Продолжая использовать сайт, вы даете свое согласие на работу с этими файлами.
เนื้องอกมดลูก
เนื้องอกไม่ร้ายของกล้ามเนื้อมดลูก (Uterine fibroids) | |
---|---|
ชื่ออื่น | Uterine leiomyoma, uterine myoma, myoma, fibromyoma, fibroleiomyoma |
ภาพเนื้องอกมดลูกที่เห็นจากการผ่าตัดส่องกล้อง | |
สาขาวิชา | นรีเวชวิทยา |
อาการ | ปวดประจำเดือน, ประจำเดือนมามาก |
ภาวะแทรกซ้อน | Infertility |
การตั้งต้น | Middle and later reproductive years |
สาเหตุ | ไม่ทราบสาเหตุ |
ปัจจัยเสี่ยง | ประวัติครอบครัว, ความอ้วน, การกินเนื้อแดง |
วิธีวินิจฉัย | Pelvic examination, medical imaging |
โรคอื่นที่คล้ายกัน | Leiomyosarcoma, pregnancy, ovarian cyst, ovarian cancer |
การรักษา | Medications, surgery, uterine artery embolization |
ยา | Ibuprofen, paracetamol (acetaminophen), iron supplements, gonadotropin releasing hormone agonist |
พยากรณ์โรค | Improve after menopause |
ความชุก | ~50% of women by age 50 |
เนื้องอกไม่ร้ายของกล้ามเนื้อมดลูก เป็นเนื้องอกไม่ร้ายของกล้ามเนื้อเรียบในมดลูก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ บางรายอาจมีอาการปวดประจำเดือนหรือประจำเดือนมามาก หากมีขนาดใหญ่มากอาจกดกระเพาะปัสสาวะทำให้มีอาการปัสสาวะบ่อยได้ และอาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์หรืออาการปวดหลังได้ด้วย ผู้ป่วยอาจมีเนื้องอกหนึ่งก้อนหรือหลายก้อนก็ได้ บางครั้งอาจทำให้ตั้งครรภ์ยาก แต่พบได้ไม่บ่อย
สาเหตุของเนื้องอกนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด อย่างไรก็ดีพบว่ามีความสัมพันธ์กับพันธุกรรมและระดับฮอร์โมน ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ความอ้วน การกินเนื้อแดง การวินิจฉัยทำได้โดยการตรวจอุ้งเชิงกรานและการถ่ายภาพรังสีทางการแพทย์
การรักษาอาจไม่มีความจำเป็นในรายที่ไม่มีอาการยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตอรอยด์เช่นไอบูโปรเฟนอาจช่วยบรรเทาอาการปวดและอาการเลือดออกมากได้ พาราเซตามอลก็ช่วยบรรเทาอาการปวดได้เช่นกัน ในรายที่มีเลือดออกมากอาจต้องได้รับยาเสริมธาตุเหล็ก ยากลุ่ม GnRH agonist อาจลดขนาดก้อนเนื้องอกชนิดนี้ได้แต่ยังมีราคาสูงและมีผลข้างเคียง หากมีอาการมากการผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกหรือเอามดลูกออกอาจช่วยได้ การอุดหลอดเลือดเลี้ยงมดลูกก็อาจช่วยได้เช่นกันมะเร็งกล้ามเนื้อเรียบของมดลูกพบได้น้อยมากและมักไม่เจริญมาจากเนื้องอกกล้ามเนื้อเรียบมดลูก
ผู้หญิง 20-80% จะมีเนื้องอกมดลูกเมื่ออายุถึง 50 ปี ข้อมูล ค.ศ. 2003 พบว่าทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคนี้ประมาณ 171 ล้านคน มักตรวจพบในช่วงกลางถึงปลายของวัยเจริญพันธุ์ เมื่อเข้าวัยหมดประจำเดือนแล้วเนื้องอกมักมีขนาดเล็กลง ในสหรัฐเนื้องอกมดลูกเช่นนี้เป็นสาเหตุของการตัดมดลูกที่พบได้บ่อย
อาการและอาการแสดง
เนื้องอกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขนาดเล็กที่อาจจะยังไม่มีอาการใดๆแสดงออกมา อาการจะมาจากตำแหน่งที่ตั้งและขนาดของเนื้องอก อาการที่สำคัญรวมถึงความผิดปกติที่ควรสังเกตคือ มีเลือดออกในทางสูตินารีเวช, มีประจำเดือนมากและปวดท้องมากขณะมีประจำเดือน,ไม่สบายท้องหรือมีอาการท้องอืด, ถ่ายอุจจาระแล้วมีอาการเจ็บ, ปวดหลัง, ปัสสวะบ่อยหรือมีอาการปัสสวะไม่สุด, และในบางกรณีก็ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก นอกจากนี้ยังอาจจะมีอาการเจ็บปวดในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ตั้งของเนื้องอก ถ้าเป็นเนื้องอกในขณะที่ตั้งครรภ์ก็อาจเป็นสาเหตุของการแท้งบุตร, มีเลือดออก, การคลอดก่อนกำหนด หรือรบกวนกับตำแหน่งของทารกในครรภ์.
ในขณะที่มีเนื้องอกมันอาจจะไม่ใช่สาเหตุในกรณีที่เกิดภาวะมีบุตรยาก ทางสถิติ 3% พบว่าเป็นสาเหตุว่าทำไมผู้หญิงคนหนึ่งอาจจะไม่สามารถที่จะมีลูก. ส่วนใหญ่ของผู้หญิงที่มีเนื้องอกมดลูกจะมีผลการตั้งครรภ์ปกติ ในกรณีที่มีเนื้องอกในมดลูกอาจเกิดอาการแทรกซ้อนในภาวะมีบุตรยาก, มักจะพบที่ตำแหน่งเนื้องอกมดลูกที่โพรงมดลูก (submucosal position คือเนื้องอกที่ตำแหน่งก้อนเนื้องอกโตขึ้นและดันเข้ามาในโพรงมดลูก และเนื้องอกมดลูกชนิดมีก้านยื่น โดยตำแหน่งก้อนเนื้องอกซึ่งโตขึ้นอาจดันพ้นออกมาที่ผิวด้านนอกของมดลูกหรือ อาจดันเข้ามาในโพรงมดลูก ตัวก้อนเนื้องอกจะยึดติดกับมดลูกด้วยก้านเล็ก ๆ) และเนื้องอกในตำแหน่งนี้จะรบกวนการทำงานของเยื่อบุมดลูกและความสามารถในการฝังตัวอ่อนของเอ็มบริโอ. นอกจากนี้ยังมีเนื้องอกขนาดใหญ่อาจบังหรือปิดกั้นท่อนำไข่
พยาธิสรีรวิทยา
