Мы используем файлы cookie.
Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.

รายชื่อความเอนเอียงทางประชาน

Подписчиков: 0, рейтинг: 0

ความเอนเอียงทางประชาน (อังกฤษ: cognitive bias) เป็นความโน้มเอียงที่จะคิดในรูปแบบที่มีผลเป็นความคลาดเคลื่อนอย่างเป็นระบบ จากความมีเหตุผลโดยทั่วไป หรือจากการประเมินการตัดสินใจที่ดี บ่อยครั้งเป็นประเด็นการศึกษาในสาขาจิตวิทยาและเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม

แม้ว่าความเอนเอียงเหล่านี้จะมีอยู่จริง ๆ โดยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ทำซ้ำได้ แต่ก็มักจะมีข้อโต้เถียงว่า ควรจะจัดประเภทหรืออธิบายความเอนเอียงเหล่านี้ได้อย่างไร ความเอนเอียงบางอย่างเป็นกฎการประมวลข้อมูล หรือเป็นทางลัดการประมวลผลที่เรียกว่า ฮิวริสติก ที่สมองใช้เพื่อการประเมินและการตัดสินใจ ปรากฏการณ์เหล่านี้เรียกว่า ความเอนเอียงทางประชาน ความเอนเอียงในการประเมินหรือการตัดสินใจ อาจจะเกิดจากแรงจูงใจ เช่นเมื่อความเชื่อเกิดบิดเบือนเพราะเหตุแห่งการคิดตามความปรารถนา (wishful thinking) ความเอนเอียงบางอย่างอาจจะอธิบายได้โดยหลักทางประชาน (cognitive หรือที่เรียกว่า cold) หรือโดยหลักทางแรงจูงใจ (motivational หรือเรียกว่า hot) แต่เหตุทั้งสองสามารถเกิดร่วมกัน

ยังมีข้อถกเถียงกันอีกด้วยว่า ความเอนเอียงเหล่านี้จัดเป็นความไม่สมเหตุผลโดยส่วนเดียว หรือว่า จริง ๆ มีผลเป็นทัศนคติและพฤติกรรมที่เหมาะสมได้ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อทำความรู้จักกับคนใหม่ ๆ เรามักจะถามคำถามที่ชี้คำตอบที่ต้องการ ที่ดูเหมือนจะเอนเอียงไปเพื่อยืนยันสันนิษฐานของเราเกี่ยวกับบุคคลนั้น ๆ แต่ว่า ปรากฏการณ์ที่บางครั้งเรียกว่า ความเอนเอียงเพื่อยืนยัน (confirmation bias) เช่นนี้ สามารถมองได้ว่าเป็นทักษะทางสังคมที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้

งานวิจัยในเรื่องความเอนเอียงเหล่านี้ มักจะทำในมนุษย์ แต่ผลที่พบในมนุษย์ บางครั้งก็พบในสัตว์อื่นเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น hyperbolic discounting (การลดค่าแบบไฮเพอร์โบลา) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เราให้ค่าของที่ได้ในปัจจุบันสูงกว่าที่จะได้ในอนาคต ก็พบด้วยในหนู นกพิราบ และลิง

ความเอนเอียงในการตัดสินใจ ทางความเชื่อ และทางพฤติกรรม

ความเอนเอียงหลายอย่างเหล่านี้มีผลต่อการเกิดความเชื่อ ต่อการตัดสินใจทางธุรกิจและทางเศรษฐกิจ และต่อพฤติกรรมมนุษย์โดยทั่ว ๆ ไป ความเอนเอียงจะเกิดขึ้นในสถานการณ์โดยเฉพาะ ๆ คือ เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ความแปรเปลี่ยนไปจากพฤติกรรมปกติสามารถจำแนกได้โดย

