Мы используем файлы cookie.
Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.

เนื้องอกมดลูก

Подписчиков: 0, рейтинг: 0
เนื้องอกไม่ร้ายของกล้ามเนื้อมดลูก
(Uterine fibroids)
ชื่ออื่น Uterine leiomyoma, uterine myoma, myoma, fibromyoma, fibroleiomyoma
Uterine fibroids.jpg
ภาพเนื้องอกมดลูกที่เห็นจากการผ่าตัดส่องกล้อง
สาขาวิชา นรีเวชวิทยา
อาการ ปวดประจำเดือน, ประจำเดือนมามาก
ภาวะแทรกซ้อน Infertility
การตั้งต้น Middle and later reproductive years
สาเหตุ ไม่ทราบสาเหตุ
ปัจจัยเสี่ยง ประวัติครอบครัว, ความอ้วน, การกินเนื้อแดง
วิธีวินิจฉัย Pelvic examination, medical imaging
โรคอื่นที่คล้ายกัน Leiomyosarcoma, pregnancy, ovarian cyst, ovarian cancer
การรักษา Medications, surgery, uterine artery embolization
ยา Ibuprofen, paracetamol (acetaminophen), iron supplements, gonadotropin releasing hormone agonist
พยากรณ์โรค Improve after menopause
ความชุก ~50% of women by age 50

เนื้องอกไม่ร้ายของกล้ามเนื้อมดลูก เป็นเนื้องอกไม่ร้ายของกล้ามเนื้อเรียบในมดลูก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ บางรายอาจมีอาการปวดประจำเดือนหรือประจำเดือนมามาก หากมีขนาดใหญ่มากอาจกดกระเพาะปัสสาวะทำให้มีอาการปัสสาวะบ่อยได้ และอาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์หรืออาการปวดหลังได้ด้วย ผู้ป่วยอาจมีเนื้องอกหนึ่งก้อนหรือหลายก้อนก็ได้ บางครั้งอาจทำให้ตั้งครรภ์ยาก แต่พบได้ไม่บ่อย

สาเหตุของเนื้องอกนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด อย่างไรก็ดีพบว่ามีความสัมพันธ์กับพันธุกรรมและระดับฮอร์โมน ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ความอ้วน การกินเนื้อแดง การวินิจฉัยทำได้โดยการตรวจอุ้งเชิงกรานและการถ่ายภาพรังสีทางการแพทย์

การรักษาอาจไม่มีความจำเป็นในรายที่ไม่มีอาการยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตอรอยด์เช่นไอบูโปรเฟนอาจช่วยบรรเทาอาการปวดและอาการเลือดออกมากได้ พาราเซตามอลก็ช่วยบรรเทาอาการปวดได้เช่นกัน ในรายที่มีเลือดออกมากอาจต้องได้รับยาเสริมธาตุเหล็ก ยากลุ่ม GnRH agonist อาจลดขนาดก้อนเนื้องอกชนิดนี้ได้แต่ยังมีราคาสูงและมีผลข้างเคียง หากมีอาการมากการผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกหรือเอามดลูกออกอาจช่วยได้ การอุดหลอดเลือดเลี้ยงมดลูกก็อาจช่วยได้เช่นกันมะเร็งกล้ามเนื้อเรียบของมดลูกพบได้น้อยมากและมักไม่เจริญมาจากเนื้องอกกล้ามเนื้อเรียบมดลูก

ผู้หญิง 20-80% จะมีเนื้องอกมดลูกเมื่ออายุถึง 50 ปี ข้อมูล ค.ศ. 2003 พบว่าทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคนี้ประมาณ 171 ล้านคน มักตรวจพบในช่วงกลางถึงปลายของวัยเจริญพันธุ์ เมื่อเข้าวัยหมดประจำเดือนแล้วเนื้องอกมักมีขนาดเล็กลง ในสหรัฐเนื้องอกมดลูกเช่นนี้เป็นสาเหตุของการตัดมดลูกที่พบได้บ่อย

อาการและอาการแสดง

เนื้องอกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขนาดเล็กที่อาจจะยังไม่มีอาการใดๆแสดงออกมา อาการจะมาจากตำแหน่งที่ตั้งและขนาดของเนื้องอก อาการที่สำคัญรวมถึงความผิดปกติที่ควรสังเกตคือ มีเลือดออกในทางสูตินารีเวช, มีประจำเดือนมากและปวดท้องมากขณะมีประจำเดือน,ไม่สบายท้องหรือมีอาการท้องอืด, ถ่ายอุจจาระแล้วมีอาการเจ็บ, ปวดหลัง, ปัสสวะบ่อยหรือมีอาการปัสสวะไม่สุด, และในบางกรณีก็ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก นอกจากนี้ยังอาจจะมีอาการเจ็บปวดในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ตั้งของเนื้องอก ถ้าเป็นเนื้องอกในขณะที่ตั้งครรภ์ก็อาจเป็นสาเหตุของการแท้งบุตร, มีเลือดออก, การคลอดก่อนกำหนด หรือรบกวนกับตำแหน่งของทารกในครรภ์.

ในขณะที่มีเนื้องอกมันอาจจะไม่ใช่สาเหตุในกรณีที่เกิดภาวะมีบุตรยาก ทางสถิติ 3% พบว่าเป็นสาเหตุว่าทำไมผู้หญิงคนหนึ่งอาจจะไม่สามารถที่จะมีลูก. ส่วนใหญ่ของผู้หญิงที่มีเนื้องอกมดลูกจะมีผลการตั้งครรภ์ปกติ ในกรณีที่มีเนื้องอกในมดลูกอาจเกิดอาการแทรกซ้อนในภาวะมีบุตรยาก, มักจะพบที่ตำแหน่งเนื้องอกมดลูกที่โพรงมดลูก (submucosal position คือเนื้องอกที่ตำแหน่งก้อนเนื้องอกโตขึ้นและดันเข้ามาในโพรงมดลูก และเนื้องอกมดลูกชนิดมีก้านยื่น โดยตำแหน่งก้อนเนื้องอกซึ่งโตขึ้นอาจดันพ้นออกมาที่ผิวด้านนอกของมดลูกหรือ อาจดันเข้ามาในโพรงมดลูก ตัวก้อนเนื้องอกจะยึดติดกับมดลูกด้วยก้านเล็ก ๆ) และเนื้องอกในตำแหน่งนี้จะรบกวนการทำงานของเยื่อบุมดลูกและความสามารถในการฝังตัวอ่อนของเอ็มบริโอ. นอกจากนี้ยังมีเนื้องอกขนาดใหญ่อาจบังหรือปิดกั้นท่อนำไข่

พยาธิสรีรวิทยา

เมื่อเลาะเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก – ทางด้านซ้ายคือพื้นผิวด้านนอก,ส่วนที่เป็นพื้นที่ด้านที่ตัดจะเป็นรูปทางด้านขวา

เนื้องอกมดลูกจะปรากฏขึ้นรอบๆ มีขอบเขตเด่นชัด (แต่ไม่มีถุงหุ้ม), เป็นก้อนแข็งที่มีสีขาวหรือสีน้ำตาล, และจะแสดงลักษณะเป็นเนื้อเยื้อวงกลมมีขนาดแตกต่างกันไป ซึ่งต้องมองผ่านกล้องจุลทรรศน์เพื่อดูความผิดปกติทางโครงสร้างที่ค่อนข้างใหญ่. โดยปกติเนื้องอกมีขนาดเท่าผลส้มโอหรือใหญ่กว่านั้นจะสามารถรู้สึกตัวเองโดยผู้ป่วยผ่านผนังหน้าท้อง

ภาพถ่ายผ่านกล้องจุลทรรศของเนื้องอกมดลูกชนิดกล้ามเนื้อเรียบชนิดไม่อันตราย. H&E stain.