เนื้องอกมดลูกจะปรากฏขึ้นรอบๆ มีขอบเขตเด่นชัด (แต่ไม่มีถุงหุ้ม), เป็นก้อนแข็งที่มีสีขาวหรือสีน้ำตาล, และจะแสดงลักษณะเป็นเนื้อเยื้อวงกลมมีขนาดแตกต่างกันไป ซึ่งต้องมองผ่านกล้องจุลทรรศน์เพื่อดูความผิดปกติทางโครงสร้างที่ค่อนข้างใหญ่. โดยปกติเนื้องอกมีขนาดเท่าผลส้มโอหรือใหญ่กว่านั้นจะสามารถรู้สึกตัวเองโดยผู้ป่วยผ่านผนังหน้าท้อง
เมื่อดูจากกล้องจุลทรรศน์เซลล์มะเร็งมีลักษณะคล้ายกับเซลล์ปกติ (มีลักษณะเรียวยาวเป็นรูปไข่, มีรูปร่างเหมือนกระสวย,ใจกลางมีรูปร่างเหมือนบุหรี่) และการรวมกลุ่มในรูปแบบที่มีทิศทางที่แตกต่างกัน (มีลักษณะที่เป็นก้นหอย)เซลล์เหล่านี้มีความเหมือนกันในขนาดและรูปร่าง, เป็นกระบวนการแบ่งเซลล์ที่พบได้ยาก มีสามสายพันธุ์ที่เป็นอันตราย คือ 1.bizarre (เกิดความผิดปกติ) 2. cellular และ 3. mitotically
เมื่อมีการตรวจพบจุดเล็ก ๆ ในนิวเคลียสที่เด่นชัด (nucleoli) ที่มีรัศมีที่ใกล้ชิดกับตัวนิวเคลียสควรแจ้งเตือนอายุรเวชเพื่อตัวสอบความเป็นไปได้ของอาการก้อนเนื้องอกที่มาจากกรรมพันธ์ที่พบได้ยากและตรวจเพื่อหาเซลล์มะเร็งที่ไต
ตำแหน่งและการจำแนกประเภท
การเจริญเติบโตและตำแหน่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตรวจสอบเนื้องอกที่จะนำไปสู่การเกิดอาการและปัญหา เนื้องอกที่มีขนาดเล็ก ๆ อาจจะมีอาการหากตั้งอยู่ภายในตำแหน่งที่โพรงมดลูก ในขณะคนที่เป็นเนื้องอกมดลูกที่มีขนาดใหญ่แต่เป็นที่ด้านนอกของมดลูกอาจจะไปไม่มีอาการให้สังเกตเห็น ตำแหน่งที่ตั้งที่แตกต่างกันมีทำให้มีการจัดกลุ่มดังนี้
- เนื้องอกที่กล้ามเนื้อมดลูก (Intramural fibroid) นี้ตั้งอยู่ภายในผนังของมดลูกและเป็นชนิดที่พบมากที่สุด ในกรณีที่มีขนาดใหญ่ที่พวกเขาอาจจะไม่มีอาการ เนื้องอกเริ่มต้นก่อนตัวอยู่ภายในจากก้อนขนาดเล็กที่ผนังกล้ามเนื้อของมดลูก ด้วยเวลาพอสมควรเนื้องอกภายในอาจขยายเข้ามาก่อให้เกิดการบิดเบือนและการยืดตัวของโพรงมดลูก
- เนื้องอกที่ผิวด้านนอกมดลูก(Subserosal fibroid)เป็นเนื้องอกที่ตั้งอยู่ภายใต้พื้นผิวที่เป็นเนื้อเยื่อส่วนนอกของเนื้อเยื่อบุผิว(ช่องท้อง) ของมดลูกและจะกลายเป็นขนาดใหญ่มาก เนื้องอกยังสามารถงอกออกมาเป็นปุ่มเล็กๆกลายเป็นเนื้องอกที่มีก้านออกมาเติบโตแยกออกมาจากมดลูกกลายเป็น parasitic leiomyoma เป็นส่วนที่แยกออกจากก้อนเนื้องอกเดิมออกไป โดยได้รับเลือดมาเลี้ยงจากอวัยวะอื่นในอุ้งเชิงกราน
- เนื้องอกมดลูกที่โพรงมดลูก (Submucosal fibroid) ตั้งอยู่ในกล้ามเนื้อใต้เยื่อบุโพรงมดลูกและมีลักษณะบิดเบี้ยวอยู่ในโพรงมดลูกแม้จะมีแค่ขนาดเล็กๆ แต่เมื่ออยู่ในตำแหน่งนี้ก็อาจทำให้เกิดเลือดออกและเกิดภาวะมีบุตรยาก ก้านที่อยู่ในโพรงเรียกว่าเนื้องอกที่ก้านเล็กๆสามารถที่ผ่านไปยังปากมดลูก
- เนื้องอกในมดลูก (Cervical fibroids) ตั้งอยู่ในผนังปากมดลูก (คอของมดลูก) เป็นเนื้องอกที่ไม่ค่อยมีการพบบ่อยนัก (เส้นเอ็นที่ยึดมดลูก, แผ่นเอ็น, หรือเอ็นใต้กระดูที่อยู่บริเวณใต้กระเบนเหน็บ) ของมดลูกเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อเรียบ.
เนื้องอกอาจมีก้อนเดียวหรือหลายก้อน เนื้องอกส่วนใหญ่จะเริ่มต้นจากภายในที่เป็นชั้นของกล้ามเนื้อของมดลูกมีการเจริญเติบโตต่อไป เนื้องอกอาจจะเจริญเติบโตออกไปทางด้านนอกของมดลูกหรือจะเจริญเติบโตต่อเข้าไปภายใน การเปลี่ยนแปลงพัฒนาตัวภายใต้ของเนื้องอกทำให้มีผลถัดมาก็คือ การตกเลือด, เปลียนเป็นเนื้อร้าย, มีแคลเซียมเกาะ, และมีการเปลี่ยนแปลงที่กระเพาะปัสสวะ(เนื้องอกเบียดกระเพราะปัสสวะทำให้เกิดปัสสวะบ่อย)
เนื้องอกนอกมดลูกที่มีต้นกำเนิดมาจากมดลูก, เนื้องอกที่แพร่กระจายไปเป็นเนื้อร้าย
เนื้องอกในมดลูกเริ่มต้นมาจากมดลูกแล้วต่อไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย, บางครั้งเรียกว่า ก้อนเนื้อปรสิต (parasitic myomas) ในอดีตพบได้ไม่บ่อยนัก แต่ในปัจจุบันมีการวินิจฉัยว่ามีความถี่ของคนเป็นเนื้องอกมากขึ้น เนื้องอกอาจจะเกี่ยวข้องหรือเป็นแบบเดียวกันที่แพร่กระจายไปยังกล้ามเนื้อ
เนื้องอกมดลูกส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับฮอร์โมนแต่อาจะมีภาวะแทรกซ้อนเป็นอันตรายถึงชีวิตหากเนื้องอกขยายใหญ่ไปไกลถึงอวัยวะอื่นๆ บางแหล่งข้อมูลชี้ให้เห็นว่าในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนอยู่ในช่วงปลายของการผ่าตัดเนื้องอกของกล้ามเนื้อมดลูกหรือผ่าตัดมดลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผ่าตัดเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูกโดยวิธีส่องกล้องเพื่อดูชิ้นเนื้อแล้วผ่านทางหน้าท้องที่มีการปั่นชิ้นเนื้อให้เป็นชิ้นเนื้อเล็กๆ แล้วดูดออกมาผ่านท่อ มีส่วนเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของภาวะแทรกซ้อนนี้(ผลอันเนื่องมาจากชิ้นเนื้องอกที่มีขนาดใหญ่).
สิ่งที่ทำให้เงื่อนไขยากขึ้นอยู่กับการแพร่กระจายของเนื้องอก เนื้องอกชนิดที่ไม่เป็นอันตรายแต่เมื่ออยู่ในตำแหน่งบางตำแหน่งก็อาจเป็นอันตรายได้เหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งการเกิดของเนื้องอกเป็นสำคัญ.