ชื่อ คุณลักษณะ
Additive bias (ความเอนเอียงในการบวก) ความโน้มเอียงในการแก้ปัญหาด้วยการบวก แม้การลบอาจเป็นวิธีที่ดีกว่า
Agent detection (การสืบหาผู้กระทำ) ความโน้มเอียงในการเชื่อว่าเป็นการกระทำของสัตว์/บุคคล
Ambiguity effect (ปรากฏการณ์ความคลุมเครือ) เป็นความโน้มเอียงที่จะหลีกเลี่ยงทางเลือกที่ไม่มีข้อมูลว่า ผลที่ได้จะเป็นผลบวกหรือไม่ และเลือกทางเลือกที่มีข้อมูล
Anchoring หรือ focalism เป็นความโน้มเอียงที่จะตั้งหลัก (หรือ anchor) ที่ข้อมูลซึ่งมี เมื่อจะตัดสินใจ โดยปกติเป็นข้อมูลชิ้นแรกที่ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้น
Anthropocentric thinking ความโน้มเอียงในการอุปมากับมนุษย์เพื่อให้เหตุผลกับปรากฏการณ์ทางชีววิทยาอื่น ๆ ที่ไม่คุ้นเคย
มานุษยรูปนิยม หรือ
การทำให้เป็นบุคคล (personification)
ความโน้มเอียงในการอธิบายสัตว์ วัตถุ และแนวคิดทางนามธรรมว่ามีลักษณะ อารมณ์ และความจงใจที่คล้ายมนุษย์ ส่วนความเอนเอียงตรงกันข้ามที่ไม่กำหนดว่าคนอื่นมีความรู้สึกหรือความคิด เรียกว่า dehumanised perception เป็นการปฏิบัติกับคนอื่นเหมือนกับเป็นสิ่งของ (objectification)
Attentional bias (ความเอนเอียงโดยการใส่ใจ) เป็นความโน้มเอียงที่ความคิดซ้ำ ๆ จะมีอิทธิพลต่อการรับรู้ของเรา
Availability heuristic (ฮิวริสติกโดยความเข้าถึงได้ง่าย) เป็นความโน้มเอียงที่จะประเมินเหตุการณ์ที่สามารถนึกถึงได้ง่ายว่ามีโอกาสเกิดสูงเกินไป โดยอาจมีอิทธิพลจากความเก่าใหม่ของความจำ หรือว่าเป็นความจำที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์รุนแรงแค่ไหน
Illusory truth effect (ปรากฏการณ์ความจริงเทียม) หรือ Availability cascade เป็นกระบวนการที่เสริมกำลังในตัว ที่ความเชื่อในสังคมดูเหมือนจะเป็นไปได้มากขึ้นเมื่อเกิดการพูดการกล่าวถึงซ้ำ ๆ กัน (เหมือนกับความเชื่ออย่างหนึ่งของเด็กว่า "พูดอะไรซ้ำ ๆ กัน นาน ๆ เข้าก็จะกลายเป็นจริง")
Backfire effect (ปรากฏการณ์เกิดผลตรงกันข้าม) เมื่อเรามีปฏิกิริยาต่อหลักฐานที่คัดค้านความคิดของเรา ด้วยความเชื่อที่มีกำลังเพิ่มขึ้น
Bandwagon effect (ปรากฏการณ์ขบวนแห่) เป็นความโน้มเอียงที่จะทำ (หรือเชื่อ) สิ่งต่าง ๆ เพราะคนอื่น ๆ ทำหรือเชื่อเรื่องเดียวกัน
Base rate fallacy (เหตุผลวิบัติโดยอัตราพื้นฐาน) หรือ base rate neglect (การละเลยอัตราพื้นฐาน) เป็นความโน้มเอียงที่จะไม่ใส่ใจข้อมูลอัตราพื้นฐาน (คือข้อมูลทางสถิติทั่วไป) แล้วพุ่งจุดสนใจไปที่ข้อมูลเฉพาะ (เช่นข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงกับกรณีใดกรณีหนึ่ง)
Belief bias (ความเอนเอียงโดยความเชื่อ) เป็นการประเมินเหตุที่เอนเอียง โดยความเชื่อว่าผลที่ได้เป็นไปได้มากแค่ไหน แทนที่จะประเมินว่า เหตุที่ประเมินนั้นสนับสนุนผลที่ได้หรือไม่
Bias blind spot (จุดบอดต่อความเอนเอียง) เป็นความโน้มเอียงที่จะเห็นว่าตนเองมีความเอนเอียง (มีอคติ) น้อยกว่าคนอื่น หรือที่กำหนดความเอนเอียงทางประชานของผู้อื่นได้มากกว่าของตน
Cheerleader effect (ปรากฏการณ์ผู้นำเชียร์) เป็นความโน้มเอียงที่ผู้หญิงจะดูสวยในกลุ่มมากกว่าตามลำพัง
Choice-supportive bias (ความเอนเอียงสนับสนุนสิ่งที่เลือก) เป็นความโน้มเอียงที่จะนึกถึงสิ่งที่เลือกแล้วในอดีตว่าดี เกินความเป็นจริง
Clustering illusion (มายาการจับกลุ่ม) เป็นความโน้มเอียงที่จะให้ความสำคัญมากเกินไปแก่รูปแบบการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ในช่วงระยะสั้น ๆ (หรือแก่การจับกลุ่มของเหตุกาณ์) ที่จริง ๆ เป็นเหตุการณ์สุ่มในระยะยาว ซึ่งก็คือ การเห็นรูปแบบที่ไม่มีอยู่จริง ๆ (เพราะเป็นเหตุการณ์สุ่ม)
Confirmation bias (ความเอนเอียงเพื่อยืนยัน) เป็นความโน้มเอียงที่จะหา ตีความ พุ่งความสมใจ และทรงจำข้อมูลในรูปแบบที่จะยืนยันความเชื่อความคิดที่มีอยู่แล้วของตน
Congruence bias (ความเอนเอียงในการทำให้สอดคล้องกัน) เป็นความโน้มเอียงที่จะทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบโดยตรง และไม่ทดสอบสมมติฐานที่อาจเป็นไปได้อื่น ๆ
Conjunction fallacy (เหตุผลวิบัติโดยประพจน์เชื่อม) เป็นความโน้มเอียงในการสันนิษฐานว่า เหตุการณ์ที่เฉพาะเจาะจงมีความเป็นไปได้สูงกว่าเหตุการณ์ทั่วไป ซึ่งเป็นความน่าจะเป็นที่เป็นไปไม่ได้
Conservatism หรือ regressive bias สภาวะทางใจอย่างหนึ่งที่ทำให้ค่าสูงหรือโอกาสความเป็นไปได้สูงมีการประเมินสูงเกินไป และค่าต่ำหรือโอกาสเป็นไปได้ต่ำมีการประเมินน้อยเกินไป
Conservatism bias (ความเอนเอียงเชิงอนุรักษนิยม) เป็นความโน้มเอียงที่จะแก้ความเชื่อของตนให้เบนไปตามความเป็นจริงอย่างไม่เพียงพอเมื่อได้หลักฐานใหม่
Contrast effect (ปรากฏการณ์การเปรียบต่าง) เป็นการรับรู้สิ่งเร้าที่ดีขึ้น หรือลดลง เมื่อเทียบกับสิ่งเร้าที่เพิ่งสังเกตรู้ใหม่เป็นตัวเปรียบต่าง
Curse of knowledge (คำสาปเพราะความรู้) เมื่อคนที่มีข้อมูลดีกว่าไม่สามารถหรือยากที่จะคิดถึง ปัญหาจากมุมมองของคนที่มีข้อมูลน้อยกว่า
