Мы используем файлы cookie.
Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.

แก๊สน้ำตา

Подписчиков: 0, рейтинг: 0
การใช้แก๊สน้ำตาเพื่อสลายผู้ประท้วงนอกที่ทำการรัฐบาลระหว่างการประท้วงในฮ่องกง พ.ศ. 2557 เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2557

แก๊สน้ำตา (อังกฤษ: Lachrymatory agent, Lachrymator หรือ Tear gas) เป็นอาวุธเคมีชนิดหนึ่งซึ่งทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุตาและแก้วตาดำ ทำให้เจ็บตาและทางเดินหายใจมาก ผิวหนังระคายเคือง เลือดออกและตาบอด สำหรับตาแก๊สจะกระตุ้นประสาทของต่อมน้ำตาทำให้หลั่งน้ำตา ส่วนใหญ่จะหายเองภายในหนึ่งชั่วโมง แก๊สน้ำตาถูกใช้เป็นอาวุธประเภทก่อกวนในการปราบจลาจลเพื่อสลายการชุมนุม การใช้งานมีทั้งการยิงจากเครื่องยิงแก๊สน้ำตา และใช้แบบระเบิดขว้าง

การสัมผัสกับแก๊สน้ำตาอาจก่อให้เกิดฤทธิ์ระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งการเกิดโรคทางเดินหายใจ การบาดเจ็บต่อตาและโรคตาอย่างรุนแรง เช่น โรคประสาทตาจากอุบัติเหตุ (traumatic optic neuropathy), กระจกตาอักเสบ, ต้อหินและต้อกระจก) ผิวหนังอักเสบ ความเสียหายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด และทางเดินอาหาร และเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะเมื่อได้รับแก๊สน้ำตาความเข้มข้นสูง หรือเมื่อใช้แก๊สน้ำตาในที่ปิด

ฤทธิ์

2-chlorobenzalmalononitrile เป็นสารออกฤทธิ์ในแก๊สซีเอส

แก๊สน้ำตาประกอบด้วยสารประกอบสถานะของแข็งหรือของเหลว (โบรโมอะซีโตน หรือไซลิลโบรไมด์) ที่ทำให้เป็นละอองลอย แก๊สน้ำตาออกฤทธิ์โดยทำให้ระคายเคืองซึ่งเยื่อเมือกในตา จมูก ปากและปอด ทำให้น้ำตาไหล จาม ไอ หายใจลำบา ปวดตา และมองไม่เห็นชั่วคราว สำหรับแก๊สซีเอส อาการระคายเคืองคงอยู่ประมาณ 20 ถึง 60 วินาทีหลังสัมผัส และมักหายได้เองภายใน 30 นาทีหลังออกจากพื้นที่นั้น

ช่องไอออน TRPA1 ที่แสดงอยู่บนตัวรับ nociceptor มีการแสดงว่าเป็นจุดออกฤทธิ์ของแก๊สซีเอส แก๊สซีอาร์ แก๊สซีเอ็น (ฟีนาซิบคลอไรด์) และโบรโมอะซีโตนในแบบจำลองหนู

ความเสี่ยง

แม้ได้ชื่อว่าเป็นอาวุธที่ไม่รุนแรงถึงตาย (non-lethal) หรือมีโอกาสทำให้เสียชีวิตต่ำ (less-lethal) แต่มีความเสี่ยงทำให้บาดเจ็บถาวรหรือเสียชีวิตได้เช่นกัน ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงถูกกระแทกจากปลอกแก๊สน้ำตาที่อาจทำให้เกิดแผลฟกช้ำรุนแรงได้ ทำให้ตาบอดหรือกะโหลกศีรษะร้าว ทำให้เสียชีวิตทันทีได้เหมือนกัน มีรายงานการบาดเจ็บของหลอดเลือดอย่างรุนแรงจากปลอกแก๊สน้ำตาจากประเทศอิหร่าน โดยมีอัตราการบาดเจ็บของประสาทร่วมด้วยสูง (44%) และตัดแขนหรือขา (17%) เช่นเดียวกับมีการบาดเจ็บของศีรษะ