เมื่อดูจากกล้องจุลทรรศน์เซลล์มะเร็งมีลักษณะคล้ายกับเซลล์ปกติ (มีลักษณะเรียวยาวเป็นรูปไข่, มีรูปร่างเหมือนกระสวย,ใจกลางมีรูปร่างเหมือนบุหรี่) และการรวมกลุ่มในรูปแบบที่มีทิศทางที่แตกต่างกัน (มีลักษณะที่เป็นก้นหอย)เซลล์เหล่านี้มีความเหมือนกันในขนาดและรูปร่าง, เป็นกระบวนการแบ่งเซลล์ที่พบได้ยาก มีสามสายพันธุ์ที่เป็นอันตราย คือ 1.bizarre (เกิดความผิดปกติ) 2. cellular และ 3. mitotically

เมื่อมีการตรวจพบจุดเล็ก ๆ ในนิวเคลียสที่เด่นชัด (nucleoli) ที่มีรัศมีที่ใกล้ชิดกับตัวนิวเคลียสควรแจ้งเตือนอายุรเวชเพื่อตัวสอบความเป็นไปได้ของอาการก้อนเนื้องอกที่มาจากกรรมพันธ์ที่พบได้ยากและตรวจเพื่อหาเซลล์มะเร็งที่ไต

ตำแหน่งและการจำแนกประเภท

ภาพแผนผังของชนิดเนื้องอกต่างๆในมดลูก: a=เนื้องอกมดลูกที่ผิวด้านนอกมดลูก(Subserosal fibroids) , b=เนื้องอกที่กล้ามเนื้อมดลูก(Intramural fibroids) , c=เนื้องอกมดลูกที่โพรงมดลูก(Submucosal fibroid), d=เนื้องอกมดลูกชนิดที่มีก้านใต้เยื่อบุ(pedunculated submucosal fibroid), e=เนื้องอกปากมดลูก(fibroid in statu nascendi), f=เนื้องอกของเอ็น(fibroid of the broad ligament)

การเจริญเติบโตและตำแหน่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตรวจสอบเนื้องอกที่จะนำไปสู่​​การเกิดอาการและปัญหา เนื้องอกที่มีขนาดเล็ก ๆ อาจจะมีอาการหากตั้งอยู่ภายในตำแหน่งที่โพรงมดลูก ในขณะคนที่เป็นเนื้องอกมดลูกที่มีขนาดใหญ่แต่เป็นที่ด้านนอกของมดลูกอาจจะไปไม่มีอาการให้สังเกตเห็น ตำแหน่งที่ตั้งที่แตกต่างกันมีทำให้มีการจัดกลุ่มดังนี้

  • เนื้องอกที่กล้ามเนื้อมดลูก (Intramural fibroid) นี้ตั้งอยู่ภายในผนังของมดลูกและเป็นชนิดที่พบมากที่สุด ในกรณีที่มีขนาดใหญ่ที่พวกเขาอาจจะไม่มีอาการ เนื้องอกเริ่มต้นก่อนตัวอยู่ภายในจากก้อนขนาดเล็กที่ผนังกล้ามเนื้อของมดลูก ด้วยเวลาพอสมควรเนื้องอกภายในอาจขยายเข้ามาก่อให้เกิดการบิดเบือนและการยืดตัวของโพรงมดลูก
  • เนื้องอกที่ผิวด้านนอกมดลูก(Subserosal fibroid)เป็นเนื้องอกที่ตั้งอยู่ภายใต้พื้นผิวที่เป็นเนื้อเยื่อส่วนนอกของเนื้อเยื่อบุผิว(ช่องท้อง) ของมดลูกและจะกลายเป็นขนาดใหญ่มาก เนื้องอกยังสามารถงอกออกมาเป็นปุ่มเล็กๆกลายเป็นเนื้องอกที่มีก้านออกมาเติบโตแยกออกมาจากมดลูกกลายเป็น parasitic leiomyoma เป็นส่วนที่แยกออกจากก้อนเนื้องอกเดิมออกไป โดยได้รับเลือดมาเลี้ยงจากอวัยวะอื่นในอุ้งเชิงกราน
  • เนื้องอกมดลูกที่โพรงมดลูก (Submucosal fibroid) ตั้งอยู่ในกล้ามเนื้อใต้เยื่อบุโพรงมดลูกและมีลักษณะบิดเบี้ยวอยู่ในโพรงมดลูกแม้จะมีแค่ขนาดเล็กๆ แต่เมื่ออยู่ในตำแหน่งนี้ก็อาจทำให้เกิดเลือดออกและเกิดภาวะมีบุตรยาก ก้านที่อยู่ในโพรงเรียกว่าเนื้องอกที่ก้านเล็กๆสามารถที่ผ่านไปยังปากมดลูก
  • เนื้องอกในมดลูก (Cervical fibroids) ตั้งอยู่ในผนังปากมดลูก (คอของมดลูก) เป็นเนื้องอกที่ไม่ค่อยมีการพบบ่อยนัก (เส้นเอ็นที่ยึดมดลูก, แผ่นเอ็น, หรือเอ็นใต้กระดูที่อยู่บริเวณใต้กระเบนเหน็บ) ของมดลูกเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อเรียบ.

เนื้องอกอาจมีก้อนเดียวหรือหลายก้อน เนื้องอกส่วนใหญ่จะเริ่มต้นจากภายในที่เป็นชั้นของกล้ามเนื้อของมดลูกมีการเจริญเติบโตต่อไป เนื้องอกอาจจะเจริญเติบโตออกไปทางด้านนอกของมดลูกหรือจะเจริญเติบโตต่อเข้าไปภายใน การเปลี่ยนแปลงพัฒนาตัวภายใต้ของเนื้องอกทำให้มีผลถัดมาก็คือ การตกเลือด, เปลียนเป็นเนื้อร้าย, มีแคลเซียมเกาะ, และมีการเปลี่ยนแปลงที่กระเพาะปัสสวะ(เนื้องอกเบียดกระเพราะปัสสวะทำให้เกิดปัสสวะบ่อย)

เนื้องอกนอกมดลูกที่มีต้นกำเนิดมาจากมดลูก, เนื้องอกที่แพร่กระจายไปเป็นเนื้อร้าย

เนื้องอกในมดลูกเริ่มต้นมาจากมดลูกแล้วต่อไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย, บางครั้งเรียกว่า ก้อนเนื้อปรสิต (parasitic myomas) ในอดีตพบได้ไม่บ่อยนัก แต่ในปัจจุบันมีการวินิจฉัยว่ามีความถี่ของคนเป็นเนื้องอกมากขึ้น เนื้องอกอาจจะเกี่ยวข้องหรือเป็นแบบเดียวกันที่แพร่กระจายไปยังกล้ามเนื้อ

เนื้องอกมดลูกส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับฮอร์โมนแต่อาจะมีภาวะแทรกซ้อนเป็นอันตรายถึงชีวิตหากเนื้องอกขยายใหญ่ไปไกลถึงอวัยวะอื่นๆ บางแหล่งข้อมูลชี้ให้เห็นว่าในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนอยู่ในช่วงปลายของการผ่าตัดเนื้องอกของกล้ามเนื้อมดลูกหรือผ่าตัดมดลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผ่าตัดเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูกโดยวิธีส่องกล้องเพื่อดูชิ้นเนื้อแล้วผ่านทางหน้าท้องที่มีการปั่นชิ้นเนื้อให้เป็นชิ้นเนื้อเล็กๆ แล้วดูดออกมาผ่านท่อ มีส่วนเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของภาวะแทรกซ้อนนี้(ผลอันเนื่องมาจากชิ้นเนื้องอกที่มีขนาดใหญ่).