Decoy effect (ปรากฏการณ์ตัวล่อ) ปรากฏการณ์ที่ทางเลือกที่สาม ค ซึ่งทางเลือก ก ดีกว่าทุกอย่าง และทางเลือก ข ดีกว่าบ้าง แย่กว่าบ้าง สามารถเปลี่ยนความชอบใจของผู้บริโภคให้เลือกทางเลือก ก ได้
Denomination effect (ปรากฏการณ์หน่วยเงินตรา) เป็นความโน้มเอียงที่จะใช้จ่ายมากกว่าถ้าเงินเป็นหน่วยเล็ก ๆ แทนที่จะเป็นหน่วยใหญ่ ๆ
Distinction bias (ความเอนเอียงให้แตกต่าง) เป็นความโน้มเอียงที่จะเห็นทางเลือกสองทางว่าไม่เหมือนกันเมื่อประเมินทางเลือกสองอย่างนั้นพร้อมกัน มากกว่าเมื่อประเมินแยกกันต่างหาก
Duration neglect (การละเลยระยะเวลา) การละเลยระยะเวลาเหตุการณ์หนึ่ง ๆ เมื่อพยายามจะกำหนดค่าว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีหรือไม่
Empathy gap (ช่องว่างการเห็นใจ) เป็นความโน้มเอียงที่จะประเมินอิทธิพลหรือกำลังความรู้สึกของตนเองหรือของคนอื่นต่ำเกินไป
Endowment effect (ปรากฏการณ์การสละ) เป็นความโน้มเอียงที่จะเรียกร้องมูลค่าเพื่อจะสละวัตถุหนึ่ง ๆ สูงกว่าที่ตนยินดีจะให้เพื่อที่จะแลกเอาวัตถุนั้น
Essentialism (การเอาแต่หลัก) เป็นการจัดบุคคลและสิ่งของตามธรรมชาติหลักของสิ่งนั้น แม้ว่าบุคคลหรือสิ่งเช่นนั้นจะมีความต่าง ๆ กัน
Exaggerated expectation (ความคาดหวังเกินส่วน) หลักฐานที่ได้ตามจริงในโลก ไม่รุนแรงหรือมีค่าน้อยกว่าตามที่เราหวัง
Experimenter's bias (ความเอนเอียงของผู้ทดลอง) หรือ Experimenter's expectation bias (ความเอนเอียงเพราะการคาดหวังของผู้ทดลอง) เป็นความเอนเอียงของผู้ทำการทดลองที่จะเชื่อ ยืนยัน แล้วตีพิมพ์ข้อมูลที่สอดคล้องกับความคาดหวังที่ตนมีเกี่ยวกับผลของการทดลอง และที่จะไม่เชื่อ ทิ้ง หรือดูถูกข้อมูลที่ไม่ตรงกับความคาดคิดที่มีน้ำหนักพอ ๆ กัน
Focusing effect (ปรากฏการณ์พุ่งจุดสนใจ) เป็นความโน้มเอียงที่จะให้ความสำคัญกับจุดใดจุดหนึ่งของเหตุการณ์มากเกินไป
Forer effect (ปรากฏการณ์ฟอเรอร์) หรือ Barnum effect (ปรากฏการณ์บาร์นัม) เป็นความโน้มเอียงที่บุคคลจะให้คะแนนคำพรรณนาบุคลิกของตนที่ตนเชื่อว่าทำเฉพาะให้แก่ตน ว่ามีความแม่นยำสูง แต่ว่าความจริงเป็นคำที่คลุมเครือและทั่วไปพอที่จะกล่าวได้ถึงคนอื่นเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่สามารถใช้เป็นคำอธิบายส่วนหนึ่งเกี่ยวกับความนิยมชมชอบความเชื่อหรือความคิดบางอย่างเช่น โหราศาสตร์ การบอกโชคชะตา การดูลายมือ และการทดสอบบุคลิกบางอย่าง
Framing effect (ปรากฏการณ์การวางกรอบ) การสรุปข้อมูลเดียวกันต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าข้อมูลนั้นแสดงให้ดูอย่างไร หรือใครเป็นคนแสดงให้ดู
Frequency illusion (มายาความชุกชุม) การแปลสิ่งเร้าผิด ที่คำ ชื่อ หรืออะไรอย่างอื่น ที่บุคคลให้ความสนใจเมื่อเร็ว ๆ นี้ ปรากฏว่าเหมือนกับมีอย่างชุกชุมอย่างเป็นไปไม่ได้หลังจากนั้นไม่นาน (สามารถสับสนได้กับ recency illusion หรือ selection bias) เป็นมายาที่รู้จักกันอีกอย่างหนึ่งว่า Baader-Meinhof Phenomenon
Functional fixedness (การยึดติดหน้าที่) จำกัดบุคคลให้ใช้วัตถุตามวิธีที่ใช้สืบต่อกันมาเพียงเท่านั้น
Gambler's fallacy (เหตุผลวิบัติของนักการพนัน) ความโน้มเอียงที่จะคิดว่า เหตุการณ์อดีตมีอิทธิพลต่อความน่าจะเป็นในอนาคต แต่จริง ๆ แล้วไม่มี เป็นผลจากแนวคิดที่ผิดพลาดของกฎเกี่ยวกับตัวเลขเป็นจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น "ฉันได้โยนเหรียญนี้ได้หัว 5 ครั้งติดต่อกัน ดังนั้น โอกาสที่จะได้ก้อยในครั้งที่ 6 จะสูงกว่าได้หัว"
Hard-easy effect (ปรากฏการณ์ยากง่าย) ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเมื่อความแม่นยำของการตัดสินใจว่างานหนึ่งยากน้อยขนาดไหน ขึ้นอยู่กับระดับความยากง่ายของงานนั้น คือเป็นความโน้มเอียงที่จะประเมินโอกาสสำเร็จสำหรับงานที่ยากมากเกินไป และสำหรับงานที่ง่ายน้อยเกินไป
Hindsight bias (ความเอนเอียงการเข้าใจปัญหาย้อนหลัง) บางครั้งเรียกว่าปรากฏการณ์ "I-knew-it-all-along" (ฉันรู้อยู่ก่อนแล้ว) เป็นความโน้มเอียงที่จะเห็นเหตุการณ์ในอดีตว่า เป็นเรื่องพยากรณ์ได้ แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลจริง ๆ หรือมีน้อยไม่พอที่จะพยากรณ์ได้จริง ๆ
Hostile media effect (ปรากฏการณ์สื่ออคติ) ความโน้มเอียงที่จะเห็นสื่อมวลชนว่ามีอคติ เนื่องจากความเห็นเป็นพรรคเป็นฝ่ายที่มีกำลังของตน
Hot-hand fallacy (เหตุผลวิบัติมือขึ้น) เป็นความเชื่อที่ผิด ๆ ว่า บุคคลที่กำลังประสบความสำเร็จมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จสำหรับการกระทำต่อ ๆ ไป (เช่นในการยิงโกลในการกีฬา) ดีกว่า
Hyperbolic discounting (การลดค่าแบบไฮเพอร์โบลา) การลดค่า (Discounting) เป็นความโน้มเอียงที่บุคคลจะชอบใจได้รับสิ่ง ๆ หนึ่งทันที แทนที่จะรอทีหลัง การลดค่าแบบไฮเพอร์โบลา เป็นเหตุให้บุคคลเลือกอย่างไม่สม่ำเสมอแล้วแต่เวลา บุคคลอาจจะเลือกอะไรในวันนี้ ที่ในอนาคตจะไม่ชอบใจเลือก แม้ว่าจะใช้เหตุผลเดียวกัน รู้จักกันในชื่ออื่นว่า current moment bias และ present bias