- เนื้องอกในกล้ามเนื้อมีการกดทับหลอดเลือด เนื้องอกที่ปรากฏว่าไปกดทับการไหลเวียนหลอดเลือดแต่พบว่าไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดซ้ำ
- ไลโอไมโตมาโอสีสภายในหลอดเลือดดำ, เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูกเติบโตขึ้นในหลอดเลือดดำที่แหล่งของมันคือเนื้องอกมดลูด เมื่อมีการเกี่ยวข้องกับหัวใจอาจจะทำให้เสียชีวิตได้
- เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงเมื่อกระจายไปยังกล้ามเนื้อ, เนื้องอกเมื่อเจริญเติบโตไปยังพื้นที่ไกลขึ้นเช่น ปอดและต่อมน้ำเหลืองที่มีแหล่งที่มาไม่ชัดเจน ถ้ามีความเกี่ยวข้องกับปอดอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- เมื่อมีการแพร่กระจายไปยังไลโอไมโอมาโตสีสภายในหลอดเลือดดำในช่องท้อง,เนื้องอกที่โตกระจัดกระจายบนเยื่อบุช่องท้องและพื้นผิวของเยื่อแขวนกระเพาะในช่องท้อง(omental surfaces) ที่มีแหล่งกำเนิดมาจากเนื้องอกมดลูก มีลักษณะคล้ายกับเนื้องอกร้ายแต่ปฏิบัติตัวเป็นเนื้องอกไม่ร้ายแรง
พยาธิกำเนิด
เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูกมาจากต้นตระกูลเนื้องอก และประมาณ 40 to 50% แสดงถึงโครโมโซมของเซลล์ที่ตรวจพบความผิดปกติของโครโมโซม ปัจจุบันความถี่ที่เกิดไม่สัมพันธ์กับพันธุกรรม กระบวนการเปลี่ยนแปลงเฉพาะของโปรตีน MED12 ได้ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นร้อยละ 70 ของเนื้องอก
สาเหตุที่ทำให้เกิดเนื้องอกนั้นยังไม่เป็นที่ชัดเจน แต่จากสมมติฐานจากงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันคือ ความบกพร่องทางพันธุกรรม, เปิดรับฮอร์โมนก่อนคลอดบุตรและมาจากผลกระทบของฮอร์โมน, ปัจจัยที่ทำให้เนื้องอกเจริญเติบโตและสารซีโนเอสโตรเจน (xenoestrogens คือสารที่มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน ส่งผลให้ภาวะไม่สมดุลของฮอร์โมนมากไปกว่าเดิมที่เป็นอยู่) ซึ่งเป็นสาเหตุให้เนื้องอกเจริญเติบโต ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นที่รู้กันก็คือผู้ที่มีเชื้อสายชาวแอฟริกา, ผู้ที่ไม่เคยบุตร (nulliparity), โรคอ้วน, กลุ่มอาการรังไข่มีถุงน้ำจำนวนมาก, โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง
การเติบโตของเนื้องอกขึ้นอยู่กับฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (progesterone) แม้ว่าทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะมีความสัมพันธ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้เกิดการเจริญเติบโตของเนื้องอกแต่ในบางสถานการณ์การเติบโตก็มีข้อจำกัด ซึ่งขัดแย้งกับเนื้องอกที่ไม่ค่อยเจริญเติบโตได้ในระหว่างการตั้งครรภ์ แม้ว่าจะมีสเตอรอยด์ฮอร์โมนที่สูงมาก และการตั้งครรภ์ค่อนข้างแน่นอนว่ามีผลที่ช่วยให้เกิดการป้องกันสำหรับผู้ที่ไม่เคยเป็นเนื้องอกได้ การป้องกันอาจจะแค่สื่อกลางบางส่วนระหว่างฮอร์โมนเอสโตรเจนและตัวรับของฮอร์โมนออซิโทซิน (oxytocin receptor: ออกซิโทซิน เป็นฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองส่วนหลัง ทำหน้าที่กระตุ้นกล้ามเนื้อเรียบของอวัยวะภายในหลายชนิด เช่น ช่วยในการเคลื่อนที่ของอสุจิจากในช่องคลอด ช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัวขณะคลอด และช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อรอบ ๆ ต่อมน้ำนมให้ขับน้ำนมออกมาเลี้ยงลูก)
มีความเชื่อว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนกับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนมีส่วนเพิ่มจำนวนของเซลล์เนื้องอกและมีอิทธิพลทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เป็นปัจจัยการเจริญเติบโตของเนื้องอก, ไซโตไคน์ (cytokines:ทำหน้าที่ในการสื่อสารระหว่างเซลล์)และปัจจัยที่ทำให้เซลล์นั้นตายลง (apoptotic factors) เช่นเดียวกับฮอร์โมนอื่นๆ นอกจากนี้การทำงานของฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนปรับเปลี่ยนโดยมีการส่งสัญญาณคุยข้ามกันระหว่างฮอร์โมนเอสโตรเจน,ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและฮอร์โมนโพแลกติน (ฮอร์โมน Prolactin เป็นฮอร์โมนอีกชนิดหนึ่งซึ่งสร้างจากต่อม Pituitary ทำหน้าที่พัฒนาต่อมน้ำนมและกระตุ้นให้มีการหลั่งน้ำนมออกมา) ที่เป็นตัวควบคุมการแสดงออกตามลำดับของตัวรับนิวเคลียส เชื่อกันว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นตัวควบคุมเสริมให้เจริญเติบโตโดย up-regulating ของสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้
IGF-1 (IGF-1 มีหน้าที่กระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์การเสริมสร้างกระดูกอ่อน,เซลล์กล้ามเนื้อ รวมถึงมีการกระตุ้นการสังเคราะห์โปรตีนในกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออื่นๆ อีกด้วย),
EGFR (Estimated Glomerular Filtration Rate เป็นค่าที่เราใช้เพื่อประเมินการทำงานของไต),
TGF-beta (Transforming growth factor beta 1 เป็นโกร๊ทแฟคเตอร์ที่มีบทบาทอย่างมากในเมตาบอลิซึมของเซลล์กระดูกและฟัน),
TGF-beta3 (Transforming growth factor beta 3 เป็นชนิดของโปรตีนที่เรียกว่าไซโตไคน์)