สิ่งที่ทำให้เงื่อนไขยากขึ้นอยู่กับการแพร่กระจายของเนื้องอก เนื้องอกชนิดที่ไม่เป็นอันตรายแต่เมื่ออยู่ในตำแหน่งบางตำแหน่งก็อาจเป็นอันตรายได้เหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งการเกิดของเนื้องอกเป็นสำคัญ.

  • เนื้องอกในกล้ามเนื้อมีการกดทับหลอดเลือด เนื้องอกที่ปรากฏว่าไปกดทับการไหลเวียนหลอดเลือดแต่พบว่าไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดซ้ำ
  • ไลโอไมโตมาโอสีสภายในหลอดเลือดดำ, เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูกเติบโตขึ้นในหลอดเลือดดำที่แหล่งของมันคือเนื้องอกมดลูด เมื่อมีการเกี่ยวข้องกับหัวใจอาจจะทำให้เสียชีวิตได้
  • เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงเมื่อกระจายไปยังกล้ามเนื้อ, เนื้องอกเมื่อเจริญเติบโตไปยังพื้นที่ไกลขึ้นเช่น ปอดและต่อมน้ำเหลืองที่มีแหล่งที่มาไม่ชัดเจน ถ้ามีความเกี่ยวข้องกับปอดอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
  • เมื่อมีการแพร่กระจายไปยังไลโอไมโอมาโตสีสภายในหลอดเลือดดำในช่องท้อง,เนื้องอกที่โตกระจัดกระจายบนเยื่อบุช่องท้องและพื้นผิวของเยื่อแขวนกระเพาะในช่องท้อง(omental surfaces) ที่มีแหล่งกำเนิดมาจากเนื้องอกมดลูก มีลักษณะคล้ายกับเนื้องอกร้ายแต่ปฏิบัติตัวเป็นเนื้องอกไม่ร้ายแรง

พยาธิกำเนิด

เนื้องอกมดลูกที่ผิวด้านนอกมดลูกที่มีขนาดใหญ่(large subserosal fibroid)

เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูกมาจากต้นตระกูลเนื้องอก และประมาณ 40 to 50% แสดงถึงโครโมโซมของเซลล์ที่ตรวจพบความผิดปกติของโครโมโซม ปัจจุบันความถี่ที่เกิดไม่สัมพันธ์กับพันธุกรรม กระบวนการเปลี่ยนแปลงเฉพาะของโปรตีน MED12 ได้ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นร้อยละ 70 ของเนื้องอก

สาเหตุที่ทำให้เกิดเนื้องอกนั้นยังไม่เป็นที่ชัดเจน แต่จากสมมติฐานจากงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันคือ ความบกพร่องทางพันธุกรรม, เปิดรับฮอร์โมนก่อนคลอดบุตรและมาจากผลกระทบของฮอร์โมน, ปัจจัยที่ทำให้เนื้องอกเจริญเติบโตและสารซีโนเอสโตรเจน (xenoestrogens คือสารที่มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน ส่งผลให้ภาวะไม่สมดุลของฮอร์โมนมากไปกว่าเดิมที่เป็นอยู่) ซึ่งเป็นสาเหตุให้เนื้องอกเจริญเติบโต ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นที่รู้กันก็คือผู้ที่มีเชื้อสายชาวแอฟริกา, ผู้ที่ไม่เคยบุตร (nulliparity), โรคอ้วน, กลุ่มอาการรังไข่มีถุงน้ำจำนวนมาก, โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง

การเติบโตของเนื้องอกขึ้นอยู่กับฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (progesterone) แม้ว่าทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะมีความสัมพันธ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้เกิดการเจริญเติบโตของเนื้องอกแต่ในบางสถานการณ์การเติบโตก็มีข้อจำกัด ซึ่งขัดแย้งกับเนื้องอกที่ไม่ค่อยเจริญเติบโตได้ในระหว่างการตั้งครรภ์ แม้ว่าจะมีสเตอรอยด์ฮอร์โมนที่สูงมาก และการตั้งครรภ์ค่อนข้างแน่นอนว่ามีผลที่ช่วยให้เกิดการป้องกันสำหรับผู้ที่ไม่เคยเป็นเนื้องอกได้ การป้องกันอาจจะแค่สื่อกลางบางส่วนระหว่างฮอร์โมนเอสโตรเจนและตัวรับของฮอร์โมนออซิโทซิน (oxytocin receptor: ออกซิโทซิน เป็นฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองส่วนหลัง ทำหน้าที่กระตุ้นกล้ามเนื้อเรียบของอวัยวะภายในหลายชนิด เช่น ช่วยในการเคลื่อนที่ของอสุจิจากในช่องคลอด ช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัวขณะคลอด และช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อรอบ ๆ ต่อมน้ำนมให้ขับน้ำนมออกมาเลี้ยงลูก)

มีความเชื่อว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนกับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนมีส่วนเพิ่มจำนวนของเซลล์เนื้องอกและมีอิทธิพลทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เป็นปัจจัยการเจริญเติบโตของเนื้องอก, ไซโตไคน์ (cytokines:ทำหน้าที่ในการสื่อสารระหว่างเซลล์)และปัจจัยที่ทำให้เซลล์นั้นตายลง (apoptotic factors) เช่นเดียวกับฮอร์โมนอื่นๆ นอกจากนี้การทำงานของฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนปรับเปลี่ยนโดยมีการส่งสัญญาณคุยข้ามกันระหว่างฮอร์โมนเอสโตรเจน,ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและฮอร์โมนโพแลกติน (ฮอร์โมน Prolactin เป็นฮอร์โมนอีกชนิดหนึ่งซึ่งสร้างจากต่อม Pituitary ทำหน้าที่พัฒนาต่อมน้ำนมและกระตุ้นให้มีการหลั่งน้ำนมออกมา) ที่เป็นตัวควบคุมการแสดงออกตามลำดับของตัวรับนิวเคลียส เชื่อกันว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นตัวควบคุมเสริมให้เจริญเติบโตโดย up-regulating ของสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้

IGF-1 (IGF-1 มีหน้าที่กระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์การเสริมสร้างกระดูกอ่อน,เซลล์กล้ามเนื้อ รวมถึงมีการกระตุ้นการสังเคราะห์โปรตีนในกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออื่นๆ อีกด้วย),

EGFR (Estimated Glomerular Filtration Rate เป็นค่าที่เราใช้เพื่อประเมินการทำงานของไต),

TGF-beta (Transforming growth factor beta 1 เป็นโกร๊ทแฟคเตอร์ที่มีบทบาทอย่างมากในเมตาบอลิซึมของเซลล์กระดูกและฟัน),

TGF-beta3 (Transforming growth factor beta 3 เป็นชนิดของโปรตีนที่เรียกว่าไซโตไคน์)