Identifiable victim effect (ปรากฏการณ์ผู้รับเคราะห์ที่ระบุได้) เป็นความโน้มเอียงที่จะตอบสนองต่อบุคคลที่กำลังมีอันตรายคนเดียวที่ระบุได้ มากกว่าต่อบุคคลกลุ่มใหญ่ที่กำลังมีอันตราย
IKEA effect (ปรากฏการณ์ไอเคีย) เป็นความโน้มเอียงที่จะให้ค่ากับสิ่งที่บุคคลประกอบด้วยมือของตนเกินสัดส่วน เช่นเครื่องเรือนจากร้านอิเกีย ไม่ว่าสิ่งที่ได้นั้นจะดีหรือไม่
Illusion of control (การแปลสิ่งเร้าผิดว่าควบคุมได้) เป็นความโน้มเอียงที่จะประเมินว่า ตนสามารถควบคุมเหตุการณ์ภายนอกได้ มากเกินไป
Illusion of validity (การแปลสิ่งเร้าผิดว่าสมเหตุสมผล) เป็นความเชื่อว่าข้อมูลที่ได้เพิ่มขึ้น จะเป็นข้อมูลที่ช่วยในการพยากรณ์ให้สมเหตุสมผล แม้ว่า จริง ๆ แล้วจะไม่
Illusory correlation (สหสัมพันธ์เทียม) การเห็นอย่างผิดพลาดว่า เหตุการณ์หลายอย่างที่ไม่สัมพันธ์กันมีความสัมพันธ์กัน
Impact bias (ความเอนเอียงเรื่องผลกระทบ) เป็นความโน้มเอียงที่จะประเมินระยะเวลาหรือความรุนแรง เกี่ยวกับอารมณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มากเกินไป
Information bias (ความเอนเอียงเพื่อจะมีข้อมูล) เป็นความโน้มเอียงที่จะหาข้อมูลแม้ว่าจะไม่มีผลต่อการกระทำ
Insensitivity to sample size (ความไม่ไวต่อขนาดตัวอย่าง) เป็นความโน้มเอียงที่จะประเมินความต่าง ๆ กันในขนาดตัวอย่างที่มีน้อย (small sample) น้อยเกินไป
Irrational escalation (การเพิ่มการกระทำโดยไม่สมเหตุผล) ปรากฏการณ์ที่บุคคลเพิ่มทุนการกระทำในเรื่องที่ตกลงใจ โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับทุนการกระทำที่ได้ทำไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว แม้ว่าจะมีหลักฐานแสดงว่า ข้อตกลงใจนั้นไม่ดี รู้จักอีกอย่างหนึ่งว่า sunk cost fallacy (เหตุผลวิบัติโดยต้นทุนจม)
Less-is-better effect (ปรากฏการณ์น้อยกว่าย่อมดีกว่า) เป็นความโน้มเอียงที่จะชอบใจสิ่งของชุดที่เล็กกว่า มากกว่าชุดที่มากกว่า ถ้าประเมินต่างหากจากกัน แต่ไม่ใช่ถ้าประเมินร่วมกัน
Endowment effect (ปรากฏการณ์การสละ) หรือ Loss aversion (การหลีกเลี่ยงการเสีย) ประโยชน์ที่เสียในการสละวัตถุ มากกว่าประโยชน์ที่ได้ในการได้วัตถุ (ดูเหตุผลวิบัติโดยต้นทุนจม และปรากฏการณ์การสละ).
Mere exposure effect (ปรากฏการณ์เพียงแต่ประสบ) เป็นแนวโน้มที่จะแสดงความชอบใจต่อสิ่งต่าง ๆ เพียงเพราะว่าคุ้นเคยกันมัน
Money illusion (มายาเงิน) เป็นแนวโน้มที่จะพุ่งความสนใจไปที่ค่าของเงินที่ตราไว้ แทนที่จะสนใจกำลังซื้อของค่าเงินนั้น
Moral credential effect (ปรากฏการณ์การรับรองทางจริยธรรม) เป็นแนวโน้มของคนที่มีประวัติว่าเป็นคนไม่มีความเดียดฉันท์ ที่จะเพิ่มความเดียดฉันท์
Negativity effect (ปรากฏการณ์มองในแง่ลบ) เป็นแนวโน้มที่บุคคล เมื่อประเมินเหตุของพฤติกรรมของบุคคลที่ตนไม่ชอบ ที่จะบอกว่าพฤติกรรมบวกเป็นผลจากสิ่งแวดล้อม และพฤติกรรมลบเป็นผลจากธรรมชาติภายในของบุคคลนั้น
Negativity bias (ความเอนเอียงในการจำในแง่ลบ) เป็นปรากฏการณ์ทางจิต ที่มนุษย์สามารถระลึกถึงความทรงจำที่ไม่น่าชอบใจได้ดีกว่าความทรงจำที่น่าชอบใจ
Neglect of probability (การละเลยความน่าจะเป็น) เป็นความโน้มเอียงที่จะไม่สนใจเรื่องความน่าจะเป็นเลย เมื่อต้องตัดสินใจในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
Normalcy bias (ความเอนเอียงว่าปกติ) เป็นการปฏิเสธที่จะวางแผน หรือแม้จะตอบสนองต่อ ความหายนะความล่มจมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
Not invented here (ไม่ได้ประดิษฐ์ที่นี่) เป็นความรังเกียจที่จะเข้าไปยุ่งกับผลิตภัณฑ์ มาตรฐาน หรือความรู้ที่ไม่ได้พัฒนาขึ้นภายในกลุ่ม เป็นปรากฏการณ์ที่สัมพันธ์กับปรากฏการณ์ไอเคีย
Omission bias (ความเอนเอียงในเรื่องการละเว้น) เป็นความโน้มเอียงในการตัดสินว่าการกระทำเชิงลบ เลวมากกว่าการไม่กระทำที่ทำให้เกิดผลลบ
Optimism bias (ความเอนเอียงโดยการมองในแง่ดี) เป็นความโน้มเอียงที่จะมองในแง่ดีมากเกินไป คือประเมินผลบวกหรือผลที่ชอบใจว่ามีโอกาสเกิดมากเกินไป (ดูเรื่องที่สัมพันธ์กันในการคิดตามความปรารถนา)
Ostrich effect (ปรากฏการณ์นกกระจอกเทศ) การไม่ใส่ใจในสถานการณ์ที่ไม่ดีแต่ชัดเจน
Outcome bias (ความเอนเอียงเรื่องผล) เป็นความโน้มเอียงในการประเมินการตัดสินใจโดยผลที่ได้ แทนที่จะประเมินคุณภาพการตัดสินใจในเวลาที่ตัดสิน
Overconfidence effect (ปรากฏการณ์มั่นใจมากเกินไป) เป็นการมั่นใจมากเกินไปเรื่องคำตอบของตน เช่น ในบางกรณี คำถามที่บุคคลตอบว่า มั่นใจ 99% จะผิดจากความจริง 40%
แพริโดเลีย สิ่งเร้าที่ไม่ชัดเจนหรือเกิดขึ้นแบบบังเอิญ (บ่อยครั้งเป็นภาพหรือเป็นเสียง) ทำให้รู้สึกรับรู้ว่าเป็นอะไรบางอย่าง เช่น เห็นรูปสัตว์หรือใบหน้าในเมฆ เห็นคนบนดวงจันทร์ และได้ยินข้อความซ่อนที่ไม่มีในตลับเทปที่เล่นกลับหลัง