สำหรับผลทางการแพทย์ของแก๊สเองนั้นมักจำกัดอยู่เฉพาะการอักเสบของผิวหนังเล็กน้อย แต่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดช้าได้เหมือนกัน สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคทางเดินหายใจเดิมอย่างหอบหิดมีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ ซึ่งมักต้องรีบพบแพทย์ และบางทีอาจถึงขั้นต้องรับรักษาในโรงพยาบาลหรือต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เมื่อผิวหนังได้รับซีเอสอาจทำให้ผิวหนังไหม้ด้วย หรือชักนำให้ผิวหนังอักเสบแบบภูมิแพ้สัมผัส เมื่อบุคคลได้รับในระยะใกล้หรือได้รับอย่างรุนแรง อาจเกิดการบาดเจ็บของตา เช่น กระจกตาเกิดแผลเป็นซึ่งทำให้วิสัยการมองเห็นเสื่อมลงอย่างถาวร การได้รับบ่อยหรือระดับสูงเพิ่มความเสี่ยงของโรคทางเดินหายใจ

การรักษา

ไม่มียาแก้พิษจำเพาะสำหรับแก๊สน้ำตา สิ่งแรกที่ควรทำคือออกจากบริเวณแก๊สหรือรับอากาศบริสุทธิ์ การถอดเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนและเลี่ยงการใช้ผ้าเช็ดตัวที่ปนเปื้อนร่วมกันอาจช่วยลดปฏิกิริยาต่อผิวหนัง แนะนำให้ถอดคอนแทกเลนส์เพราะอาจมีอนุภาคติดมา

เมื่อบุคคลได้รับแก๊ส มีหลายวิธีในการกำจัดสารเคมีให้มากที่สุดและบรรเทาอาการปฐมพยาบาลมาตรฐานสำหรับสารละลายไหม้ในตาคือล้างออก (ฉีดพ่นหรือฉีดล้าง) ด้วยน้ำ มีรายงานว่าน้ำอาจเพิ่มความปวดจากแก๊สซีเอส แต่เมื่อเทียบจากหลักฐานที่มีอยู่จำกัดในปัจจุบันก็ยังแนะนำว่าน้ำหรือน้ำเกลือยังเป็นตัวเลือกดีที่สุดอยู่ หลักฐานบางส่วนเสนอว่าไดโฟเทอรีน สารละลายเกลือแอมโฟเทอริกไฮเปอร์โทนิก ผลิตภัณฑ์ปฐมพยาบาลสำหรับเมื่อถูกสารเคมี อาจช่วยการไหม้ของตาได้หรือสารเคมีในตาได้

การอาบและเช็ดตัวแรง ๆ ด้วยสบู่และน้ำสามารถขจัดอนุภาคที่ติดกับผิวหนังได้ เสื้อผ้า รองเท้าและเครื่องประดับที่สัมผัสกับไอระเหยจะต้องล้างออกเพราะอนุภาคที่ไม่ได้กำจัดทิ้งอาจติดค้างและออกฤทธิ์อยู่ได้นานถึง 1 สัปดาห์ บางคนแนะนำให้ใช้พัดลมหรือเครื่องเป่าผมทำให้สเปรย์ระเหยไป แต่ไม่มีหลักฐานว่าวิธีนี้ดีกว่าล้างออก และอาจเสี่ยงทำให้แพร่ไปที่อื่นได้ด้วย

ในประเทศไทย

การใช้แก๊สน้ำตาชนิดยิงด้วยวิถีโค้งของตำรวจควบคุมฝูงชน ระหว่างการชุมนุมประท้วงบริเวณแยกใต้ด่วนดินแดงในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564

ในประเทศไทย แก๊สน้ำตาถูกนำเข้ามาใช้ครั้งแรกในช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ไม่นาน โดยกระทรวงมหาดไทย มีการแถลงข่าวสาธิตการใช้ที่สนามเป้า และสามเสน


Новое сообщение