PDGF (PLatelet-Derived Growth Factor เป็นหนึ่งในปัจจัยการเจริญเติบโตจำนวนมากหรือโปรตีนที่ควบคุมการเจริญเติบโตของการแบ่งเซลล์) และเป็นตัวส่งเสริมให้เซลล์ของกล้ามเนื้อที่มีความผิดปกติอยู่รอดโดยไปควบคุม p53 เพิ่มตัวปัจจัยยับยั้งอะพอพโทซิส (anti-apoptotic) ของ PCP4(Purkinje cell protein 4 คือ โปรตีนของมนุษย์จะถูกเข้ารหัสโดยยีน PCP4) และสัญญาณว่ามันไม่สามารถเข้ากันได้กับ PPAR-gamma ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเป็นตัวเร่งให้ให้ก้อนเนื้อเจริญเติบโตขึ้นอยู่กับการควบคุม EGF, TGF-beta1 และ TGF-beta3, และยังมีส่วนช่วยให้มันอยู่รอดโดยผ่านการควบคุมการเจริญเติบโตจากสาร Bcl-2 และลดการเจริญเติบโตโดย TNF-alpha ส่งผ่านเพื่อให้เนื้องอกอยู่รอดผ่านควบคุมโดยส่งผ่าน Bcl-2 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการขยายการเจริญเติบโต (TGIF) ที่จะเพิ่มขึ้นของกล้ามเนื้อเมื่อเปรียบเทียบกับกล้ามเนื้อมดลูก TGIFอาจเกิดการปล่อยสาร TGF-β เป็นเส้นทางในเซลล์กล้ามเนื้อมดลูก

เนื้องอกในวัยหมดประจำเดือนจะพบสาร ER-beta, ER-alpha และตัวรับของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน มีการหลั่งออกมามากเกินไป, เนื้องอกในวัยหมดประจำเดือนซึ่งพบได้ยากและจะพบว่ามีการหลั่งสาร ER-beta มากเกินไปแบบมีนัยสำคัญ. ในการศึกษาส่วนใหญ่มีการพบความหลากหลายการเข้ารหัสยีนส์ ER and PR ซึ่งก็ไม่มีส่วนสัมพันธ์บประชากรผิวขาว อย่างไรก็ตามความพิเศษรูปแบบพันธุกรรมของ ER-alpha จะพบว่ามีความสำพันธ์กับการเกิดและขนาดของเนื้องอก เนื้องอกกลุ่มนี้พบได้มากกับพันธุกรรมของกลุ่มผู้หญิงผิวดำ

เนื้องอกมดลูกมีความไวต่อการกระตุ้นมากกว่ากล้ามเนื้อมดลูกปกติ ตัวรับ PPAR-gamma ยืนยันผลลัพธ์ว่าได้ลดการดำรงอยู่และการตายของเซลล์เนื้องอก กลไกก็คือ สื่อสารส่งสัญญาณเชิงลบเส้นทางคุยกันระหว่าง ER และ PPAR หลายๆ PPAR-gamma ลิแกนด์ (Ligands ในทางเคมีคือสสารภายนอกเซลล์ที่เชื่อมต่อกับตัวรับ) เมื่อพิจารณาว่ารักษาดูแลได้อย่างมีสมรรถภาพ PPAR-gamma อะโกนิสต์ (agonists เป็นสารที่เมื่อเชื่อมต่อกับตัวรับทางชีวเคมี แล้วทำให้เกิดการกระตุ้นกลไกตอบสนองของเซลล์) อาจจะต่อต้านกับการเจริญเติบโตของเนื้องอก โดยร่วมกับกลไกของระบบอื่นอีกหลายๆ ตัว ยกตัวอย่างเช่น TGF-beta3 เป็นตัวยับยั้งอาการ

โรคความดันโลหิตสูง ก็มีความสัมพันธ์กับเนื้องอก ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ในเชิงสาเหตุในทางสมมุติฐานอาจจะไม่ใช่ทั้งหมดอาจทำให้เป็นหลอดเลือดแข็งตัวเวลาได้รับบาดเจ็บที่หลอดเลือดมดลูก และเป็นผลทำให้เกิดผลบทบาทสำคัญเมื่อเกิดสภาพการอักเสบ นอกจากนี้ต่อมไร้ท่อเป็นปัจจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับความดันเลือดเช่น Angiotensin II (Angiotensin II เป็นสารสำคัญในเลือดและในเนื้อไตเองโดยแสดงฤทธิ์ต่างๆ คือ 1.ฤทธิ์ต่อหลอดเลือดและหัวใจ 2.ฤทธิ์ต่อไต 3.ฤทธิ์ต่อต่อมหมวกไต 4.ฤทธิ์ต่อระบบประสาท)เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดเนื้องอกผ่านตัว Angiotensin II type 1 receptor.

ฮอร์โมนเพศชาย (Aromatase) และสาร 17beta-hydroxysteroid dehydrogenase คือ แสดงค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานในเนื้องอก แสดงให้เห็นว่าเนื้องอกสามารถที่จะเปลี่ยนแปลหมุนเวียนแอนโดรสตีนไดโอน(Androstenedione นั่นคือสารกระตุ้นฮอร์โมนที่เป็นสารแนะนำของฮอร์โมนเพศชาย) ในเอสตาไดออล(estradiol คือระดับฮอร์โมนในเพศหญิง) กลไกที่คล้ายกันเป็นปฏิบัติการที่ขยายความในเรื่องโรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่(endometriosis) และโรคเยื่อบุโพรงมดลูกอื่น ๆ การยับยั้งการทำางานของเอนไซม์ของฮอร์โมนเพศชายที่มีหน้าที่เปลี่ยนแอนโดรเจนเป็นเอสโตรเจน คือปัจจุบันถือว่าเป็นการรักษาบางอย่างในทางที่เป็นไปได้ที่จะยับยั้งการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนในเนื้องอกในขณะที่มันยังไม่ใหญ่นักแต่ก็มีผลกระทบต่อการผลิตรังไข่ของฮอร์โมนแอสโตรเจน (และระดับของระบบของร่างกาย) ฮอร์โมนเพศชายจะใช้วิธีการตรวจเพื่อตรวจสอบว่าถ้ายีนใดมีความผิดปกติยีนนั้นจะสร้างโปรตีนมากกว่าปกติที่เด่นชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงแอฟริกาอเมริกัน

สาเหตุทางพันธุกรรมและการถ่ายทอดทางพันธุกรรม คือ ได้รับการพิจารณาและอีกหลายอย่างทางระบาดวิทยา ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าอิทธิพลทางพันธุกรรมมากโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระดับแรกมีความเสี่ยง 2.5 เท่า และ ความเสี่ยงใกล้กับ 6 เท่าเมื่อพิจารณาในกรณีที่มีอาการเริ่มต้นไปแล้ว ฝาแฝดที่มีไข่ใบเดียวกัน (Monozygotic twins) มีอัตราการสอดคล้องว่าอาจจะมีการผ่าตัดมดทั้งคู่เมื่อเทียบกับฝาแฝดที่เกิดจากไข่คนละใบ(dizygotic twins)

เช่น แผลเป็นนูน, เนื้องอก ไม่ผลิตสารเคลือบเซลล์ภายนอก จากการศึกษาล่าสุดชี้ให้เห็นว่ากระบวนการนี้อาจเป็นตัวแทนที่แสดงให้เห็นการตอบสนองที่ผิดปกติของการขาดเลือดและกลไกการบีบตัวของเนื้อเยื่อ มีปัจจัยหลายอย่างเป็นส่วนประกอบอย่างมีนัยสำคัญสัญญาณของเส้นทางของสารเคลือบเซลล์ (extracellular signaling pathways) อย่างเช่น ERK1 และ ERK2, ซึ่งบอกได้ว่าเนื้องอกนั้นได้รับอิทธิพลอย่างชัดเจนมาจะฮอร์โมน น่าประหลาดและแตกต่างจากเงื่อนไขอื่นๆ อย่างมากที่มีเรื่องผังผืดมากเกี่ยวข้องด้วยมีการตรวจพบยีนส์ Cyr61 ในเนื้องอกและมีการพบกระบวนการที่เซลล์ลดปริมาณขององค์ประกอบของเซลล์ในเนื้องอก

Cyr61 เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหยุดยั้งเนื้องอกและกลไกการสร้างเลือดใหม่ (angiogenesis) การลดความหนาแน่นของหลอดเลือดเป็นการลดขนาดของเนื้องอกลงได้