Pessimism bias (ความเอนเอียงในการมองในแง่ลบ) เป็นความโน้มเอียงของคนบางคน โดยเฉพาะผู้ที่กำลังมีภาวะซึมเศร้า ที่จะประเมินโอกาสที่สิ่งร้าย ๆ จะเกิดขึ้นกับตนเกินความจริง
Planning fallacy (เหตุผลวิบัติในการวางแผน) เป็นความโน้มเอียงที่จะกะเวลาที่จะทำงานเสร็จน้อยเกินไป
Post-purchase rationalization (การสร้างเหตุผลหลังการซื้อ) เป็นความเอนเอียงที่จะกล่อมตัวเองด้วยเหตุผลว่า สิ่งที่ซื้อมีคุณค่าดี
Pro-innovation bias (ความเอนเอียงว่านวกรรมดี) เป็นความโน้มเอียงที่จะมองโลกในแง่ดีมากเกินไปเกี่ยวกับประโยชน์ของสิ่งประดิษฐ์หรือนวกรรมต่อสังคมทั่วไป ในขณะที่ละเลยหรือไม่สามารถกำหนดข้อจำกัดหรือข้อเสีย
Pseudocertainty effect (ปรากฏการณ์ความแน่นอนเทียม) เป็นความโน้มเอียงที่จะรู้สึกว่า ผลที่จะเกิดขึ้นเป็นเรื่องแน่นอนแม้ว่าจริง ๆ แล้วจะไม่ใช่ เป็นปรากฏการณ์ที่พบในการตัดสินใจหลายขั้นตอน
Reactance (การทำตรงกันข้าม) เป็นความรู้สึกที่จะทำตรงข้ามกับสิ่งที่คนอื่นต้องการให้ตนทำ เป็นความต้องการที่จะต่อต้านความพยายามที่จะจำกัดอิสรภาพในการเลือกของตน
Reactive devaluation (การลดค่าโดยเป็นปฏิกิริยา) ข้อเสนออย่างหนึ่งดูมีค่าน้อยลงเพราะว่ามาจากศัตรู
Recency illusion (มายาว่าเร็ว ๆ นี้) การแปลสิ่งเร้าผิดว่าคำหรือการใช้ภาษาอย่างหนึ่ง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้แต่ความจริงเกิดมานานแล้ว
Restraint bias (ความเอนเอียงเรื่องบังคับตนเอง) เป็นความโน้มเอียงที่จะประเมินการบังคับตนเองได้ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมล่อใจ เกินกว่าความจริง
Rhyme as reason effect (ปรากฏการณ์เสียงสัมผัสโดยเป็นเหตุผล) คำที่มีเสียงสัมผัสฟังดูเหมือนเป็นจริงมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น สุภาษิตต่าง ๆ หรือตัวอย่างในภาษาอังกฤษที่ใช้ในคดีฆาตกรรมดังอเมริกันที่ยกฟ้องจำเลยคือ "If the gloves don't fit, then you must acquit (ถ้าถุงมือมันไม่ฟิต คุณจะต้องตัดสินปล่อยตัวจำเลย)"
Risk compensation (การชดเชยความเสี่ยง) หรือ Peltzman effect (ปรากฏการณ์เพ็ล์ตซแมน์) เป็นความโน้มเอียงที่จะทำอะไรเสี่ยงกว่า ถ้ารู้สึกว่าความปลอดภัยสูงขึ้น
Selective perception (การรับรู้โดยเลือก) เป็นความโน้มเอียงที่ความคาดหวังจะมีผลต่อการรับรู้
Semmelweis reflex (รีเฟล็กซ์เซ็มเมิลไวซ์) เป็นความโน้มเอียงที่จะปฏิเสธหลักฐานใหม่ ๆ ที่คัดค้านแบบแผนที่มีอยู่แล้ว
Social comparison bias (ความเอนเอียงโดยการเปรียบเทียบทางสังคม) เป็นความโน้มเอียงที่จะตัดสินจ้างบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เพราะว่าบุคคลนั้นจะไม่แข่งขันกับตนในด้านที่ตนมีจุดแข็ง
Social desirability bias (ความเอนเอียงเรื่องความน่าพอใจทางสังคม) เป็นความโน้มเอียงที่จะรายงานบุคลิกหรือพฤติกรรมที่เป็นเรื่องน่าพอใจทางสังคมของตนมากเกินไป และรายงานของคนอื่นน้อยเกินไป
Status quo bias (ความเอนเอียงเพื่อคงสถานะเดิม) เป็นความโน้มเอียงที่จะชอบใจให้สิ่งต่าง ๆ เป็นเหมือน ๆ เดิม (สัมพันธ์กับการหลีกเลี่ยงการเสีย, Endowment effect, และ system justification)
Stereotyping (การใช้แม่แบบ) การคาดหวังว่าสมาชิกของกลุ่มมีคุณสมบัติอะไรบางอย่าง โดยที่ไม่มีข้อมูลจริง ๆ สำหรับบุคคลนั้น ๆ
Subadditivity effect (ปรากฏการณ์การรวมต่ำไป) เป็นความโน้มเอียงที่จะประเมินความน่าจะเป็นของทั้งหมด น้อยกว่าความน่าจะเป็นของแต่ละส่วน ๆ รวมกัน
Subjective validation (การกำหนดความถูกต้องโดยอัตวิสัย) เป็นความเอนเอียงทางประชานที่บุคคลจะพิจารณาบทความหรือข้อมูลว่าถูกต้องถ้ามีความหมายหรือความสำคัญต่อตนเอง
Survivorship bias (ความเอนเอียงจากการอยู่รอด) การพุ่งความสนใจไปที่บุคคลหรืออะไรบางอย่าง ที่อยู่รอดผ่านกระบวนการอย่างหนึ่ง แล้วละเลยอย่างไม่ได้ตั้งใจบุคคลหรือสิ่งที่อยู่ไม่รอดเพราะมองไม่เห็น
Time-saving bias (ความเอนเอียงเรื่องประหยัดเวลา) การประเมินเวลาที่จะประหยัดหรือเสียไปน้อยเกินไป เมื่อเพิ่มหรือลดความเร็ว เมื่อความเร็วนั้นค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว หรือว่าการประเมินเวลาที่จะประหยัดหรือเสียไปมากเกินไป เมื่อเพิ่มหรือลดความเร็ว เมื่อความเร็วนั้นค่อนข้างสูงอยู่แล้ว
Unit bias (ความเอนเอียงที่จะทำเป็นหน่วย) เป็นความโน้มเอียงที่จะทำการงานเป็นหน่วย ๆ เห็นได้ชัดในเรื่องการบริโภคอาหาร
Well travelled road effect (ปรากฏการณ์ไปตามทางที่ใช้บ่อย) เป็นการประเมินเวลาการไปตามทางที่ไปบ่อย ๆ น้อยเกินไป และตามทางที่ไปไม่บ่อย มากเกินไป
Zero-risk bias (ความเอนเอียงเพื่อความเสี่ยงศูนย์) ความชอบใจที่จะลดความเสี่ยงที่มีน้อยให้เหลือศูนย์ มากกว่าจะลดความเสี่ยงที่มีมากในระดับที่สูงกว่า
Zero-sum heuristic (ฮิวริสติกแพ้ชนะรวมกันเป็นศูนย์) รู้โดยไม่ต้องคิดว่า สถานการณ์หนึ่งเป็นเรื่องแพ้-ชนะ (คือการได้การเสียสัมพันธ์กัน หรือการได้การเสียบวกกันได้ศูนย์) การเกิดความเอนเอียงเช่นนี้ถี่ ๆ อาจสัมพันธ์กับบุคลิกภาพในด้านความเป็นใหญ่ในสังคม

