Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
สิ่งหลุดอุดหลอดเลือดของปอด
สิ่งหลุดอุดหลอดเลือดของปอด (Pulmonary embolism) | |
---|---|
ภาพวาดแสดงให้เห็นลิ่มเลือดที่หลุดมาจากส่วนอื่นของร่างกาย มาทำให้เกิดการอุดตันที่หลอดเลือดแดงปอด ทำให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือดแดงของปอดซ้ายส่วนล่าง | |
สาขาวิชา | โลหิตวิทยา, หทัยวิทยา, วิทยาปอด |
อาการ | หายใจลำบาก, เจ็บหน้าอก, ไอเป็นเลือด |
ภาวะแทรกซ้อน | หมดสติ, ช็อก, เสียชีวิต |
การตั้งต้น | อายุมาก |
ปัจจัยเสี่ยง | มะเร็ง, การนอนติดเตียง, การสูบบุหรี่, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคทางพันธุกรรมบางชนิด, ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน, การตั้งครรภ์, โรคอ้วน, ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด |
วิธีวินิจฉัย | วินิจฉัยจากอาการ, ดี-ไดเมอร์, การตรวจซีทีสแกนพร้อมฉีดสีหลอดเลือดปอด, การตรวจสแกนดัชนีการหายใจและการไหลเวียนเลือดที่ปอด |
การรักษา | ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น เฮพาริน, วาร์ฟาริน, DOAC), การสลายลิ่มเลือด |
ความชุก | ~450,000 รายต่อปี (สหรัฐ), 430,000 (ยุโรป) |
การเสียชีวิต | >10–12,000 รายต่อปี (สหรัฐ), >30–40,000 รายต่อปี (ยุโรป) |
สิ่งหลุดอุดหลอดเลือดของปอด (อังกฤษ: pulmonary embolism, PE) คือภาวะที่มีการอุดตันของหลอดเลือดแดงปอดจากสิ่งหลุดอุดหลอดเลือดที่หลุดลอยมาจากส่วนอื่นของร่างกาย ผู้ป่วยอาจมีอาการหายใจลำบาก เจ็บหน้าอกโดยเฉพาะตอนหายใจเข้า และอาจไอเป็นเลือดได้ นอกจากนี้อาจมีอาการของการมีลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำส่วนลึกของอวัยวะอื่น เช่น ที่ขา โดยอาจมีขาบวม แดง และเจ็บขาได้ อาจตรวจพบความอิ่มตัวออกซิเจนในเลือดต่ำ หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว และอาจมีไข้ต่ำๆ ในกรณีที่เป็นรุนแรงอาจทำให้หมดสติ ความดันเลือดต่ำ หรือเสียชีวิตกะทันหันได้
ภาวะนี้มักเกิดจากการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำส่วนลึกที่ขาแล้วหลุดมาอุดหลอดเลือดปอด ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดได้แก่การเป็นมะเร็ง การนอนกับเตียงนานๆ การสูบบุหรี่ โรคหลอดเลือดสมอง โรคพันธุกรรมบางชนิด ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน การตั้งครรภ์ โรคอ้วน และการผ่าตัดบางประเภท ผู้ป่วยส่วนหนึ่งเกิดการอุดตันของหลอดเลือดจากสิ่งหลุดอุดหลอดเลือดชนิดอื่นที่ไม่ใช่ลิ่มเลือด เช่น ฟองอากาศ ไขมัน หรือน้ำคร่ำ การวินิจฉัยทำได้โดยดูจากอาการ อาการแสดง ร่วมกับผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ในกรณีที่เป็นผู้ป่วยความเสี่ยงต่ำอาจใช้การตรวจเลือดดูระดับของดี-ไดเมอร์ในการวินิจฉัยว่าผู้ป่วยไม่ได้เป็นภาวะนี้ได้ หากไม่เช่นนั้นแล้วอาจต้องใช้การตรวจอย่างอื่นในการยืนยันการวินิจฉัย เช่น การตรวจซีทีสแกนพร้อมฉีดสีหลอดเลือดปอด การตรวจสแกนดัชนีการหายใจและการไหลเวียนเลือดที่ปอด หรือการตรวจอุลตร้าซาวด์ที่ขา เป็นต้น ภาวะนี้เมื่อพบร่วมกับภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำส่วนลึก (DVT) จะเรียกรวมกันว่าภาวะลิ่มเลือดหลุดอุดหลอดเลือดดำ (VTE)
การลดโอกาสเกิดสิ่งหลุดอุดหลอดเลือดของปอดทำได้โดยผู้ป่วยหลังผ่าตัดควรพยายามขยับเคลื่อนไหวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะได้ ขยับกล้ามเนื้อขาส่วนล่างหากต้องนั่งนานๆ และใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดหลังการผ่าตัดบางชนิด การรักษาส่วนใหญ่เป็นการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น เฮพาริน วาร์ฟาริน หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือดแบบออกฤทธิ์โดยตรง (DOAC) โดยอาจต้องใช้ยาต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือน ผู้ป่วยบางรายจำเป็นจะต้องได้รับการสลายลิ่มเลือด อาจเป็นการสลายลิ่มเลือดด้วยยาเช่นการให้ทีพีเอทางหลอดเลือดดำหรือทางสายสวน และบางครั้งอาจต้องผ่าตัดเอาลิ่มเลือดออก หากไม่สามารถใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดได้อาจต้องใช้วิธีวางแผ่นตะแกรงในหลอดเลือดดำเวนาคาวาแทนเป็นการชั่วคราว
แหล่งข้อมูลอื่น
การจำแนกโรค | |
---|---|
ทรัพยากรภายนอก |
หลอดเลือดแดง หลอดเลือดแดงย่อย และหลอดเลือดฝอย |
|
||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
หลอดเลือดดำ |
|
||||||||||||||||
Arteries or veins | |||||||||||||||||
ความดันเลือด |
|
||||||||||||||||
|