การวินิจฉัย

ในขณะที่ตรวจสอบโดยการใช้มือคลำ 2 มือมักจะสามารถเจอการปรากฏของก้อนเนื้องอกสำหรับเนื้องอกที่มีขนาดใหญ่,พบจากคลื่นความถี่สูงของทางสูตินารีแพทย์ (อัลตร้าซาวด์) มีการพัฒนาเป็นเครื่องมือมาตรฐานในการประเมินสำหรับเนื้องอกในมดลูก. การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงจะสามารถเห็นเนื้องอกที่มีกลุ่มก้อนแตกต่างกัน ซึ่งมักจะทำให้เกิดเงาของแสงอัลตร้าซาวด์ การตรวจอัลตราซาวด์สามารถตรวจสอบได้ทั้งขนาดและตำแหน่ง นอกจากนี้ยังมีการถ่ายภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก (MRI) สามารถใช้ในการกำหนดภาพของขนาดและตำแหน่งของเนื้องอกในมดลูกได้

การถ่ายภาพรังสีไม่สามารถแยกแยะระหว่างเนื้องอกธรรมดาไม่ร้ายแรงกับเนื้อร้ายได้ อย่างไรก็ตามเมื่อตรวจภายหลังค่อนข้างหายากที่จะเห็นก้อนเนื้องอกเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วหรือการเจริญเติบโตที่ไม่คาดคิด เช่นการขยายตัวของเนื้องอกหลังวัยหมดประจำเดือน จะเพิ่มระดับความสงสัยได้ว่าเนื้องอกนั้นอาจจะเป็นก้อนเนื้อมะเร็ง โดยเนื้องอกอาจจะพัฒนาเป็นมะเร็งได้สูงโดยดูจากตำแหน่งที่เนื้องอกที่ขยายไป การศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ชี้ให้เห็นว่าความสามารถในการวินิจฉัยโดยใช้ MRI มีการปรับปรุงความสามารถในการตรวจหารอยของโรคทางด้านเนื้องอกได้ การผ่าตัดชิ้นเนื้อเพื่อนำไปตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ(Biopsy)จะดำเนินการน้อยมากและหากดำเนินการจะไม่ค่อยมีการวินิจฉัย ควรจะมีการวินิจฉัยที่ก้อนเนื้องอกถ้ามีความไม่แน่ใจหลังจากการทำอัลตร้าซาวด์และภาพถ่ายจาก MRI ซึ่งชี้ให้เห็นข้อบ่งชี้โดยทั่วไป

เทคนิคการถ่ายภาพอื่น ๆ ที่อาจจะเป็นประโยชน์โดยเฉพาะในการประเมินผลของรอยโรคที่มีผลต่อโพรงมดลูกในการตรวจก็จะมี การตรวจท่อน้ำไข่และโพรงมดลูก (hysterosalpingography) หรือ การอัลตร้าซาวน์น้ำเพื่อดูสภาพภายในมดลูก (sonohysterography)

อาการผิดปกติ

เนื้องอกที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเลือดออกมากจากช่องคลอดมีโอกาสทำให้เป็นโรคโลหิตจาง และการขาดธาตุเหล็ก ผลกระทบจากความดันทำให้มีปัญหาที่กระเพาะอาหารทำให้เกิดอาการ เช่น อาการท้องผูก (constipation) และอาการท้องอืดก็เป็นไปได้. การที่เนื้องอกเข้าไปเบียดที่ไตอาจนำไปสู่ภาวะไตเสื่อมมีน้ำคั่ง เนื้องอกอาจจะแสดงอาการควบคู่ไปกับโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis) ซึ่งอาจจะทำให้เกิดสาเหตุภาวะมีบุตรยาก โรคที่มีการฝังตัวของเยื่อบุมดลูกในชั้นกล้ามเนื้อมดลูก (Adenomyosis) อาจถูกทำให้เข้าใจผิดหรืออยู่ร่วมกับเนื้องอก

ในกรณีที่หายากมากที่เป็นเนื้องอกจะเป็นชนิดร้ายแรง (มะเร็ง) การเจริญเติบโตของมะเร็งกล้ามเนื้อเรียบมดลูก(leiomyosarcoma)ที่กล้ามเนื้อมดลูกที่สามารถพัฒนาออกไป ในกรณีนี้หาได้ยากมากในเนื้องอกมดลูกอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งหรืออาการเริ่มต้นของพันธุกรรมของไลโอไม่โอมาโตสีสภายในหลอดเลือดดำและอาการเซลล์มะเร็งที่ไต (hereditary leiomyomatosis and renal cell cancer)

การรักษา

เนื้องอกส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องรักษาเว้นแต่เนื้องอกเหล่านี้จะก่อให้เกิดอาการ เนื้องอกจะมีขนาดลดลงเมื่อถึงวัยหมดประจำเดือน และเป็นเรื่องปกติที่เนื้องอกจะทำให้เกิดปัญหา

เนื้องอกในมดลูกอาการสามารถรักษาได้โดย

  • ยาเพื่อควบคุมอาการ
  • ยาที่มีเป้าหมายในการลดขนาดของเนื้องอก
  • การอัลตร้าซาวด์เพื่อทำลายเนื้องอก
  • การผ่าตัดลอกเนื้องอกมดลูก หรือ การผ่าตัดด้วยคลื่นวิทยุ
  • การตัดมดลูก
  • การอุดเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงมดลูกและเนื้องอกของมดลูก(uterine artery embolization)

ผู้หญิงที่ประเมินว่าควรได้รับการรักษาจะดูที่ศูนย์กลางของเนื้องอกมดลูกซึ่งมีหลายทางเลือกและการรักษาส่วนใหญ่จะดูว่าจะรักษามดลูกอย่างน้อยที่สุดรักษาในส่วนที่แพร่กระจาย

การใช้ยา

จำนวนของยาที่ใช้ในการควบคุมอาการที่เกิดจากเนื้องอก ยาลดการอักเสบ (NSAIDs) สามารถใช้ในการลดความเจ็บปวดประจำเดือน ยาเม็ดคุมกำเนิดมีฤทธิ์ที่จะลดเลือดออกในมดลูกและอาการปวด. โรคโลหิตจางอาจจะต้องได้รับการรักษาด้วยการเสริมธาตุเหล็ก

อุปกรณ์หรือยาที่ใช้คุมกำเนิด (Levonorgestrel intrauterine devices) ที่มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมการไหลเวียนของเลือดประจำเดือนและการปรับสมดุลอาการอื่น ๆ. ผลข้างเคียงจะอยู่ในระดับปานกลาง ยาเม็ดคุมกำเนิด (levonorgestrel , progestin) จะถูกให้ในปริมาณไม่มาก. ขณะนี้มีหลักฐานมากมายที่ยาเม็ดคุมกำเนิด(Levongestrel-IUDs)ช่วยบรรเทาอาการที่ดีสำหรับผู้หญิงที่มีเนื้องอก. ในขณะที่การศึกษายาคุมกำเนิดส่วนใหญ่ (Levongestrel-IUD) จากการศึกษาอย่างหนักว่ามีการให้การรักษากับผู้หญิงที่ยังไม่มีเนื้องอกนั้นผลการรายงานว่าได้ผลดี โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีเนื้องอกนั้นทำให้ขนาดลดลง.