PDGF (PLatelet-Derived Growth Factor เป็นหนึ่งในปัจจัยการเจริญเติบโตจำนวนมากหรือโปรตีนที่ควบคุมการเจริญเติบโตของการแบ่งเซลล์) และเป็นตัวส่งเสริมให้เซลล์ของกล้ามเนื้อที่มีความผิดปกติอยู่รอดโดยไปควบคุม p53 เพิ่มตัวปัจจัยยับยั้งอะพอพโทซิส (anti-apoptotic) ของ PCP4(Purkinje cell protein 4 คือ โปรตีนของมนุษย์จะถูกเข้ารหัสโดยยีน PCP4) และสัญญาณว่ามันไม่สามารถเข้ากันได้กับ PPAR-gamma ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเป็นตัวเร่งให้ให้ก้อนเนื้อเจริญเติบโตขึ้นอยู่กับการควบคุม EGF, TGF-beta1 และ TGF-beta3, และยังมีส่วนช่วยให้มันอยู่รอดโดยผ่านการควบคุมการเจริญเติบโตจากสาร Bcl-2 และลดการเจริญเติบโตโดย TNF-alpha ส่งผ่านเพื่อให้เนื้องอกอยู่รอดผ่านควบคุมโดยส่งผ่าน Bcl-2 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการขยายการเจริญเติบโต (TGIF) ที่จะเพิ่มขึ้นของกล้ามเนื้อเมื่อเปรียบเทียบกับกล้ามเนื้อมดลูก TGIFอาจเกิดการปล่อยสาร TGF-β เป็นเส้นทางในเซลล์กล้ามเนื้อมดลูก
เนื้องอกในวัยหมดประจำเดือนจะพบสาร ER-beta, ER-alpha และตัวรับของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน มีการหลั่งออกมามากเกินไป, เนื้องอกในวัยหมดประจำเดือนซึ่งพบได้ยากและจะพบว่ามีการหลั่งสาร ER-beta มากเกินไปแบบมีนัยสำคัญ. ในการศึกษาส่วนใหญ่มีการพบความหลากหลายการเข้ารหัสยีนส์ ER and PR ซึ่งก็ไม่มีส่วนสัมพันธ์บประชากรผิวขาว อย่างไรก็ตามความพิเศษรูปแบบพันธุกรรมของ ER-alpha จะพบว่ามีความสำพันธ์กับการเกิดและขนาดของเนื้องอก เนื้องอกกลุ่มนี้พบได้มากกับพันธุกรรมของกลุ่มผู้หญิงผิวดำ
เนื้องอกมดลูกมีความไวต่อการกระตุ้นมากกว่ากล้ามเนื้อมดลูกปกติ ตัวรับ PPAR-gamma ยืนยันผลลัพธ์ว่าได้ลดการดำรงอยู่และการตายของเซลล์เนื้องอก กลไกก็คือ สื่อสารส่งสัญญาณเชิงลบเส้นทางคุยกันระหว่าง ER และ PPAR หลายๆ PPAR-gamma ลิแกนด์ (Ligands ในทางเคมีคือสสารภายนอกเซลล์ที่เชื่อมต่อกับตัวรับ) เมื่อพิจารณาว่ารักษาดูแลได้อย่างมีสมรรถภาพ PPAR-gamma อะโกนิสต์ (agonists เป็นสารที่เมื่อเชื่อมต่อกับตัวรับทางชีวเคมี แล้วทำให้เกิดการกระตุ้นกลไกตอบสนองของเซลล์) อาจจะต่อต้านกับการเจริญเติบโตของเนื้องอก โดยร่วมกับกลไกของระบบอื่นอีกหลายๆ ตัว ยกตัวอย่างเช่น TGF-beta3 เป็นตัวยับยั้งอาการ
โรคความดันโลหิตสูง ก็มีความสัมพันธ์กับเนื้องอก ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ในเชิงสาเหตุในทางสมมุติฐานอาจจะไม่ใช่ทั้งหมดอาจทำให้เป็นหลอดเลือดแข็งตัวเวลาได้รับบาดเจ็บที่หลอดเลือดมดลูก และเป็นผลทำให้เกิดผลบทบาทสำคัญเมื่อเกิดสภาพการอักเสบ นอกจากนี้ต่อมไร้ท่อเป็นปัจจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับความดันเลือดเช่น Angiotensin II (Angiotensin II เป็นสารสำคัญในเลือดและในเนื้อไตเองโดยแสดงฤทธิ์ต่างๆ คือ 1.ฤทธิ์ต่อหลอดเลือดและหัวใจ 2.ฤทธิ์ต่อไต 3.ฤทธิ์ต่อต่อมหมวกไต 4.ฤทธิ์ต่อระบบประสาท)เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดเนื้องอกผ่านตัว Angiotensin II type 1 receptor.
ฮอร์โมนเพศชาย (Aromatase) และสาร 17beta-hydroxysteroid dehydrogenase คือ แสดงค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานในเนื้องอก แสดงให้เห็นว่าเนื้องอกสามารถที่จะเปลี่ยนแปลหมุนเวียนแอนโดรสตีนไดโอน(Androstenedione นั่นคือสารกระตุ้นฮอร์โมนที่เป็นสารแนะนำของฮอร์โมนเพศชาย) ในเอสตาไดออล(estradiol คือระดับฮอร์โมนในเพศหญิง) กลไกที่คล้ายกันเป็นปฏิบัติการที่ขยายความในเรื่องโรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่(endometriosis) และโรคเยื่อบุโพรงมดลูกอื่น ๆ การยับยั้งการทำางานของเอนไซม์ของฮอร์โมนเพศชายที่มีหน้าที่เปลี่ยนแอนโดรเจนเป็นเอสโตรเจน คือปัจจุบันถือว่าเป็นการรักษาบางอย่างในทางที่เป็นไปได้ที่จะยับยั้งการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนในเนื้องอกในขณะที่มันยังไม่ใหญ่นักแต่ก็มีผลกระทบต่อการผลิตรังไข่ของฮอร์โมนแอสโตรเจน (และระดับของระบบของร่างกาย) ฮอร์โมนเพศชายจะใช้วิธีการตรวจเพื่อตรวจสอบว่าถ้ายีนใดมีความผิดปกติยีนนั้นจะสร้างโปรตีนมากกว่าปกติที่เด่นชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงแอฟริกาอเมริกัน
สาเหตุทางพันธุกรรมและการถ่ายทอดทางพันธุกรรม คือ ได้รับการพิจารณาและอีกหลายอย่างทางระบาดวิทยา ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าอิทธิพลทางพันธุกรรมมากโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระดับแรกมีความเสี่ยง 2.5 เท่า และ ความเสี่ยงใกล้กับ 6 เท่าเมื่อพิจารณาในกรณีที่มีอาการเริ่มต้นไปแล้ว ฝาแฝดที่มีไข่ใบเดียวกัน (Monozygotic twins) มีอัตราการสอดคล้องว่าอาจจะมีการผ่าตัดมดทั้งคู่เมื่อเทียบกับฝาแฝดที่เกิดจากไข่คนละใบ(dizygotic twins)
เช่น แผลเป็นนูน, เนื้องอก ไม่ผลิตสารเคลือบเซลล์ภายนอก จากการศึกษาล่าสุดชี้ให้เห็นว่ากระบวนการนี้อาจเป็นตัวแทนที่แสดงให้เห็นการตอบสนองที่ผิดปกติของการขาดเลือดและกลไกการบีบตัวของเนื้อเยื่อ มีปัจจัยหลายอย่างเป็นส่วนประกอบอย่างมีนัยสำคัญสัญญาณของเส้นทางของสารเคลือบเซลล์ (extracellular signaling pathways) อย่างเช่น ERK1 และ ERK2, ซึ่งบอกได้ว่าเนื้องอกนั้นได้รับอิทธิพลอย่างชัดเจนมาจะฮอร์โมน น่าประหลาดและแตกต่างจากเงื่อนไขอื่นๆ อย่างมากที่มีเรื่องผังผืดมากเกี่ยวข้องด้วยมีการตรวจพบยีนส์ Cyr61 ในเนื้องอกและมีการพบกระบวนการที่เซลล์ลดปริมาณขององค์ประกอบของเซลล์ในเนื้องอก
Cyr61 เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหยุดยั้งเนื้องอกและกลไกการสร้างเลือดใหม่ (angiogenesis) การลดความหนาแน่นของหลอดเลือดเป็นการลดขนาดของเนื้องอกลงได้