ความเอนเอียงทางสังคม

ความเอนเอียงเหล่านี้โดยมากจัดเป็น attributional bias (ควาเอนเอียงในการอ้างเหตุ)

ชื่อ คุณลักษณะ
Actor-observer bias (ความเอนเอียงผู้กระทำ-ผู้สังเกตการณ์) เป็นความโน้มเอียงที่จะอธิบายพฤติกรรมของผู้อื่นโดยเน้นอิทธิพลทางบุคลิกภาพมากเกินไป และเน้นอิทธิพลของสถานการณ์น้อยเกินไป (ดู Fundamental attribution error ด้วย) และที่จะอธิบายพฤติกรรมของตนโดยนัยตรงกันข้าม คือเน้นอิทธิพลของสถานการณ์มากเกินไป และเน้นอิทธิพลของบุคลิกภาพน้อยเกินไป
Defensive attribution hypothesis (สมมติฐานการอ้างเหตุแบบป้องกันตัว) ยกโทษให้กับคนทำผิดมากขึ้น เมื่อผลที่ได้เสียหายมากขึ้น หรือว่าเมื่อผู้ตัดสินมีความคล้ายคลึงทางส่วนตัวหรือทางสถานการณ์กับผู้รับเคราะห์มากขึ้น
Dunning-Kruger effect (ปรากฏการณ์ดันนิ่ง-ครูเกอร์) ปรากฏการณ์ที่คนไร้ความสามารถไม่รู้ว่าตนไร้ความสามารถ เพราะไม่มีทักษะที่จะแยกแยะระหว่างความสามารถกับความไร้ความสามารถ แต่ว่า ความสามารถจริง ๆ อาจทำให้มั่นใจในตนเองน้อยลง เพราะว่าคนมีความสามารถอาจจะนึกอย่างผิด ๆ ว่า คนอื่นมีความเข้าใจเท่าเทียมกัน
Egocentric bias (ความเอนเอียงเห็นแก่ตัว) เกิดขึ้นเมื่อบุคคลเรียกร้องความดีความชอบให้ตนเองทั้ง ๆ ที่เป็นผลงานร่วมกับคนอื่น ในระดับที่มากกว่าคนสังเกตการณ์จะเห็นด้วย
Extrinsic incentives bias (ความเอนเอียงเห็นผู้อื่นมีสิ่งจูงใจภายนอก) จุดนี้เป็นข้อยกเว้นของ fundamental attribution error เมื่อบุคคลเห็นผู้อื่นว่ามีแรงจูงใจภายนอก (คือสถานการณ์เช่น การเงิน) แต่เห็นตัวเองว่ามีแรงจูงใจภายใน (เช่น เพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ)
False consensus effect (ปรากฏการณ์ความเห็นพ้องเทียม) เป็นความโน้มเอียงที่บุคคลประเมินระดับการเห็นพ้องต้องกันกับตนเองของคนอื่นสูงเกินไป
Forer effect (ปรากฏการณ์ฟอเรอร์) หรือ Barnum effect (ปรากฏการณ์บาร์นัม) สังเกตการณ์ที่เห็นได้ว่า บุคคลจะให้คะแนนว่ามีความแม่นยำสูง สำหรับคำพรรณนาบุคลิกของตนที่เชื่อว่าทำเฉพาะให้แก่ตน แต่ว่าความจริงเป็นคำที่คลุมเครือและทั่วไปพอที่จะกล่าวได้ถึงคนอื่นเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่สามารถใช้เป็นคำอธิบายส่วนหนึ่งเกี่ยวกับความนิยมชมชอบความเชื่อหรือความคิดบางอย่างเช่น โหราศาสตร์ การบอกโชคชะตา การดูลายมือ และการทดสอบบุคลิกบางอย่าง
Fundamental attribution error (ความผิดพลาดในการอ้างเหตุพื้นฐาน) เป็นความโน้มเอียงที่บุคคลจะอธิบายพฤติกรรมของผู้อื่นโดยอ้างเหตุบุคลิกภาพมากเกินไป ในขณะที่อ้างเหตุเกี่ยวกับบทบาทและอิทธิพลของสถานการณ์น้อยเกินไป (สัมพันธ์กับ actor-observer bias, group attribution error, positivity effect, และ negativity effect)
Group attribution error (ความผิดพลาดโดยการอ้างเหตุรวมกลุ่ม) เป็นความเชื่อที่เอนเอียงว่า ลักษณะของบุคคลหนึ่งในกลุ่ม เป็นลักษณะของบุคคลทั้งกลุ่ม หรือความโน้มเอียงที่จะอ้างเหตุว่า การตัดสินใจของกลุ่มบ่งถึงความชอบใจของสมาชิกในกลุ่ม แม้ว่าจะมีข้อมูลที่ส่องถึงนัยตรงกันข้าม
Halo effect (ปรากฏการณ์วงรัศมี) เป็นความเอนเอียงทางประชานที่ความรู้สึกทั่วไปเกี่ยวกับบุคคล บริษัท ยี่ห้อ หรือผลิตภัณฑ์ มีอิทธิพลต่อความรู้สึกและความคิดเกี่ยวกับสิ่งนั้นในด้านอื่น ๆ
Illusion of asymmetric insight (มายาว่าความเข้าใจไม่เท่ากัน) เป็นการแปลสิ่งเร้าผิดว่า ความรู้ของตนเกี่ยวกับคนรอบตัว มากกว่าความรู้ของคนรอบตัวเกี่ยวกับตน
Illusion of external agency (มายาว่ามีผู้กระทำภายนอก) เมื่อบุคคลเห็นความชอบใจที่เกิดขึ้นภายในตนว่า มีเหตุจากผู้กระทำอื่นที่ฉลาด มีประสิทธิภาพ และเห็นประโยชน์แก่ตน
Illusion of transparency (มายาว่าโปร่งใส) บุคคลประเมินว่า คนอื่นรู้จักตนดีเกินจริง และประเมินความสามารถของตนในการรู้จักผู้อื่นเกินจริง
Illusory superiority (ความเหนือกว่าเทียม) เป็นการประเมินคุณสมบัติที่น่าชอบใจของตนเกินจริง และประเมินคุณสมบัติที่ไม่น่าชอบใจต่ำกว่าความเป็นจริง เมื่อเปรียบเทียบกับผู้อื่น
Ingroup bias (ความเอนเอียงในพวกตน) เป็นความโน้มเอียงที่จะปฏิบัติต่อผู้อื่นที่มองว่าเป็นสมาชิกในกลุ่มของตนดีกว่าคนอื่น
Just-world hypothesis (สมมติฐานโลกยุติธรรม) เป็นความโน้มเอียงที่จะเชื่อว่า โลกนี้โดยหลักแล้วยุติธรรม เป็นเหตุให้พยาายามหาเหตุผลผิด ๆ ในเรื่องที่ไม่ยุติธรรมว่า ผู้รับเคราะห์หรือเหยื่อสมควรที่จะได้รับเคราะห์เช่นนั้น
Moral luck (โชคตามจริยธรรม) เป็นความโน้มเอียงที่จะตัดสินบุคคลว่าดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับผลของเหตุการณ์
Naïve cynicism (ความไม่เชื่อใจผู้อื่นสามัญ) เป็นความคาดหวังอย่างผิด ๆ ว่า คนอื่นมีความเอนเอียงเห็นแก่ตัวมากกว่าตน
Naïve realism (สัจนิยมสามัญ) ความเชื่อว่าเราเห็นโลกตามความเป็นจริง โดยไม่เอนเอียง ว่าความจริงนั้นปรากฏให้เห็นชัดเจนกับทุกคน ว่าคนมีเหตุผลอื่นจะเห็นด้วยกับเรา และว่าคนที่ไม่เห็นด้วยเป็นคนที่ไม่มีข้อมูล ขี้เกียจ ไร้เหตุผล หรือว่ามีความเอนเอียง
Outgroup homogeneity bias (ความเอนเอียงเห็นคนกลุ่มอื่นเหมือน ๆ กัน) บุคคลมองเห็นสมาชิกในกลุ่มของตนว่าต่าง ๆ กันมากกว่าสมาชิกของชนกลุ่มอื่น
Projection bias (ความเอนเอียงโดยยิงให้ผู้อื่น) ความโน้มเอียงที่จะถือเอาว่า คนอื่น (หรือว่าตนเองในอนาคต) จะมีความรู้สึก ความคิด และค่านิยม เหมือนกับตนในปัจจุบัน
Self-serving bias (ความเอนเอียงรับใช้ตนเอง) เป็นความโน้มเอียงที่จะอ้างความรับผิดชอบต่อเรื่องสำเร็จมากกว่าเรื่องที่ล้มเหลว อาจจะปรากฏเป็นความโน้มเอียงในการประเมินข้อมูลที่ไม่ชัดเจนโดยให้ประโยชน์กับตน (สัมพันธ์กับ group-serving bias)
Shared information bias (ความเอนเอียงต่อข้อมูลแชร์) เป็นความโน้มเอียงที่สมาชิกในกลุ่มจะให้เวลาและความสนใจสนทนาเรื่องที่สมาชิกทุกคนคุ้นเคย (คือข้อมูลแชร์) มากกว่าที่ให้กับเรื่องที่สมาชิกบางคนเท่านั้นรู้
System justification (การให้เหตุผลกับระบบ) เป็นความโน้มเอียงที่จะป้องกันและสนับสนุนสภาพที่เป็นอยู่ปัจจุบัน คือชอบใจระบบทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ที่มีอยู่ และใส่ความระบบทางเลือกอื่น แม้กระทั่งบางครั้งเป็นการเสียประโยชน์ของตนหรือของส่วนรวม (สัมพันธ์กับ status quo bias)
Trait ascription bias (ความเอนเอียงในการถือเอาคุณลักษณะ) เป็นความโน้มเอียงที่จะเห็นตนเองว่ามีความต่าง ๆ กันในด้านบุคลิกภาพ พฤติกรรม และพื้นอารมณ์ ในขณะที่มองผู้อื่นว่า รู้จักได้ง่ายกว่า
Ultimate attribution error (ความผิดพลาดในการอ้างเหตุขั้นสุด) คล้ายกับ fundamental attribution error แต่เป็นความผิดพลาดที่บุคคลจะโทษบุคลิกนิสัยของคนทั้งกลุ่ม ไม่ใช่เป็นเพียงแค่สมาชิกในกลุ่มแต่ละคนเท่านั้น
Worse-than-average effect (ปรากฏการณ์แย่กว่าโดยเฉลี่ย) เป็นความโน้มเอียงที่จะเชื่อว่าตนแย่กว่าคนอื่นโดยเฉลี่ยในงานที่ยาก

ความผิดพลาดและความเอนเอียงทางความจำ

ในสาขาจิตวิทยาและประชานศาสตร์ ความเอนเอียงทางความจำ (memory bias) เป็นความเอนเอียงทางประชานที่ช่วยหรือขัดการระลึกถึงความทรงจำหนึ่ง ๆ (เช่นช่วยให้ระลึกถึงความจำนั้นได้ หรือช่วยลดเวลาการระลึก หรือว่าทั้งสองอย่าง) หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลสิ่งที่จำได้ มีประเภทต่าง ๆ รวมทั้ง