ไดนาซอล (Danazol เป็นยาคุมฉุกเฉิน) ใช้รักษาที่มีประสิทธิภาพเพื่อควบคุมอาการและลดขนาดเนื้องอก การใช้งานจะถูกจำกัดเนื่องจากผลข้างเคียงของยา กลไกของมันมีผลทำให้เกิดแอนตี้ฮอร์โมนแอสโตรเจน(ซึ่งจะไปลดฮอร์โมนเพศหญิง เช่น มีอาการบวมน้ำ ขนดก เสียงแตกพร่า เป็นต้น) จากประสบการณ์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงรายละเอียดความปลอดภัยและผลข้างเคียงที่สามารถแก้ไขได้โดยการใช้ยาแบบรอบคอบและระมัดระวังมากขึ้น

Dostinex อยู่ในระดับปานกลางและมีความต้านทานได้ดีที่จะแสดงให้เห็นมี 2 กรณีศึกษาที่สามารถช่วยลดขนาดของเนื้องอกได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่กลไกของการทำงานยังไม่มีความชัดเจน.

Gonadotropin-releasing hormone analogs ช่วยในการหดตัวของเนื้องอกชั่วคราวโดยการลดระดับของฮอร์โมน เนื่องจากมีข้อจำกัดในการใช้ยาและผลข้างเคียงของมันจึงไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ นอกจากจะใช้ก่อนการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของเนื้องอกและก่อนผ่าตัดมดลูก โดยปกติแล้วจะใช้ยาไม่เกิน 6 เดือนหรือน้อยกว่านั้นเพราะหลังจากที่ได้ใช้ยานี้ก่อให้เกิดโรคกระดูกพรุน (osteoporosis) และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ในวัยหมดประจำเดือน ในหลายๆ กรณีเนื้องอกจะเติบโตขึ้นมาใหม่หลังจากหยุดรักษา อย่างไรก็ตามแต่ก็มีประโยชน์หลายๆ อย่างอีกมากจากการรักษาสำหรับในบางกรณีในหลายรูปแบบที่เป็นไปได้ เช่น กล้ามเนื้อเดียวกันกับกลุ่มฮอร์โมน GnRH ด้วยสุตรการเพิ่มด้วยความตั้งใจที่จะลดผลกระทบของการขาดฮอร์โมน การเพิ่มหลายตัวเป็นไปได้ เช่น ยาทิมโบโลน (tibolone ยาที่ใช้รักษาสตรีหมดประเดือน), ยา raloxifene เป็นยาที่ใช้ป้องกันและรักษาภาวะกระดูกพรุนในหญิงวัยหมดประจำเดือน,ฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนอย่างเดียว (progestogens) , ฮอร์โมนฮอร์โมนเอสโตรเจน และนำฮอร์โมนสองตัวมารวมกันทั้งฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนและฮอร์โมนเอสโตรเจน

Ulipristal acetate คือการสังเคราะห์การปรับตัวรับของฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน (selective progesterone receptor modulator) ซึ่งได้รับการทดสอบในการทดลองแบบสุ่มในการทดลองเล็ก ๆ ซึ่งผลออกมาว่ามีผลดีสำหรับการรักษาเนื้องอก เหมือนการปรับตัวรับของฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนและการต่อต้านเนื้องอกที่ได้รับการรายงานเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เยื่อบุมดลูกทางจุลกายวิภาคศาสตร์ของเนื้อเยื่อ และในการศึกษาในระยะยาวยังไม่ถูกกำหนดความปลอดภัยขึ้น

อร์โมนโปรเจสเทอโรน ยังมีการต่อต้าน เช่น ยาไมฟีพริสโทน (Mifepristone) ได้รับการทดสอบ มีหลักฐานว่ามันบรรเทาอาการบางอย่างได้และช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต แต่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงเนื้อเยื่อผลข้างเคียงที่ได้รับทำให้เกิดการตั้งข้อสังเกตในการทดลองหลายๆ อย่าง จึงไม่สามารถแนะนำให้ใช้ได้ ในขณะที่ยังมีการตั้งค่าการวิจัยกันอยู่ ตัวรับของฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน (Selective progesterone receptor modulators) เช่น Progenta ซึ่งกำลังถูกได้รับการตรวจสอบข้อเท็จจริง

selective progesterone receptor modulator Asoprisnil ในปัจจุบันได้รับการทดสอบว่ามีแนวโน้มเป็นไปได้มากที่สุดที่สามารถใช้ในการรักษาเนื้องอก - โดยหวังว่าจะเกิดประโยชน์ในการต้านฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนโดยไม่มีผลข้างเคียงกับผู้ทำการรักษา

ความปลอดภัยในระยะยาวที่ใช้การการต้านฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนที่ใช้การปรับที่ใช้การปรับตัวรับของฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนยังไม่มีการจัดตั้งขึ้น

Aromatase inhibitors (การทำงานของ Aromatase inhibitor คือ การยับยั้งการทำางานของเอนไซม์อโรมาเตสที่มีหน้าที่เปลี่ยนแอนโดรเจนเป็นเอสโตรเจน) ได้ถูกทดลองนำมาใช้ในการลดขนาดเนื้องอก ผลที่ได้มีความเชื่อกันว่าเป็นเพราะบางส่วนจากการลดระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจนและบางส่วนโดยการยับยั้งเฉพาะส่วนฮอร์โมนเพศชาย (Aromatase) ในเนื้องอก. จากประสบการณ์ในการรักษาโดยการยับยั้งฮอร์โมนเพศชายของโรคเหยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis) เห็นได้ว่าสารยับยั้งฮอร์โมนเพศชายมีประโยชน์อย่างยิ่งในการทำงานร่วมกันในการยับยั้งการตกไข่ของฮอร์โมนโปรเจสโตเจน

รังสีวิทยาหลอดเลือดมดลูก

Uterine artery embolization (UAE เป็นการรักษาโดยวิธีทางรังสีร่วมรักษาผ่านทางหลอดเลือดแดงเข้าไปอุดกั้นหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงเนื้องอกมดลูกโดยตรงทำให้เนื้องอกมดลูกมีขนาดเล็กลงและทำให้เนื้องอกดังกล่าวหายไปได้): คือจะปิดกั้นกระบวนการของหลอดเลือดเพื่อประสิทธิภายในการรักษาอาการของเนื้องอก โดยใช้เทคนิครังสีวิทยา (interventional radiology), โดยวิธีการทางรังสียับยั้งลดทั้งหลอดเลือดแดงอุดตันหรือทำลายมดลูก, เพื่อลดเส้นทางของเลือดที่ไปเลี้ยงยังเนื้องอก. การรักษาวิธีนี้จะไม่แนะนำเมื่อต้องการที่รักษาปกป้องการเจริญพันธุ์เมื่อจะมีความเป็นไปได้ว่ามีการตั้งครรภ์.สายสวนขนาดเล็ก (ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง1 มิลลิเมตร) ใส่เข้าไปในเส้นเลือดแดงที่ระดับขาหนีบภายใต้ยาชาเฉพาะที่ ภายใต้การแนะนำใต้ภาพ รังสีแพทย์จะเข้าสู่วิธีการที่จะคัดเลือกทั้งหลอดเลือดแดงของมดลูกและฉีดอนุภาคขนาดเล็ก (500 ไมครอน) เป็นอนุภาคที่จะปิดกั้นการส่งเลือดไปยังเนื้องอก ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวในขั้นตอนไม่กี่วัน ขั้นตอนของการทำ UAE นั้นจะส่งผลให้ปริมาณของโลหิตมีจำกัดที่ส่งไปยังเนื้องอกซึ่งจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกในอนาคตต่อไป,มีเลือดออกมากและเป็นไปได้ที่เนื้องอกมีขนาดเล็กลง