การวินิจฉัย
ในขณะที่ตรวจสอบโดยการใช้มือคลำ 2 มือมักจะสามารถเจอการปรากฏของก้อนเนื้องอกสำหรับเนื้องอกที่มีขนาดใหญ่,พบจากคลื่นความถี่สูงของทางสูตินารีแพทย์ (อัลตร้าซาวด์) มีการพัฒนาเป็นเครื่องมือมาตรฐานในการประเมินสำหรับเนื้องอกในมดลูก. การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงจะสามารถเห็นเนื้องอกที่มีกลุ่มก้อนแตกต่างกัน ซึ่งมักจะทำให้เกิดเงาของแสงอัลตร้าซาวด์ การตรวจอัลตราซาวด์สามารถตรวจสอบได้ทั้งขนาดและตำแหน่ง นอกจากนี้ยังมีการถ่ายภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก (MRI) สามารถใช้ในการกำหนดภาพของขนาดและตำแหน่งของเนื้องอกในมดลูกได้
การถ่ายภาพรังสีไม่สามารถแยกแยะระหว่างเนื้องอกธรรมดาไม่ร้ายแรงกับเนื้อร้ายได้ อย่างไรก็ตามเมื่อตรวจภายหลังค่อนข้างหายากที่จะเห็นก้อนเนื้องอกเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วหรือการเจริญเติบโตที่ไม่คาดคิด เช่นการขยายตัวของเนื้องอกหลังวัยหมดประจำเดือน จะเพิ่มระดับความสงสัยได้ว่าเนื้องอกนั้นอาจจะเป็นก้อนเนื้อมะเร็ง โดยเนื้องอกอาจจะพัฒนาเป็นมะเร็งได้สูงโดยดูจากตำแหน่งที่เนื้องอกที่ขยายไป การศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ชี้ให้เห็นว่าความสามารถในการวินิจฉัยโดยใช้ MRI มีการปรับปรุงความสามารถในการตรวจหารอยของโรคทางด้านเนื้องอกได้ การผ่าตัดชิ้นเนื้อเพื่อนำไปตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ(Biopsy)จะดำเนินการน้อยมากและหากดำเนินการจะไม่ค่อยมีการวินิจฉัย ควรจะมีการวินิจฉัยที่ก้อนเนื้องอกถ้ามีความไม่แน่ใจหลังจากการทำอัลตร้าซาวด์และภาพถ่ายจาก MRI ซึ่งชี้ให้เห็นข้อบ่งชี้โดยทั่วไป
เทคนิคการถ่ายภาพอื่น ๆ ที่อาจจะเป็นประโยชน์โดยเฉพาะในการประเมินผลของรอยโรคที่มีผลต่อโพรงมดลูกในการตรวจก็จะมี การตรวจท่อน้ำไข่และโพรงมดลูก (hysterosalpingography) หรือ การอัลตร้าซาวน์น้ำเพื่อดูสภาพภายในมดลูก (sonohysterography)
เนื้องอกที่มีขนาดใหญ่มาก (9 เซนติเมตร) เนื้องอกมดลูกที่มีสาเหตุมาจาก อาการคั่งของโลหิตที่กระดูกเชิงกราน ตามที่เห็นในภาพ CT
เนื้องอกที่มีขนาดใหญ่มาก (9 เซนติเมตร) เนื้องอกมดลูกที่มีสาเหตุมาจากอาการคั่งของโลหิตที่กระดูกเชิงกรานตามที่เห็นจากการอัลตร้าซาวด์
เนื้องอกมดลูกขนาดเล็กมองเห็นภายในผนังของ กล้ามเนื้อมดลูก จากมุมมองอัลตร้าซาวนด์แนวขวาง
อาการผิดปกติ
เนื้องอกที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเลือดออกมากจากช่องคลอดมีโอกาสทำให้เป็นโรคโลหิตจาง และการขาดธาตุเหล็ก ผลกระทบจากความดันทำให้มีปัญหาที่กระเพาะอาหารทำให้เกิดอาการ เช่น อาการท้องผูก (constipation) และอาการท้องอืดก็เป็นไปได้. การที่เนื้องอกเข้าไปเบียดที่ไตอาจนำไปสู่ภาวะไตเสื่อมมีน้ำคั่ง เนื้องอกอาจจะแสดงอาการควบคู่ไปกับโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis) ซึ่งอาจจะทำให้เกิดสาเหตุภาวะมีบุตรยาก โรคที่มีการฝังตัวของเยื่อบุมดลูกในชั้นกล้ามเนื้อมดลูก (Adenomyosis) อาจถูกทำให้เข้าใจผิดหรืออยู่ร่วมกับเนื้องอก
ในกรณีที่หายากมากที่เป็นเนื้องอกจะเป็นชนิดร้ายแรง (มะเร็ง) การเจริญเติบโตของมะเร็งกล้ามเนื้อเรียบมดลูก(leiomyosarcoma)ที่กล้ามเนื้อมดลูกที่สามารถพัฒนาออกไป ในกรณีนี้หาได้ยากมากในเนื้องอกมดลูกอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งหรืออาการเริ่มต้นของพันธุกรรมของไลโอไม่โอมาโตสีสภายในหลอดเลือดดำและอาการเซลล์มะเร็งที่ไต (hereditary leiomyomatosis and renal cell cancer)
การรักษา
เนื้องอกส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องรักษาเว้นแต่เนื้องอกเหล่านี้จะก่อให้เกิดอาการ เนื้องอกจะมีขนาดลดลงเมื่อถึงวัยหมดประจำเดือน และเป็นเรื่องปกติที่เนื้องอกจะทำให้เกิดปัญหา
เนื้องอกในมดลูกอาการสามารถรักษาได้โดย
- ยาเพื่อควบคุมอาการ
- ยาที่มีเป้าหมายในการลดขนาดของเนื้องอก
- การอัลตร้าซาวด์เพื่อทำลายเนื้องอก
- การผ่าตัดลอกเนื้องอกมดลูก หรือ การผ่าตัดด้วยคลื่นวิทยุ
- การตัดมดลูก
- การอุดเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงมดลูกและเนื้องอกของมดลูก(uterine artery embolization)
ผู้หญิงที่ประเมินว่าควรได้รับการรักษาจะดูที่ศูนย์กลางของเนื้องอกมดลูกซึ่งมีหลายทางเลือกและการรักษาส่วนใหญ่จะดูว่าจะรักษามดลูกอย่างน้อยที่สุดรักษาในส่วนที่แพร่กระจาย
การใช้ยา
จำนวนของยาที่ใช้ในการควบคุมอาการที่เกิดจากเนื้องอก ยาลดการอักเสบ (NSAIDs) สามารถใช้ในการลดความเจ็บปวดประจำเดือน ยาเม็ดคุมกำเนิดมีฤทธิ์ที่จะลดเลือดออกในมดลูกและอาการปวด. โรคโลหิตจางอาจจะต้องได้รับการรักษาด้วยการเสริมธาตุเหล็ก
อุปกรณ์หรือยาที่ใช้คุมกำเนิด (Levonorgestrel intrauterine devices) ที่มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมการไหลเวียนของเลือดประจำเดือนและการปรับสมดุลอาการอื่น ๆ. ผลข้างเคียงจะอยู่ในระดับปานกลาง ยาเม็ดคุมกำเนิด (levonorgestrel , progestin) จะถูกให้ในปริมาณไม่มาก. ขณะนี้มีหลักฐานมากมายที่ยาเม็ดคุมกำเนิด(Levongestrel-IUDs)ช่วยบรรเทาอาการที่ดีสำหรับผู้หญิงที่มีเนื้องอก. ในขณะที่การศึกษายาคุมกำเนิดส่วนใหญ่ (Levongestrel-IUD) จากการศึกษาอย่างหนักว่ามีการให้การรักษากับผู้หญิงที่ยังไม่มีเนื้องอกนั้นผลการรายงานว่าได้ผลดี โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีเนื้องอกนั้นทำให้ขนาดลดลง.
