม

จีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง

WHO

  • World Health Organization (2020). "Surveillance case definitions for human infection with novel coronavirus (nCoV)‎: interim guidance v1, January 2020". World Health Organization. hdl:10665/330376. WHO/2019-nCoV/Surveillance/v2020.1.
  • World Health Organization (2020). "Laboratory testing of human suspected cases of novel coronavirus (nCoV)‎ infection: interim guidance, 10 January 2020". World Health Organization. hdl:10665/330374. WHO/2019-nCoV/laboratory/2020.1.

ยุโรป

แหล่งข้อมูลอื่น


Новое сообщение