การศึกษาการศึกษาย้อนหลังแสดงให้เห็นว่ายูเออีมีผลกระทบที่ร้ายแรงน้อยมากกว่าการผ่าตัดมดลูก อัตราส่วนออด 0.25 (odds ratio 0.25) และอัตราที่เหมือนเป็นค่าความพึงพอใจ ในการศึกษานี้ มีผู้หญิง 86% ที่ได้รับการรักษาโดยวิธีการ UAE จะแนะนำการรักษาให้เพื่อน เมื่อนำไปเทียบกับ 70% ของผู้ที่รับการรักษาโดยการผ่าตัดมดลูก

ในปี 1994, ดร.บรูซ แมคลูคัส (Dr. Bruce McLucas) เป็นผู้ทำการรักษาด้วยวิธีการ UAE สำเร็จเป็นคนแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่นั้นมาก็ได้มีการใช้วิธี UAE นี้ประสบความสำเร็จในผู้ป่วยนับพันคนทั่วโลก เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนของสูตินรีแพทย์ของโลกที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินการ UAE. ดร.แมคลูคัสยังฝึกอบรมแพทย์ทั่วโลกที่จะประสบความสำเร็จในการดำเนินการ UAE

การผูกหลอดเลือดในมดลูก

การผูกหลอดเลือดในมดลูก (Uterine artery ligation) , บางครั้งก็ผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อปิดกั้นหลอดเลือดแดงที่มดลูกเป็นวิธีการที่ลดการส่งเลือดไปเลี้ยงมดลูกโดยการผ่าตัดขนาดเล็กที่สามารถดำเนินการผ่านทางช่องคลอดหรือผ่าตัดผ่านทางกล้อง วิธีการและกลไกการรักษาจะคล้ายกับวิธีการ UAE แต่วิธีการดำเนินการจะง่ายและผลข้างเคียงน้อยกว่า แต่ถ้าจะเปรียบเทียบกันแล้ว UAE เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าวิธีการนี้.

การผ่าตัดด้วยคลื่นความถี่วิทยุ

การผ่าตัดด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency ablation) คือหนึ่งในวิธีการในการรักษาเนื้องอกที่มีผลกระทบน้อย เทคนิคของวิธีการนี้ก็คือ ใช้เส้นใยที่มีขนาดเล็กที่มีอุปกรณ์คล้ายเข็มเข้าไปในเนื้องอกผ่านทางช่องท้องและใช้ความร้อนของคลื่นความถี่วิทยุ(Radio-Frequency:RF) ปล่อยพลังงานไฟฟ้าเป็นผลให้เซลล์นั้นตาย การรักษาวิธีนี้เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้หญิงที่มีเนื้องอกสำหรับผู้ที่ต้องการมีบุตรและไม่ต้องการที่จะผ่าตัดมดลูก

การผ่าตัดลอกเนื้องอกมดลูก

การรักษาเนื้องอกโดยวิธีผ่าตัดผ่านทางกล้อง(laparoscopic surgery)
หลังจากการรักษาเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูกโดยวิธีผ่าตัดผ่านกล้อง(laparoscopic surgery)

การผ่าตัดลอกเนื้องอกมดลูก (myomectomy) คือ การผ่าตัดเอาเนื้องอกมดลูก 1 ก้อนหรือมากกว่านั้น เป็นได้รับการแนะนำเพิ่มเติมเมื่อใช้วิธีการรักษาวิธีอื่นไม่ได้ผลสำหรับผู้หญิงที่ต้องการที่ได้รับการผ่าตัดแบบสมบูรณ์และต้องการที่จะรักษามดลูกเอาไว้

วิธีการที่จะผ่าตัดลอกเนื้องอกมดลูกมีอยู่ 3 วิธี:

  • การผ่าตัดส่องกล้อง (hysteroscopic myomectomy มักจะเรียกว่า transcervical resection) ซึ่งจะตัดเอาเนื้องอกออกด้วยใช้อุปกรณ์ที่เป็นแท่งยาวเรียกว่า Resectoscope เข้าไป ตัวนี้ตรงปลายจะมีกล้อง ผ่านช่องคลอดและปากมดลูกเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่แทรกผ่านช่องคลอดและปากมดลูกสามารถใช้พลังงานไฟฟ้าความถี่สูงในการผ่าตัดเนื้อเยื่อเนื้องอก
  • การผ่าตัดผ่านทางกล้อง (laparoscopic myomectomy) คือ เมื่อทำเสร็จแล้วจะเกิดแผลขนาดเล็กบริเวณใกล้กับสะดือ แพทย์จะใช้กล้องที่เรียกว่า Laparoscope และเครื่องมือที่จะใช้ผ่าตัดเพื่อเอาเนื้องอกออก จากการศึกษาแนะนำให้ผ่าตัดผ่านทางกล้องนั้นมีส่วนทำให้อัตราการเจ็บน้อย(morbidity) และฟื้นตัวได้รวดเร็วด้วยวิธีการนี้
  • การผ่าตัดเปิดทางช่องท้อง (laparotomic myomectomy : เป็นการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องหรือช่องท้อง) เป็นขั้นตอนการผ่าตัดที่ช่วยเอาเนื้องอกออกจากมดลูกได้มากที่สุด แพทย์ที่ทำการผ่าตัดจะเปิดให้เกิดแผลในผนังช่องท้องและเอาเนื้องอกออกจากมดลูก

การตัดมดลูก

การตัดมดลูก (Hysterectomy) เป็นวิธีการดั้งเดิมที่ใช้ในการรักษาเนื้องอก. ถึงแม้ว่าเวลาที่แนะนำวิธีการตัดมดลูกนั้นจะเป็นทางเลือกสุดท้ายก็ตาม เนื้องอกก็ยังเป็นสาเหตุสำคัญในการตัดมดลูกของหญิงชาวสหรัฐเมริกา

การทำลายเยื่อบุโพรงมดลูก

การทำลายเยื่อบุโพรงมดลูก (Endometrial ablation) จะใช้ในกรณีที่มีเนื้องอกที่อยู่ภายในโพรงมดลูกและไม่ใช่เนื้องอกที่กล้ามเนื้อมดลูกและมีขนาดค่อนข้างเล็ก อัตราในการทำมีความล้มเหลวสูงและปรากฏว่ามีอัตราการเกิดเนื้องอกซ้ำสำหรับเนื้องอกที่มีขนาดใหญ่หรือเนื้องอกที่อยู่ในชั้นกล้ามเนื้อมดลูก

การใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแนะนำที่เน้นการอัลตราซาวด์

การใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแนะนำที่เน้นอัลตราซาวด์ (MRgFUS:Magnetic Resonance guided Focused Ultrasound) คือ ส่วนที่งอกมาไม่แพร่กระจาย(จะต้องไม่มีแผล) โดยจะเน้นการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ที่มีเข้มข้นสูงทำลายเนื้อเยื่อทำงานร่วมกับเครื่องตรวจวินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ซึ่งแนะนำและให้ติดตามการตรวจรักษา ในระหว่างขั้นตอนส่งพลังจากการอัลตราซาวด์เป็นเรื่องที่แนะนำและควบคุมโดยใช้ความร้อนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า. ผู้ป่วยที่มีอาการเนื้องอกผู้ที่มีความประสงค์ที่เลือกการรักษาที่แบบไม่แพร่กระจายและผู้ที่ไม่ข้อบ่งชี้ห้ามในการใช้เครื่อง MRI สมัครใจที่จะใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแนะนำที่เน้นอัลตราซาวด์ ผู้ป่วยที่มีคุณสมบัติในการรักษาวิธีมีประมาณ 60% ผู้ป่วยนอกจะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 1-3 ชั่วโมงทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของเนื้องอกวิธีการนี้มีความปลอดภัยและได้ผลที่มีประสิทธิภาพประมาณ 75% การดูแลอาการจะคงอยู่สองปีขึ้นไป จำเป็นในการรักษาที่เพิ่มขึ้นแตกต่างกันไป 16-20% และเป็นส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับปริมาณของเนื้องอกที่สามารถเอาออกได้อย่างปลอดภัย ปริมาณที่เอาออกมากขึ้น ปริมาณที่กลับมารักษาอีกครั้งลดลง. เมื่อเทียบกับตัวเลือกในการรักษาที่มีอยู่, ช่วยในการลดค่าใช้จ่ายสำหรับ MRgFUS ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอังกฤษซึ่งพบว่าเป็นเหตุผลหนึ่งและใกล้เคียงกับการรักษาทางเลือก (การตัดมดลูก,ยาที่ใช้บำบัด, รังสีวิทยาหลอดเลือดมดลูก). ขณะนี้ยังไม่มีการทดลองแบบสุ่มระหว่าง MRgFUS และ UAE ทดลองหลายศูนย์กำลังดำเนินการในการตรวจสอบประสิทธิภาพของ MRgFUS กับ UAE