ชื่อ คุณลักษณะ
Bizarreness effect (ปรากฏการณ์ความแปลกประหลาก) เรื่องแปลกประหลาดจำได้ง่ายกว่าเรื่องธรรมดา
Choice-supportive bias (ความเอนเอียงสนับสนุนสิ่งที่เลือก) เป็นความโน้มเอียงที่จะนึกถึงสิ่งที่เลือกว่าดี เกินความเป็นจริง
Change bias (ความเอนเอียงเรื่องสิ่งที่เปลี่ยน) เมื่อต้องลงทุนลงแรงเพื่อเปลี่ยนอะไรอย่างหนึ่ง จะจำการกระทำนั้นว่า ทำได้ยากเกินความเป็นจริง
Childhood amnesia (ภาวะเสียความจำในวัยเด็ก) จำเหตุการณ์ที่เกิดก่อนวัย 4 ขวบได้น้อย
Conservatism หรือ Regressive bias เป็นความโน้มเอียงที่จะระลึกถึงค่าสูง เช่นค่าความถี่ ค่าความน่าจะเป็น ว่าต่ำจากความเป็นจริง และระลึกถึงค่าต่ำว่าสูงจากความเป็นจริง
Consistency bias (ความเอนเอียงเพื่อให้คงเส้นคงวา) ระลึกผิด ๆ ถึงทัศนคติและพฤติกรรมในอดีตของตน ว่าเหมือนทัศนคติและพฤติกรรมในปัจจุบัน
cue-dependent forgetting (การหลงลืมขึ้นอยู่กับตัวช่วย) ระบบประชานและความจำขึ้นอยู่กับตัวบริบท (คือตัวช่วยให้นึกถึงสิ่งนั้น) ดังนั้น ความทรงจำที่ไม่เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน จะระลึกถึงได้ยากกว่าความทรงจำที่เข้า (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาและความแม่นยำในการระลึกถึงความจำเกี่ยวกับที่ทำงาน จะแย่กว่าเมื่อนึกถึงที่บ้าน และนัยตรงกันข้ามก็จะเหมือนกัน)
Cross-race effect (ปรากฏการณ์ข้ามผิวพันธุ์) เป็นความโน้มเอียงที่คนผิวพันธุ์หนึ่งประสบความลำบากในการจำบุคคลที่เป็นอีกผิวพันธุ์หนึ่ง
Cryptomnesia เป็นความผิดพลาดในการถือเอาความทรงจำว่าเป็นจินตนาการ เพราะว่า ไม่เกิดความรู้สึกทางอัตวิสัยว่ามันเป็นความทรงจำ
Egocentric bias (ความเอนเอียงเห็นแก่ตัว) การระลึกถึงอดีตเข้าข้างตนเอง เช่น ระลึกถึงคะแนนสอบว่าดีกว่า หรือว่า จับปลาได้ตัวใหญ่กว่าความจริง
Fading affect bias (ความเอนเอียงโดยความรู้สึกจาง) เป็นความเอนเอียงที่อารมณ์ความรู้สึกเกี่ยวกับความทรงจำที่ไม่ดี จางหายไปเร็วกว่าอารมณ์ความรู้สึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ดี ๆ
Generation effect (ปรากฏการณ์คิดเอง) ข้อมูลที่คิดเองจำได้ดีที่สุด เช่น บุคคลสามารถระลึกถึงคำพูดของตน ได้ดีกว่าคำพูดคล้าย ๆ กันของคนอื่น
Google effect (ปรากฏการณ์กูเกิล) เป็นความโน้มเอียงที่จะลืมข้อมูลที่สามารถหาได้ง่ายออนไลน์โดยใช้เสิร์ชเอนจินทางอินเทอร์เน็ตเช่นกูเกิล
Hindsight bias (ความเอนเอียงการเข้าใจปัญหาย้อนหลัง) บางครั้งเรียกว่าปรากฏการณ์ "I-knew-it-all-along" (ฉันรู้อยู่ก่อนแล้ว) เป็นความเอนเอียงที่เห็นเหตุการณ์ในอดีตว่า พยากรณ์ได้ แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลจริง ๆ หรือมีน้อยพอที่จะพยากรณ์ได้จริง ๆ
Humor effect (ปรากฏการณ์เรื่องตลก) เรื่องตลกจำได้ง่ายกว่าเรื่องไม่ตลก ซึ่งอาจเป็นเพราะเป็นเรื่องตลกที่ไม่เหมือนใคร หรือว่าเพราะต้องประมวลข้อมูลทางประชานมากกว่าเพื่อที่จะเข้าใจ หรือว่าเพราะทำให้เกิดสภาวะตื่นตัวทางอารมณ์
Illusory truth effect (ปรากฏการณ์ความจริงเทียม) หรือ Availability cascade เป็นกระบวนการที่เสริมกำลังในตัว ที่ความเชื่อในสังคมดูเหมือนจะเป็นไปได้มากขึ้นเมื่อเกิดการพูดการกล่าวถึงซ้ำ ๆ กัน (เหมือนกับความเชื่ออย่างหนึ่งของเด็กว่า "พูดอะไรซ้ำ ๆ กัน นาน ๆ เข้าก็จะกลายเป็นจริง")
Illusory correlation (สหสัมพันธ์เทียม) การเห็นอย่างผิดพลาดว่า เหตุการณ์หลายอย่างที่ไม่สัมพันธ์กันมีความสัมพันธ์กัน
Leveling and Sharpening (การทำให้เรียบและการทำให้คม) ความจำที่บิดเบือนเกิดขึ้นจากการสูญเสียรายละเอียดเมื่อระลึกถึงเมื่อภายหลังนาน ๆ (เป็นการทำให้เรียบ) บ่อยครั้งเกิดขึ้นพร้อมกับ ๆ การระลึกถึงรายละเอียดอะไรบางอย่างได้ดีขึ้น (การทำให้คม) ซึ่งกลายเป็นเรื่องสำคัญเมื่อเทียบกับรายละเอียดหรือลักษณะที่สูญเสียไป ความเอนเอียงสองอย่างนี้อาจจะมีกำลังขึ้นเรื่อย ๆ ตามเวลา โดยการระลึกถึงหรือกล่าวถึงความจำนั้นบ่อย ๆ
Levels-of-processing effect (ปรากฏการณ์ประมวลหลายระดับ) ระดับการประมวลสิ่งเร้าทางใจต่าง ๆ ทำให้สามารถระลึกถึงสิ่งเร้านั้นได้ต่าง ๆ กัน การประมวลที่ลึกซึ้ง ทำให้ระลึกได้ดีกว่า
List-length effect (ปรากฏการณ์จำนวนรายการ) เมื่อมีรายการที่ยาวขึ้นเรื่อย ๆ จะจำรายการได้ถูกต้องในอัตราที่น้อยกว่า และจำผิดในอัตราที่มากกว่า แม้ว่าจะมีงานวิจัยที่คัดค้านว่าปรากฏการณ์นี้ไม่มีจริงเมื่อควบคุมตัวแปรกวน
Misinformation effect (ปรากฏการณ์ข้อมูลผิด) ความจำจะแม่นยำน้อยลงถ้ามี post-event information คือข้อมูลเกี่ยวกับความจำหลังเหตุการณ์นั้น ที่ผิดพลาด ซึ่งจะเป็นตัวกวนความจำนั้น
Next-in-line effect (ปรากฏการณ์คนต่อไปในแถว) เป็นแนวโน้มที่บุคคลที่จะพูดต่อไปในกลุ่ม สามารถระลึกถึงคำของคนที่พูดก่อน ๆ ได้น้อยลง เมื่อต้องพูดต่อ ๆ กัน
Peak-end rule (กฎยอดและสุด) เป็นแนวโน้มที่จะประเมินความรู้สึกถึงเหตุการณ์หนึ่งโดยไม่รวมคุณค่าของประสบการณ์ทั้งหมด แต่ประเมินโดยค่าความรู้สึกที่จุดยอด (ไม่ว่าจะเป็นสุขหรือทุกข์) และค่าความรู้สึกในที่สุดของเหตุการณ์
Picture superiority effect (ปรากฏการณ์ความเหนือกว่าของภาพ) เป็นความโน้มเอียงที่แนวคิดที่ศึกษาโดยใช้รูปภาพจะสามารถระลึกถึงได้ง่ายกว่าและบ่อยกว่า แนวคิดที่ศึกษาโดยอ่านแค่บทความ
Positivity effect (ปรากฏการณ์ข้อมูลบวก) เป็นแนวโน้มที่ผู้สูงวัยจะชื่นชอบข้อมูลเชิงบวกมากกว่าข้อมูลเชิงลบในความทรงจำ
Primacy effect, Recency effect และ Serial position effect เป็นแนวโน้มที่จะระลึกถึงรายการที่อยู่ท้าย ๆ ได้ดีที่สุด ตามมาด้วยรายการที่อยู่ต้น ๆ ส่วนรายการที่อยู่กลาง ๆ จะจำได้น้อยที่สุด
Processing difficulty effect (ปรากฏการณ์ความยากในการประมวล) ข้อมูลที่ใช้เวลามากกว่าในการอ่านและคิดถึงนานกว่า (คือประมวลอย่างยากเย็นกว่า) จะระลึกถึงได้ง่ายกว่า (ดู Levels-of-processing effect)
Reminiscence bump (การประทุของความจำเหตุการณ์ในอดีต) เป็นแนวโน้มของผู้ใหญ่ที่จะระลึกถึงความจำในช่วงวัยรุ่นและเริ่มต้นวัยผู้ใหญ่ได้ดีกว่าช่วงชีวิตอื่น ๆ
Rosy retrospection (การระลึกถึงความหลังเป็นสีชมพู) เป็นแนวโน้มในการระลึกถึงอดีตว่าดีเกินกว่าที่เป็นจริง
Self-relevance effect (ปรากฏการณ์ความสัมพันธ์กับตน) ความจำเกี่ยวกับตนเองระลึกได้ง่ายกว่าความจำเรื่องเดียวกันของคนอื่น
Spacing effect (ปรากฏการณ์เว้นว่าง) เป็นแนวโน้มที่จะระลึกถึงข้อมูล ถ้าได้ข้อมูลนั้นซ้ำ ๆ กันแต่ห่างกัน ได้ดีกว่าถ้าซ้ำโดยไม่ห่าง
Spotlight effect (ปรากฏการณ์สปอร์ตไลท์) เป็นแนวโน้มที่จะประเมินว่าคนอื่นเห็นรูปร่างลักษณะท่าทางพฤติกรรมของตนเกินความจริง
Suffix effect (ปรากฏการณ์เสริมท้าย) recency effect คือการจำข้อสุดท้าย ๆ ของรายการได้ดีที่สุด มีระดับลดลงถ้ามีรายการเสริมท้ายที่ไม่ต้องจำเพื่อระลึกภายหลัง
Suggestibility (การถูกชักชวนได้ง่าย) เป็นการอ้างแหล่งข้อมูลผิดอย่างหนึ่งที่ความคิดที่เสนอโดยผู้ถาม กลายเป็นความทรงจำของผู้ตอบ
Telescoping effect (ปรากฏการณ์กล้องโทรทรรศน์) เป็นความโน้มเอียงที่จะจำเหตุการณ์เร็ว ๆ นี้ว่าอยู่ในอดีตไกลเกินจริง และเหตุการณ์ที่ไกลออกไปว่าอยู่ในอดีตใกล้เกินจริง ดังนั้น เหตุการณ์เร็ว ๆ นี้จึงปรากฏเหมือนอยู่ไกล และเหตุการณ์ที่อยู่ในอดีตไกลดูเหมือนจะใกล้
Testing effect (ปรากฏการณ์ทดสอบ) เป็นแนวโน้มที่จะจำข้อมูลที่พึ่งอ่านได้ดีกว่าถ้าเขียนซ้ำ แทนที่จะอ่านใหม่
Tip of the tongue phenomenon (ปรากฏการณ์อยู่ปลายลิ้น) เมื่อบุคคลสามารถที่จะระลึกถึงบางส่วนของข้อมูลหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันได้ แต่ไม่สามารถระลึกถึงข้อมูลทั้งหมดได้อย่างน่ากลุ้มใจ นี่เชื่อกันว่าเป็นตัวอย่างของความขัดข้องที่เกิดขึ้นเมื่อระลึกถึงความทรงจำที่คล้าย ๆ กันได้หลายชิ้น ซึ่งเป็นตัวกวนกันและกัน
Verbatim effect (ปรากฏการณ์คำต่อคำ) ความโน้มเอียงที่จะระลึกถึง แก่นสารสำคัญ (gist) ของสิ่งที่คนพูด ได้ดีกว่าระลึกถึงข้อความคำต่อคำ นี่เป็นเพราะความทรงจำเป็นตัวแทน (representation) เหตุการณ์ ไม่ใช่เป็นก๊อปปี้ของเหตุการณ์
Von Restorff effect (ปรากฏการณ์วอนเรสตอล์ฟ) เป็นความโน้มเอียงที่จะระลึกถึงรายการที่เด่นได้ดีกว่ารายการอื่น ๆ
Zeigarnik effect (ปรากฏการณ์เซการ์นิก) เป็นความโน้มเอียงที่จะระลึกถึงงานที่ยังไม่เสร็จหรือพักไปในระหว่าง ได้ดีกว่างานที่ทำเสร็จแล้ว