ไดนาซอล (Danazol เป็นยาคุมฉุกเฉิน) ใช้รักษาที่มีประสิทธิภาพเพื่อควบคุมอาการและลดขนาดเนื้องอก การใช้งานจะถูกจำกัดเนื่องจากผลข้างเคียงของยา กลไกของมันมีผลทำให้เกิดแอนตี้ฮอร์โมนแอสโตรเจน(ซึ่งจะไปลดฮอร์โมนเพศหญิง เช่น มีอาการบวมน้ำ ขนดก เสียงแตกพร่า เป็นต้น) จากประสบการณ์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงรายละเอียดความปลอดภัยและผลข้างเคียงที่สามารถแก้ไขได้โดยการใช้ยาแบบรอบคอบและระมัดระวังมากขึ้น
Dostinex อยู่ในระดับปานกลางและมีความต้านทานได้ดีที่จะแสดงให้เห็นมี 2 กรณีศึกษาที่สามารถช่วยลดขนาดของเนื้องอกได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่กลไกของการทำงานยังไม่มีความชัดเจน.
Gonadotropin-releasing hormone analogs ช่วยในการหดตัวของเนื้องอกชั่วคราวโดยการลดระดับของฮอร์โมน เนื่องจากมีข้อจำกัดในการใช้ยาและผลข้างเคียงของมันจึงไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ นอกจากจะใช้ก่อนการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของเนื้องอกและก่อนผ่าตัดมดลูก โดยปกติแล้วจะใช้ยาไม่เกิน 6 เดือนหรือน้อยกว่านั้นเพราะหลังจากที่ได้ใช้ยานี้ก่อให้เกิดโรคกระดูกพรุน (osteoporosis) และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ในวัยหมดประจำเดือน ในหลายๆ กรณีเนื้องอกจะเติบโตขึ้นมาใหม่หลังจากหยุดรักษา อย่างไรก็ตามแต่ก็มีประโยชน์หลายๆ อย่างอีกมากจากการรักษาสำหรับในบางกรณีในหลายรูปแบบที่เป็นไปได้ เช่น กล้ามเนื้อเดียวกันกับกลุ่มฮอร์โมน GnRH ด้วยสุตรการเพิ่มด้วยความตั้งใจที่จะลดผลกระทบของการขาดฮอร์โมน การเพิ่มหลายตัวเป็นไปได้ เช่น ยาทิมโบโลน (tibolone ยาที่ใช้รักษาสตรีหมดประเดือน), ยา raloxifene เป็นยาที่ใช้ป้องกันและรักษาภาวะกระดูกพรุนในหญิงวัยหมดประจำเดือน,ฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนอย่างเดียว (progestogens) , ฮอร์โมนฮอร์โมนเอสโตรเจน และนำฮอร์โมนสองตัวมารวมกันทั้งฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนและฮอร์โมนเอสโตรเจน
Ulipristal acetate คือการสังเคราะห์การปรับตัวรับของฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน (selective progesterone receptor modulator) ซึ่งได้รับการทดสอบในการทดลองแบบสุ่มในการทดลองเล็ก ๆ ซึ่งผลออกมาว่ามีผลดีสำหรับการรักษาเนื้องอก เหมือนการปรับตัวรับของฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนและการต่อต้านเนื้องอกที่ได้รับการรายงานเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เยื่อบุมดลูกทางจุลกายวิภาคศาสตร์ของเนื้อเยื่อ และในการศึกษาในระยะยาวยังไม่ถูกกำหนดความปลอดภัยขึ้น
อร์โมนโปรเจสเทอโรน ยังมีการต่อต้าน เช่น ยาไมฟีพริสโทน (Mifepristone) ได้รับการทดสอบ มีหลักฐานว่ามันบรรเทาอาการบางอย่างได้และช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต แต่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงเนื้อเยื่อผลข้างเคียงที่ได้รับทำให้เกิดการตั้งข้อสังเกตในการทดลองหลายๆ อย่าง จึงไม่สามารถแนะนำให้ใช้ได้ ในขณะที่ยังมีการตั้งค่าการวิจัยกันอยู่ ตัวรับของฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน (Selective progesterone receptor modulators) เช่น Progenta ซึ่งกำลังถูกได้รับการตรวจสอบข้อเท็จจริง
selective progesterone receptor modulator Asoprisnil ในปัจจุบันได้รับการทดสอบว่ามีแนวโน้มเป็นไปได้มากที่สุดที่สามารถใช้ในการรักษาเนื้องอก - โดยหวังว่าจะเกิดประโยชน์ในการต้านฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนโดยไม่มีผลข้างเคียงกับผู้ทำการรักษา
ความปลอดภัยในระยะยาวที่ใช้การการต้านฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนที่ใช้การปรับที่ใช้การปรับตัวรับของฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนยังไม่มีการจัดตั้งขึ้น
Aromatase inhibitors (การทำงานของ Aromatase inhibitor คือ การยับยั้งการทำางานของเอนไซม์อโรมาเตสที่มีหน้าที่เปลี่ยนแอนโดรเจนเป็นเอสโตรเจน) ได้ถูกทดลองนำมาใช้ในการลดขนาดเนื้องอก ผลที่ได้มีความเชื่อกันว่าเป็นเพราะบางส่วนจากการลดระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจนและบางส่วนโดยการยับยั้งเฉพาะส่วนฮอร์โมนเพศชาย (Aromatase) ในเนื้องอก. จากประสบการณ์ในการรักษาโดยการยับยั้งฮอร์โมนเพศชายของโรคเหยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis) เห็นได้ว่าสารยับยั้งฮอร์โมนเพศชายมีประโยชน์อย่างยิ่งในการทำงานร่วมกันในการยับยั้งการตกไข่ของฮอร์โมนโปรเจสโตเจน
รังสีวิทยาหลอดเลือดมดลูก
Uterine artery embolization (UAE เป็นการรักษาโดยวิธีทางรังสีร่วมรักษาผ่านทางหลอดเลือดแดงเข้าไปอุดกั้นหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงเนื้องอกมดลูกโดยตรงทำให้เนื้องอกมดลูกมีขนาดเล็กลงและทำให้เนื้องอกดังกล่าวหายไปได้): คือจะปิดกั้นกระบวนการของหลอดเลือดเพื่อประสิทธิภายในการรักษาอาการของเนื้องอก โดยใช้เทคนิครังสีวิทยา (interventional radiology), โดยวิธีการทางรังสียับยั้งลดทั้งหลอดเลือดแดงอุดตันหรือทำลายมดลูก, เพื่อลดเส้นทางของเลือดที่ไปเลี้ยงยังเนื้องอก. การรักษาวิธีนี้จะไม่แนะนำเมื่อต้องการที่รักษาปกป้องการเจริญพันธุ์เมื่อจะมีความเป็นไปได้ว่ามีการตั้งครรภ์.สายสวนขนาดเล็ก (ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง1 มิลลิเมตร) ใส่เข้าไปในเส้นเลือดแดงที่ระดับขาหนีบภายใต้ยาชาเฉพาะที่ ภายใต้การแนะนำใต้ภาพ รังสีแพทย์จะเข้าสู่วิธีการที่จะคัดเลือกทั้งหลอดเลือดแดงของมดลูกและฉีดอนุภาคขนาดเล็ก (500 ไมครอน) เป็นอนุภาคที่จะปิดกั้นการส่งเลือดไปยังเนื้องอก ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวในขั้นตอนไม่กี่วัน ขั้นตอนของการทำ UAE นั้นจะส่งผลให้ปริมาณของโลหิตมีจำกัดที่ส่งไปยังเนื้องอกซึ่งจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกในอนาคตต่อไป,มีเลือดออกมากและเป็นไปได้ที่เนื้องอกมีขนาดเล็กลง
การศึกษาการศึกษาย้อนหลังแสดงให้เห็นว่ายูเออีมีผลกระทบที่ร้ายแรงน้อยมากกว่าการผ่าตัดมดลูก อัตราส่วนออด 0.25 (odds ratio 0.25) และอัตราที่เหมือนเป็นค่าความพึงพอใจ ในการศึกษานี้ มีผู้หญิง 86% ที่ได้รับการรักษาโดยวิธีการ UAE จะแนะนำการรักษาให้เพื่อน เมื่อนำไปเทียบกับ 70% ของผู้ที่รับการรักษาโดยการผ่าตัดมดลูก
ในปี 1994, ดร.บรูซ แมคลูคัส (Dr. Bruce McLucas) เป็นผู้ทำการรักษาด้วยวิธีการ UAE สำเร็จเป็นคนแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่นั้นมาก็ได้มีการใช้วิธี UAE นี้ประสบความสำเร็จในผู้ป่วยนับพันคนทั่วโลก เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนของสูตินรีแพทย์ของโลกที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินการ UAE. ดร.แมคลูคัสยังฝึกอบรมแพทย์ทั่วโลกที่จะประสบความสำเร็จในการดำเนินการ UAE
การผูกหลอดเลือดในมดลูก
การผูกหลอดเลือดในมดลูก (Uterine artery ligation) , บางครั้งก็ผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อปิดกั้นหลอดเลือดแดงที่มดลูกเป็นวิธีการที่ลดการส่งเลือดไปเลี้ยงมดลูกโดยการผ่าตัดขนาดเล็กที่สามารถดำเนินการผ่านทางช่องคลอดหรือผ่าตัดผ่านทางกล้อง วิธีการและกลไกการรักษาจะคล้ายกับวิธีการ UAE แต่วิธีการดำเนินการจะง่ายและผลข้างเคียงน้อยกว่า แต่ถ้าจะเปรียบเทียบกันแล้ว UAE เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าวิธีการนี้.