ระบาดวิทยา

มีคน 235 ล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากการมีเนื้องอกมดลูกจากสถิติในปี 2010 (คิดเป็น 6.6% ของผู้หญิง). ประมาณ 20–40% ของผู้หญิงได้รับวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกมดลูกบางจุดแต่มีจำนวนเล็กน้อยที่จะมีปัญหาและต้องการการรักษา

เนื้องอกมดลูกพบมากในผู้หญิงที่มีโรคอ้วน เนื้องอกจะขึ้นอยู่กับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เติบโตและดังนั้นจึงมีความเกี่ยวพันธ์กันระหว่างช่วงปีที่มีการเจริญพันธุ์ และเนื้องอกเหล่านี้คาดว่าจะมีขนาดลดลงในวัยหลังหมดประจำเดือน

กลุ่มคนที่เกี่ยวกับกรรมพันธุ์

ร่วมกับการสังเคราะห์กลุ่มไขมัน (fatty acid synthase) ที่ได้รับการรายงาน.

คนในครอบครัวผู้ที่มีเนื้องอก

ข้อมูลเพิ่มเติม: Hereditary leiomyomatosis and renal cell cancer

อาการที่จะทำให้เกิดเนื้องอกมดลูกพร้อมกับเนื้องอกผิวหนัง (Reed’s syndrome) และมะเร็งที่ไต(renal cell cancer) ที่ได้รับการรายงาน. จะมีความเกี่ยวข้องในการกลายพันธุ์ของยีนส์ที่ก่อให้เกิดเอนไซด์ฟูมาเรทไฮดร้าเทส(enzyme fumarate hydratase) ตั้งอยู่ในโครโมโซมคู่ที่ 1(chromosome 1:1q42.3-43) ซึ่งได้รับการถ่ายทอดพันธุ์กรรมเด่น

สหรัฐอเมริกา

80% ของผู้หญิงชาวแอฟริกันอเมริกันที่มีเนื้องอกแบบไม่เป็นอันตรายในปลายวัย 40 ของเธอ ตามที่สถาบันแห่งชาติของวิทยาศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อม. หญิงชาวแอฟริกันอเมริกามีโอกาส 2 ใน 3 ที่มีแนวโน้มที่เป็นเนื้องอกมากกว่าผู้หญิงผิวขาว. ในผู้หญิงแอฟริกันอเมริกันเนื้องอกดูเหมือนจะเกิดขึ้นกับวัยของผู้ที่มีอายุน้อย, เติบโตได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดอาการ. ซึ่งจะนำไปสู่การผ่าตัดมากขึ้นสำหรับผู้ป่วยชาวแอฟริกันอเมริกา,สำหรับการผ่าตัดลอกเนื้องอกมดลูกและการผ่าตัดมดลูก. เพิ่มความเสี่ยงเนื้องอกในแอฟริกัน-อเมริกันที่จะนำไปสู่ประสบการณ์การรักษาที่เลวร้ายและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกก่อนวัยอันควรและการผ่าตัดคลอดของพวกเธอ.

ยังไม่เป็นที่ชัดเจนนักว่าทำไมเนื้องอกจึงเกิดกับผู้หญิงที่แอฟริกัน-อเมริกันกันมาก. บางการศึกษาแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงผิวดำผู้ซึ่งเป็นโรคอ้วนและมีความดันโลหิตสูงมีแนวโน้มที่จะเกิดเนื้องอก หญิงผิวดำมีการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับนมน้อยกว่าหญิงผิวขาวและมีปริมาณแคลเซียมน้อยกว่า, แมกนีเซียมและฟอสฟอรัส, ในขณะที่ข้อมูลบางอย่างที่มีข้อบ่งชี้ให้เห็นว่าการบริโภคผลิตภัณฑ์เกที่ยวกับนมเพิ่มขึ้นในผู้หญิงแอฟริกัน-อเมริกันมีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของเนื้องอก มีความสัมพันธ์กับการใช้ผลิตภัณฑ์ของน้ำยายืดผม และค้นพบว่ามีความเสี่ยงของการพัฒนาของเนื้องอก, มีจำนวนความถี่ในการใช้น้ำยายืดผมของผู้หญิงชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่จะอธิบายในเรื่องความเสี่ยงที่เป็นเนื้องอก

การพยากรณ์โรค

ประมาณ 1:1000 ของผู้ที่มีเนื้องอกที่กลายเป็นเนื้องอกร้ายแรงเป็นมะเร็งชนิดกล้ามเนื้อเรียบ(leiomyosarcoma) ในทางวิทยาทางเนื้อเยื่อ.จากสัญญาณว่าแผลหรือเนื้องอกนั้นจะเป็นมะเร็งและเติบโตขึ้นหลังจากวัยหมดระดู(menopause) มีข้อสรุปเป็นมติของพยาธิวิทยาที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเนื้องอกมดลูก (leiomyoma) ในก้อนเนื้อมะเร็ง (sarcoma) ในทางพยาธิวิทยาส่วนใหญ่เชื่อว่ามะเร็งชนิดกล้มเนื้อเรียบคือโรคใหม่(de novo disease).

การแพร่กระจาย

มีเงื่อนไขมากมายที่มีส่วนในการแพร่กระจายของเนื้องอก เนื้องอกยังคงเติบโตแต่ก็เป็นอันตรายได้ก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเนื้องอก

สังคมและวัฒนธรรม

กฎหมายของสหรัฐอเมริกา

[2005 S.1289 bill] เรียกว่าคณะกรรมการสุขภาพ ชนชั้นแรงงานและบำเหน็จบำนาญแต่ไม่เคยผ่านร่างวุฒิสภาและลงคะแนนเสียง ได้เสนอเกี่ยวกับงานวิจัยเนื้องอกมดลูกและจาการศึกษา พระราชบัญญัติการศึกษาของปี 2005 กล่าวว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คือการใช้จ่ายประจำทุกปีในการผ่าตัดมดลูกในแต่ละปี คิดเป็น 22% ของผู้หญิงแอฟริกัน-อเมริกันและ 7% ของผู้หญิงผิวขาว มีการเก็บเงินระดมทุนมากขึ้นเพื่อการวิจัยและการศึกษา นอกจากนี้ยังระบุว่ามีเงินจำนวน 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับ NIH, 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ถูกจัดสรรสำหรับเนื้องอกมดลูกในปี 2004

ในสัตว์อื่นๆ

เนื้องอกมดลูกพบได้ยากสำหรับสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ แม้กระนั้นก็ยังมีการตั้งข้อสังเกตในสุนัขและแมวน้ำสีเทาบอลติก (Baltic gray seals)

แหล่งข้อมูลอื่น

การจำแนกโรค
ทรัพยากรภายนอก

Новое сообщение