เหตุสามัญโดยทฤษฎี ของความเอนเอียงทางประชาน

  • Bounded rationality (การมีเหตุผลที่จำกัด)
    • Prospect theory (ทฤษฎีความคาดหวัง)
    • Mental accounting (การทำบัญชีทางใจ)
    • Adaptive bias (ความเอนเอียงแบบปรับได้) - การตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่ แล้วปรับด้วยความเอนเอียงตามค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะอาจมีข้อผิดพลาด
  • Attribute substitution (การทดแทนคุณลักษณะ) - การทดแทนข้อมูลที่ยากและซับซ้อนด้วยคุณลักษณะที่ง่าย เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
  • Attribution theory (ทฤษฎีการอ้างเหต)
    • Salience (สิ่งที่เด่นในการรับรู้)
    • Naïve realism (สัจนิยมสามัญ)
  • Cognitive dissonance (ความไม่ลงรอยทางประชาน) และเหตุที่เกี่ยวข้องกันอื่น ๆ
    • Impression management (การบริหารความประทับใจ)
    • Self-perception theory (ทฤษฎีการมองตนเอง)
  • Heuristics in judgment and decision-making (ฮิวริสติกในการประเมินและการตัดสินใจ) รวมทั้ง
    • Availability heuristic (ฮิวริสติกโดยความเข้าถึงได้ง่าย) - ประเมินว่าอะไรมีโอกาสสูงกว่าโดยการนึกถึงได้ง่าย เป็นความเอนเอียงต่อตัวอย่างทางความจำที่ชัดเจน แปลก ๆ หรือประกอบด้วยอารมณ์
    • Representativeness heuristic (ฮิวริสติกโดยความเป็นตัวแทน) - ตัดสินว่าอะไรมีโอกาสสูงกว่าโดยความคล้ายคลึงกับตัวแทนของประเภท
    • Affect heuristic (ฮิวริสติกโดยอารมณ์) - ตัดสินใจโดยใช้อารมณ์แทนที่จะประเมินความเสี่ยงและประโยชน์
  • ทฤษฎีเกี่ยวกับอารมณ์บางอย่าง เช่น
    • Two-factor theory of emotion (ทฤษฎีอารมณ์มีองค์ประกอบสอง)
    • Somatic markers hypothesis (สมมติฐานตัวบ่งชี้พฤติกรรมทางกาย)
  • Introspection illusion (การแปลการพินิจภายในผิด)
  • misuse of statistics (การตีความสถิติผิดหรือการใช้ผิด) หรือ innumeracy (การใช้เหตุผลโดยตัวเลขไม่เป็น)

บทความในวารสาร Psychological Bulletin ปี ค.ศ. 2012 เสนอว่า มีความเอนเอียงที่ดูเหมือนจะไม่สัมพันธ์กัน 8 อย่างที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยใช้กลไกทางทฤษฎีสารสนเทศ (information-theoretic generative mechanism) ที่มีการประมวลข้อมูลประกอบด้วยตัวกวน (noisy) ทั้งในช่วงการเก็บและการระลึกถึงข้อมูลในความทรงจำของมนุษย์

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น


Новое сообщение