การผ่าตัดด้วยคลื่นความถี่วิทยุ
การผ่าตัดด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency ablation) คือหนึ่งในวิธีการในการรักษาเนื้องอกที่มีผลกระทบน้อย เทคนิคของวิธีการนี้ก็คือ ใช้เส้นใยที่มีขนาดเล็กที่มีอุปกรณ์คล้ายเข็มเข้าไปในเนื้องอกผ่านทางช่องท้องและใช้ความร้อนของคลื่นความถี่วิทยุ(Radio-Frequency:RF) ปล่อยพลังงานไฟฟ้าเป็นผลให้เซลล์นั้นตาย การรักษาวิธีนี้เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้หญิงที่มีเนื้องอกสำหรับผู้ที่ต้องการมีบุตรและไม่ต้องการที่จะผ่าตัดมดลูก
การผ่าตัดลอกเนื้องอกมดลูก
การผ่าตัดลอกเนื้องอกมดลูก (myomectomy) คือ การผ่าตัดเอาเนื้องอกมดลูก 1 ก้อนหรือมากกว่านั้น เป็นได้รับการแนะนำเพิ่มเติมเมื่อใช้วิธีการรักษาวิธีอื่นไม่ได้ผลสำหรับผู้หญิงที่ต้องการที่ได้รับการผ่าตัดแบบสมบูรณ์และต้องการที่จะรักษามดลูกเอาไว้
วิธีการที่จะผ่าตัดลอกเนื้องอกมดลูกมีอยู่ 3 วิธี:
- การผ่าตัดส่องกล้อง (hysteroscopic myomectomy มักจะเรียกว่า transcervical resection) ซึ่งจะตัดเอาเนื้องอกออกด้วยใช้อุปกรณ์ที่เป็นแท่งยาวเรียกว่า Resectoscope เข้าไป ตัวนี้ตรงปลายจะมีกล้อง ผ่านช่องคลอดและปากมดลูกเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่แทรกผ่านช่องคลอดและปากมดลูกสามารถใช้พลังงานไฟฟ้าความถี่สูงในการผ่าตัดเนื้อเยื่อเนื้องอก
- การผ่าตัดผ่านทางกล้อง (laparoscopic myomectomy) คือ เมื่อทำเสร็จแล้วจะเกิดแผลขนาดเล็กบริเวณใกล้กับสะดือ แพทย์จะใช้กล้องที่เรียกว่า Laparoscope และเครื่องมือที่จะใช้ผ่าตัดเพื่อเอาเนื้องอกออก จากการศึกษาแนะนำให้ผ่าตัดผ่านทางกล้องนั้นมีส่วนทำให้อัตราการเจ็บน้อย(morbidity) และฟื้นตัวได้รวดเร็วด้วยวิธีการนี้
- การผ่าตัดเปิดทางช่องท้อง (laparotomic myomectomy : เป็นการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องหรือช่องท้อง) เป็นขั้นตอนการผ่าตัดที่ช่วยเอาเนื้องอกออกจากมดลูกได้มากที่สุด แพทย์ที่ทำการผ่าตัดจะเปิดให้เกิดแผลในผนังช่องท้องและเอาเนื้องอกออกจากมดลูก
การตัดมดลูก
การตัดมดลูก (Hysterectomy) เป็นวิธีการดั้งเดิมที่ใช้ในการรักษาเนื้องอก. ถึงแม้ว่าเวลาที่แนะนำวิธีการตัดมดลูกนั้นจะเป็นทางเลือกสุดท้ายก็ตาม เนื้องอกก็ยังเป็นสาเหตุสำคัญในการตัดมดลูกของหญิงชาวสหรัฐเมริกา
การทำลายเยื่อบุโพรงมดลูก
การทำลายเยื่อบุโพรงมดลูก (Endometrial ablation) จะใช้ในกรณีที่มีเนื้องอกที่อยู่ภายในโพรงมดลูกและไม่ใช่เนื้องอกที่กล้ามเนื้อมดลูกและมีขนาดค่อนข้างเล็ก อัตราในการทำมีความล้มเหลวสูงและปรากฏว่ามีอัตราการเกิดเนื้องอกซ้ำสำหรับเนื้องอกที่มีขนาดใหญ่หรือเนื้องอกที่อยู่ในชั้นกล้ามเนื้อมดลูก
การใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแนะนำที่เน้นการอัลตราซาวด์
การใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแนะนำที่เน้นอัลตราซาวด์ (MRgFUS:Magnetic Resonance guided Focused Ultrasound) คือ ส่วนที่งอกมาไม่แพร่กระจาย(จะต้องไม่มีแผล) โดยจะเน้นการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ที่มีเข้มข้นสูงทำลายเนื้อเยื่อทำงานร่วมกับเครื่องตรวจวินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ซึ่งแนะนำและให้ติดตามการตรวจรักษา ในระหว่างขั้นตอนส่งพลังจากการอัลตราซาวด์เป็นเรื่องที่แนะนำและควบคุมโดยใช้ความร้อนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า. ผู้ป่วยที่มีอาการเนื้องอกผู้ที่มีความประสงค์ที่เลือกการรักษาที่แบบไม่แพร่กระจายและผู้ที่ไม่ข้อบ่งชี้ห้ามในการใช้เครื่อง MRI สมัครใจที่จะใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแนะนำที่เน้นอัลตราซาวด์ ผู้ป่วยที่มีคุณสมบัติในการรักษาวิธีมีประมาณ 60% ผู้ป่วยนอกจะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 1-3 ชั่วโมงทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของเนื้องอกวิธีการนี้มีความปลอดภัยและได้ผลที่มีประสิทธิภาพประมาณ 75% การดูแลอาการจะคงอยู่สองปีขึ้นไป จำเป็นในการรักษาที่เพิ่มขึ้นแตกต่างกันไป 16-20% และเป็นส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับปริมาณของเนื้องอกที่สามารถเอาออกได้อย่างปลอดภัย ปริมาณที่เอาออกมากขึ้น ปริมาณที่กลับมารักษาอีกครั้งลดลง. เมื่อเทียบกับตัวเลือกในการรักษาที่มีอยู่, ช่วยในการลดค่าใช้จ่ายสำหรับ MRgFUS ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอังกฤษซึ่งพบว่าเป็นเหตุผลหนึ่งและใกล้เคียงกับการรักษาทางเลือก (การตัดมดลูก,ยาที่ใช้บำบัด, รังสีวิทยาหลอดเลือดมดลูก). ขณะนี้ยังไม่มีการทดลองแบบสุ่มระหว่าง MRgFUS และ UAE ทดลองหลายศูนย์กำลังดำเนินการในการตรวจสอบประสิทธิภาพของ MRgFUS กับ UAE
ระบาดวิทยา
มีคน 235 ล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากการมีเนื้องอกมดลูกจากสถิติในปี 2010 (คิดเป็น 6.6% ของผู้หญิง). ประมาณ 20–40% ของผู้หญิงได้รับวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกมดลูกบางจุดแต่มีจำนวนเล็กน้อยที่จะมีปัญหาและต้องการการรักษา
เนื้องอกมดลูกพบมากในผู้หญิงที่มีโรคอ้วน เนื้องอกจะขึ้นอยู่กับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เติบโตและดังนั้นจึงมีความเกี่ยวพันธ์กันระหว่างช่วงปีที่มีการเจริญพันธุ์ และเนื้องอกเหล่านี้คาดว่าจะมีขนาดลดลงในวัยหลังหมดประจำเดือน
กลุ่มคนที่เกี่ยวกับกรรมพันธุ์
ร่วมกับการสังเคราะห์กลุ่มไขมัน (fatty acid synthase) ที่ได้รับการรายงาน.
คนในครอบครัวผู้ที่มีเนื้องอก
อาการที่จะทำให้เกิดเนื้องอกมดลูกพร้อมกับเนื้องอกผิวหนัง (Reed’s syndrome) และมะเร็งที่ไต(renal cell cancer) ที่ได้รับการรายงาน. จะมีความเกี่ยวข้องในการกลายพันธุ์ของยีนส์ที่ก่อให้เกิดเอนไซด์ฟูมาเรทไฮดร้าเทส(enzyme fumarate hydratase) ตั้งอยู่ในโครโมโซมคู่ที่ 1(chromosome 1:1q42.3-43) ซึ่งได้รับการถ่ายทอดพันธุ์กรรมเด่น
สหรัฐอเมริกา
80% ของผู้หญิงชาวแอฟริกันอเมริกันที่มีเนื้องอกแบบไม่เป็นอันตรายในปลายวัย 40 ของเธอ ตามที่สถาบันแห่งชาติของวิทยาศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อม. หญิงชาวแอฟริกันอเมริกามีโอกาส 2 ใน 3 ที่มีแนวโน้มที่เป็นเนื้องอกมากกว่าผู้หญิงผิวขาว. ในผู้หญิงแอฟริกันอเมริกันเนื้องอกดูเหมือนจะเกิดขึ้นกับวัยของผู้ที่มีอายุน้อย, เติบโตได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดอาการ. ซึ่งจะนำไปสู่การผ่าตัดมากขึ้นสำหรับผู้ป่วยชาวแอฟริกันอเมริกา,สำหรับการผ่าตัดลอกเนื้องอกมดลูกและการผ่าตัดมดลูก. เพิ่มความเสี่ยงเนื้องอกในแอฟริกัน-อเมริกันที่จะนำไปสู่ประสบการณ์การรักษาที่เลวร้ายและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกก่อนวัยอันควรและการผ่าตัดคลอดของพวกเธอ.
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนนักว่าทำไมเนื้องอกจึงเกิดกับผู้หญิงที่แอฟริกัน-อเมริกันกันมาก. บางการศึกษาแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงผิวดำผู้ซึ่งเป็นโรคอ้วนและมีความดันโลหิตสูงมีแนวโน้มที่จะเกิดเนื้องอก หญิงผิวดำมีการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับนมน้อยกว่าหญิงผิวขาวและมีปริมาณแคลเซียมน้อยกว่า, แมกนีเซียมและฟอสฟอรัส, ในขณะที่ข้อมูลบางอย่างที่มีข้อบ่งชี้ให้เห็นว่าการบริโภคผลิตภัณฑ์เกที่ยวกับนมเพิ่มขึ้นในผู้หญิงแอฟริกัน-อเมริกันมีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของเนื้องอก มีความสัมพันธ์กับการใช้ผลิตภัณฑ์ของน้ำยายืดผม และค้นพบว่ามีความเสี่ยงของการพัฒนาของเนื้องอก, มีจำนวนความถี่ในการใช้น้ำยายืดผมของผู้หญิงชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่จะอธิบายในเรื่องความเสี่ยงที่เป็นเนื้องอก
การพยากรณ์โรค
ประมาณ 1:1000 ของผู้ที่มีเนื้องอกที่กลายเป็นเนื้องอกร้ายแรงเป็นมะเร็งชนิดกล้ามเนื้อเรียบ(leiomyosarcoma) ในทางวิทยาทางเนื้อเยื่อ.จากสัญญาณว่าแผลหรือเนื้องอกนั้นจะเป็นมะเร็งและเติบโตขึ้นหลังจากวัยหมดระดู(menopause) มีข้อสรุปเป็นมติของพยาธิวิทยาที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเนื้องอกมดลูก (leiomyoma) ในก้อนเนื้อมะเร็ง (sarcoma) ในทางพยาธิวิทยาส่วนใหญ่เชื่อว่ามะเร็งชนิดกล้มเนื้อเรียบคือโรคใหม่(de novo disease).
การแพร่กระจาย
มีเงื่อนไขมากมายที่มีส่วนในการแพร่กระจายของเนื้องอก เนื้องอกยังคงเติบโตแต่ก็เป็นอันตรายได้ก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเนื้องอก
สังคมและวัฒนธรรม
กฎหมายของสหรัฐอเมริกา
[2005 S.1289 bill] เรียกว่าคณะกรรมการสุขภาพ ชนชั้นแรงงานและบำเหน็จบำนาญแต่ไม่เคยผ่านร่างวุฒิสภาและลงคะแนนเสียง ได้เสนอเกี่ยวกับงานวิจัยเนื้องอกมดลูกและจาการศึกษา พระราชบัญญัติการศึกษาของปี 2005 กล่าวว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คือการใช้จ่ายประจำทุกปีในการผ่าตัดมดลูกในแต่ละปี คิดเป็น 22% ของผู้หญิงแอฟริกัน-อเมริกันและ 7% ของผู้หญิงผิวขาว มีการเก็บเงินระดมทุนมากขึ้นเพื่อการวิจัยและการศึกษา นอกจากนี้ยังระบุว่ามีเงินจำนวน 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับ NIH, 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ถูกจัดสรรสำหรับเนื้องอกมดลูกในปี 2004
ในสัตว์อื่นๆ
เนื้องอกมดลูกพบได้ยากสำหรับสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ แม้กระนั้นก็ยังมีการตั้งข้อสังเกตในสุนัขและแมวน้ำสีเทาบอลติก (Baltic gray seals)
แหล่งข้อมูลอื่น
การจำแนกโรค | |
---|---|
ทรัพยากรภายนอก |
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: เนื้องอกมดลูก |
Adnexa |
|
||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
Uterus |
|
||||||||||||
Vagina | |||||||||||||
Vulva | |||||||||||||
|